เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามาปรับโฉมอุตสาหกรรมไลฟ์คอมเมิร์ซของจีนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อ ‘อวตารดิจิทัล’ ที่พัฒนาโดย AI เริ่มแสดงศักยภาพเหนือกว่ามนุษย์จริงในการสร้างยอดขาย สะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านที่อาจเป็นจุดเปลี่ยนของรูปแบบการขายสินค้าในยุคดิจิทัล
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา Luo Yonghao นักไลฟ์สดรุ่นบุกเบิกของจีน และพิธีกรร่วม Xiao Mu ได้ใช้อวตารดิจิทัลของตนเองในการถ่ายทอดสดแบบเรียลไทม์ต่อเนื่องยาวนานกว่า 6 ชั่วโมง ผลลัพธ์คือยอดขายรวมกว่า 55 ล้านหยวน หรือประมาณ 7.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าการไลฟ์สดในเดือนก่อนหน้าซึ่งยังไม่มีการใช้อวตารดิจิทัลเข้ามาช่วยเสริม
Luo กล่าวว่านี่คือครั้งแรกที่เขาใช้เทคโนโลยี "มนุษย์ดิจิทัล" เพื่อขายสินค้าผ่านการไลฟ์สด พร้อมระบุว่า “อวตารดิจิทัลทำให้ผมตกใจ... ตอนนี้ยังมึนอยู่เล็กน้อย” โดยโพสต์ข้อความนี้บนแพลตฟอร์ม Weibo ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 1.7 ล้านคน
เบื้องหลังความสำเร็จของอวตารดังกล่าวคือระบบ AI เชิงกำเนิด (generative AI) ของ Baidu ซึ่งถูกฝึกด้วยคลังข้อมูลวิดีโอของ Luo ที่สั่งสมมายาวนานถึง 5 ปี เพื่อให้สามารถเลียนแบบโทนเสียง จังหวะการพูด อารมณ์ขัน และบุคลิกเฉพาะตัวของนักไลฟ์ต้นแบบได้อย่างแม่นยำ
Wu Jialu หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Be Friends Holding ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจในเครือของ Luo กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า “นับเป็นช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงของวงการไลฟ์คอมเมิร์ซจีน ไม่ต่างจากที่ DeepSeek เคยเขย่าตลาด AI โลกในช่วงต้นปี”
เขายังระบุด้วยว่า การใช้อวตาร AI ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในแง่ของจำนวนทีมงาน สถานที่ถ่ายทำ และเวลาในการผลิตคอนเทนต์ อีกทั้งอวตารยังสามารถถ่ายทอดสดได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องหยุดพัก จึงเป็นทางเลือกที่น่าจับตามองสำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายช่องทางการขายอย่างมีประสิทธิภาพ
ที่ผ่านมา Be Friends เคยทดลองใช้เทคโนโลยีมนุษย์ดิจิทัลมาแล้วหลายรูปแบบ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก จนกระทั่งได้ร่วมมือกับ Baidu ซึ่งในมุมมองของ Wu ถือว่าเป็น “เวอร์ชันที่ดีที่สุดในตลาดขณะนี้” โดยเปรียบเทียบกับช่วง 5–6 ปีก่อนที่วงการไลฟ์คอมเมิร์ซยังอยู่ในช่วงตั้งต้น
หลังการระบาดของโควิด-19 ภาคธุรกิจในจีนเร่งปรับตัวเข้าสู่ช่องทางออนไลน์ ส่งผลให้อุตสาหกรรมไลฟ์คอมเมิร์ซขยายตัวอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงเป็นทางเลือกสำคัญในการเพิ่มยอดขาย แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้คนจำนวนมากเข้าสู่วงการไลฟ์สดเพื่อหารายได้เสริม ทั้งจากค่าคอมมิชชันและของขวัญดิจิทัลที่ได้รับจากผู้ชม
ข้อมูลจาก Bain & Company และ Worldpanel ชี้ว่า ในปีที่ผ่านมา Douyin สร้างยอดขายผ่านไลฟ์คอมเมิร์ซได้มากถึงขั้นแซงหน้า JD.com ขึ้นแท่นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอันดับสองของประเทศ และเริ่มแย่งส่วนแบ่งตลาดจาก Alibaba อย่างมีนัยสำคัญ
กระแสนี้ยังส่งผลให้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Tencent รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ของจีน หันมาพัฒนา อวตารดิจิทัล เพื่อใช้งานในหลากหลายบริบท ตั้งแต่การอ่านข่าวไปจนถึงการขายสินค้า โดยเริ่มทดลองใช้งานจริงในช่วงเทศกาลช้อปปิ้ง “วันคนโสด” (Singles Day) ปลายปี 2023 ซึ่งเป็นหนึ่งในอีเวนต์ที่มีการจับจ่ายใช้สอยสูงที่สุดของจีน
อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีก็มาพร้อมกับข้อจำกัดใหม่ โดยเฉพาะประเด็นด้านกฎหมายและกฎระเบียบของแต่ละแพลตฟอร์ม Wu Jialu ชี้ว่า มนุษย์ดิจิทัลจะต้องได้รับการฝึกฝนให้สามารถปฏิบัติตามกฎเกี่ยวกับโฆษณาและการนำเสนอสินค้าอย่างเคร่งครัด ขณะที่แพลตฟอร์มขนาดใหญ่อย่าง Douyin เริ่มกำหนดข้อจำกัดต่อการใช้อวตารที่ไม่สามารถโต้ตอบกับผู้ชมได้แบบเรียลไทม์
แม้ Luo Yonghao จะยังไม่ประกาศวันไลฟ์ครั้งถัดไปของอวตารอย่างเป็นทางการ แต่ Wu เปิดเผยว่า น่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า มนุษย์ดิจิทัลในระยะต่อไปอาจสามารถสื่อสารได้หลายภาษา เพื่อขยายตลาดสู่กลุ่มผู้ชมต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น