Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
มิตซูบิชิทุ่ม6.6 พันล้านบาทเข้าถือหุ้น Thai Union 20% เสริมธุรกิจอาหาร
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

มิตซูบิชิทุ่ม6.6 พันล้านบาทเข้าถือหุ้น Thai Union 20% เสริมธุรกิจอาหาร

4 ส.ค. 68
13:49 น.
แชร์

Mitsubishi Corporation บริษัทการค้ารายใหญ่ของญี่ปุ่น เตรียมเดินหน้าเปิดการเสนอซื้อหุ้น (tender offer) เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 20% ในบริษัท Thai Union Group ซึ่งเป็นผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่ที่สุดของโลก เพื่อขยายการลงทุนในธุรกิจอาหารทะเลอย่างเป็นระบบและยกระดับความร่วมมือทางธุรกิจ

บริษัทมีแผนเสนอซื้อหุ้นในราคา 12.5 บาทต่อหุ้น คิดเป็นพรีเมียมประมาณ 6% จากราคาปิดที่ 11.8 บาทเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รวมมูลค่าการทำรายการประมาณ 6.6 พันล้านบาท หรือราว 203 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปัจจุบัน Mitsubishi ถือหุ้นใน Thai Union อยู่แล้ว 6.19% และหากการเสนอซื้อสำเร็จตามแผน จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 20% ส่งผลให้ Thai Union กลายเป็นบริษัทร่วม (affiliate) ของ Mitsubishi อย่างเป็นทางการ โดยกระบวนการเสนอซื้อคาดว่าจะเริ่มได้เร็วที่สุดในเดือนตุลาคมนี้

Mitsubishi มองว่า ความต้องการปลาทูน่ากระป๋องทั่วโลกยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นสินค้าที่เก็บรักษาได้นานและสะดวกต่อการบริโภค บริษัทจึงตั้งใจจะสนับสนุน Thai Union ในด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ

Thai Union มีเครือข่ายโรงงานแปรรูปอาหารทะเล 26 แห่งใน 15 ประเทศ ครอบคลุมทั้งในเอเชียและแอฟริกา ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทประกอบด้วย ปลาทูน่ากระป๋อง แซลมอนและกุ้งแช่แข็ง อาหารเสริมสุขภาพ รวมถึงอาหารสัตว์เลี้ยงที่ผลิตจากปลาโบนิโตและปลาทูน่า

ทั้งปลาทูน่าและโบนิโตเป็นสายพันธุ์ปลาที่อาศัยในน่านน้ำเขตร้อนและอบอุ่น ซึ่งมีแนวโน้มปรับตัวได้ดีต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก และยังคงเป็นแหล่งโปรตีนสำคัญที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศพัฒนาแล้วและกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่

Mitsubishi Corporation เริ่มเข้าลงทุนใน Thai Union ตั้งแต่ปี 1991 และปัจจุบันทั้งสองบริษัทมีความร่วมมือด้านการจัดจำหน่ายปลาทูน่ากระป๋องและอาหารสัตว์เลี้ยงในตลาดญี่ปุ่นมาอย่างต่อเนื่อง

การเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 20% จะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดย Mitsubishi มีแผนขยายบทบาทของบริษัทในเครืออย่าง Toyo Reizo ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการจัดการอาหารทะเลสด เช่น ซาชิมิ เข้ามาสนับสนุน Thai Union ด้วยการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านกระบวนการจัดการสินค้า ขณะเดียวกัน Thai Union ก็สามารถช่วยสนับสนุน Cermaq ซึ่งเป็นธุรกิจฟาร์มแซลมอนในเครือ Mitsubishi ที่ตั้งอยู่ในนอร์เวย์ ในการกระจายผลิตภัณฑ์แซลมอนแปรรูปสู่ตลาดใหม่ ๆ

Mitsubishi ตั้งเป้าเพิ่มกำไรสุทธิจากธุรกิจอาหารทะเลให้ได้ถึง 3.6 เท่าภายในสิ้นปีงบประมาณ 2024 หรือคิดเป็นมูลค่าราว 50,000 ล้านเยน (ประมาณ 340 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยล่าสุดบริษัทได้เข้าซื้อกิจการฟาร์มแซลมอนเพิ่มเติมในนอร์เวย์ผ่าน Cermaq เพื่อยกระดับกำลังการผลิตอาหารทะเลแปรรูปให้แตะ 250,000 ตันต่อปี ซึ่งจะทำให้ Mitsubishi ก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับสองของโลกในอุตสาหกรรมนี้

Q2/68 ไทยยูเนี่ยนกำไรโต 13.2%-มาร์จิ้นพุ่ง 19.7%

ขณะเดียวกัน ในวันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด ได้ออกมารายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ด้วยยอดขายรวม 33,389 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิปรับปรุง (ไม่รวมต้นทุนทรานส์ฟอร์มเมชัน) อยู่ที่ 1,506 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดยมีแรงสนับสนุนหลักจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ทำสถิติสูงสุด และการควบคุมต้นทุนอย่างมีวินัย ส่งผลให้กำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 18% บริษัทฯ จึงมีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.35 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่าย 59%

อัตรากำไรขั้นต้นของไตรมาส 2 อยู่ที่ 19.7% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการบริหารพอร์ตสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพและต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง ขณะที่กำไรสุทธิที่รายงานอยู่ที่ 1,273 ล้านบาท

ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 กำไรสุทธิปรับปรุงอยู่ที่ 2,823 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.2% ส่วนกำไรสุทธิที่รายงานอยู่ที่ 2,292 ล้านบาท โดยอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 19.3%

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทฯ ระบุว่า ในสภาวะเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงและไม่แน่นอน บริษัทสามารถปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านโครงการทรานส์ฟอร์มเมชัน ซึ่งได้แสดงผลลัพธ์เป็นรูปธรรม การเพิ่มศักยภาพของธุรกิจหลักช่วยผลักดันอัตรากำไรขั้นต้นให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และเสริมความพร้อมในการเผชิญกับความท้าทายในอนาคต

ยอดขายไตรมาส 2 ลดลง 0.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง 4.7% และยอดขายสินค้ากลุ่มแช่แข็งในสหรัฐฯ ที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป อาหารสัตว์ และอาหารสัตว์เลี้ยงยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มอาหารทะเลแปรรูปมียอดขาย 16,597 ล้านบาท ปริมาณขายทรงตัว และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 22% จากราคาวัตถุดิบปลาที่ลดลงและความสำเร็จของแคมเปญการตลาด

กลุ่มอาหารทะเลแช่แข็งมียอดขาย 10,034 ล้านบาท จากความต้องการกุ้งในตลาดสหรัฐฯ ที่ลดลง ส่วนกลุ่มอาหารสัตว์สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 11.7% ขณะที่กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงมียอดขาย 4,387 ล้านบาท ปริมาณขายเพิ่มขึ้น 10% จากคำสั่งซื้อของลูกค้ารายใหญ่ในสหรัฐฯ และมีกำไรขั้นต้น 25.6% ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่ามียอดขาย 2,371 ล้านบาท โดยอัตรากำไรขั้นต้นยังคงแข็งแกร่งที่ 26.3% จากผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและการใช้วัตถุดิบเหลือใช้มาสร้างมูลค่าเพิ่ม

สำหรับภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ กำหนดใหม่ที่ 19% มีผลกับสินค้าที่จัดส่งหลังวันที่ 7 สิงหาคม บริษัทได้เตรียมมาตรการรับมือผ่านเครือข่ายการผลิตใน 14 ประเทศ รวมถึงในสหรัฐฯ เพื่อเสริมความยืดหยุ่นและลดผลกระทบ โดยโรงงานของไทยยูเนี่ยนในไทย กานา และเซเชลส์ ได้รับอัตราภาษีนำเข้า 19%, 15% และ 10% ตามลำดับ ซึ่งยังสามารถแข่งขันได้เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งอย่างอินโดนีเซีย (19%) และเวียดนาม (20%)

ในครึ่งปีแรก บริษัทฯ ยังได้ดำเนินโครงการซื้อหุ้นคืนครั้งที่ 4 แล้วเสร็จ คิดเป็น 8.98% ของทุนชำระแล้ว สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว พร้อมกันนี้ ไทยยูเนี่ยนและมิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่นได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจ โดยมิตซูบิชิจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในไทยยูเนี่ยนจาก 6.19% เป็น 20% (ไม่รวมหุ้นซื้อคืน) ผ่านการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั่วไป

นายธีรพงศ์กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความไว้วางใจที่สั่งสมมายาวนาน สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ร่วมในการขับเคลื่อนอนาคตของอุตสาหกรรมอาหารทะเลโลก พร้อมสร้างการเติบโต ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพและยั่งยืนให้กับผู้บริโภคทั่วโลก โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่หรือทีมผู้บริหารระดับสูงของบริษัท

ความร่วมมือจะมุ่งผลักดันใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ การตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกในด้านอาหารทะเลและโภชนาการ โดยอาศัยจุดแข็งของไทยยูเนี่ยนในฐานะผู้ผลิตระดับโลก ร่วมกับเครือข่ายการจัดหาและจัดจำหน่ายของมิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงวัตถุดิบและเสริมความยืดหยุ่นของซัพพลายเชน การสร้างการเติบโตในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพ เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง และการขับเคลื่อนเป้าหมายด้านความยั่งยืนผ่านการผสานยุทธศาสตร์ SeaChange® 2030 เข้ากับมาตรฐานความยั่งยืนระดับโลกของมิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น ในด้านการจัดหาวัตถุดิบอย่างรับผิดชอบ สวัสดิภาพแรงงาน และสิ่งแวดล้อม


แชร์
มิตซูบิชิทุ่ม6.6 พันล้านบาทเข้าถือหุ้น Thai Union 20% เสริมธุรกิจอาหาร