Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
Jetstar Asia ประกาศเลิกกิจการ 31 ก.ค. สู้ต้นทุนสนามบิน-แข่งเดือดไม่ไหว
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

Jetstar Asia ประกาศเลิกกิจการ 31 ก.ค. สู้ต้นทุนสนามบิน-แข่งเดือดไม่ไหว

11 มิ.ย. 68
13:14 น.
แชร์

Qantas Airways สายการบินแห่งชาติของออสเตรเลีย ได้ประกาศยุติกิจการของ Jetstar Asia อย่างเป็นทางการ โดยจะสิ้นสุดการให้บริการในวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ปิดฉากการดำเนินงานตลอดระยะเวลากว่า 21 ปีของสายการบินต้นทุนต่ำที่มีฐานอยู่ในประเทศสิงคโปร์

การตัดสินใจดังกล่าวสะท้อนถึงความพยายามของกลุ่ม Qantas ในการบริหารความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์และเสริมสร้างความคล่องตัวทางการเงิน ภายใต้สภาวะแวดล้อมที่มีต้นทุนดำเนินงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมของท่าอากาศยานชางงีซึ่งมีการปรับขึ้นเพื่อรองรับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานวงเงินกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ รวมถึงค่าบริการจากซัพพลายเออร์บางรายที่ปรับตัวสูงขึ้นถึง 200% ขณะเดียวกัน Jetstar Asia ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นในภูมิภาค โดยเฉพาะจากผู้เล่นรายใหญ่ในกลุ่มสายการบินต้นทุนต่ำ เช่น AirAsia และ Scoot

ทั้งนี้ แม้ Jetstar Asia จะยุติบทบาทลง แต่ Qantas ยืนยันว่าเครือข่ายสายการบินอื่นในกลุ่ม เช่น Jetstar Airways (ในออสเตรเลีย) และ Jetstar Japan จะไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด และยังคงให้บริการตามปกติ

ในช่วงเจ็ดสัปดาห์สุดท้ายก่อนการยุติกิจการ Jetstar Asia จะทยอยลดความถี่ของเที่ยวบิน พร้อมแจ้งให้ผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบทราบล่วงหน้า สำหรับผู้โดยสารที่ถือบัตรโดยสารในวันที่ถัดจาก 31 กรกฎาคม ทางสายการบินจะติดต่อกลับโดยตรงเพื่อดำเนินการคืนเงินหรือจัดหาทางเลือกอื่น ๆ ส่วนผู้ที่ทำการจองผ่านตัวแทนจำหน่ายหรือสายการบินพันธมิตร แนะนำให้ติดต่อผู้ให้บริการนั้น ๆ เพื่อดำเนินการเพิ่มเติมตามสิทธิที่เกี่ยวข้อง

Jetstar Asia เปิดกิจการ 21 ปี กำไรแค่ 6 ปี

Jetstar Asia ก่อตั้งขึ้นในปี 2004 โดยมีฐานปฏิบัติการในสิงคโปร์ และเคยเป็นหนึ่งในสายการบินต้นทุนต่ำชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย ด้วยเครือข่ายเส้นทางบินระหว่างประเทศกว่า 16 เส้นทาง อาทิ สิงคโปร์–กรุงเทพฯ, จาการ์ตา, มะนิลา, โคลัมโบ, โตเกียว และอู๋ซี รวมถึงปลายทางในออสเตรเลียอย่างบรูมและดาร์วิน

ในช่วงที่ธุรกิจเติบโตสูงสุด Jetstar Asia เคยครองตำแหน่งผู้ให้บริการรายใหญ่ลำดับที่ 3 ของสนามบินชางงี รองจาก Singapore Airlines และ Scoot โดยในเดือนมิถุนายน 2568 สายการบินมีที่นั่งจำหน่ายต่อสัปดาห์ประมาณ 31,000 ที่นั่ง หรือคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 4% ของความจุรวมในสนามบินดังกล่าว

แม้จะมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมการบินต้นทุนต่ำในภูมิภาค แต่ Jetstar Asia กลับสามารถทำกำไรได้เพียง 6 ปี ตลอดระยะเวลา 21 ปีของการดำเนินงาน สะท้อนถึงข้อจำกัดด้านความยั่งยืนของโมเดลธุรกิจในสภาพแวดล้อมที่มีต้นทุนสูงและการแข่งขันรุนแรง

สำหรับปีงบประมาณปัจจุบัน Qantas คาดว่า Jetstar Asia จะขาดทุนจากการดำเนินงานราว 35 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยการปิดกิจการจะส่งผลกระทบต่อบัญชีราว 175 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย

ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องถือเป็นหนึ่งในแรงกดดันสำคัญ โดยเฉพาะ ค่าธรรมเนียมสนามบินชางงี ที่ปรับขึ้นเพื่อใช้ในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ รวมถึง ค่าบริการจากซัพพลายเออร์ บางรายที่ปรับตัวสูงขึ้นถึง 200% ทำให้โครงสร้างต้นทุนของสายการบินเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ

เมื่อพิจารณาแนวโน้มรายได้ที่ไม่สามารถพลิกกลับสู่จุดคุ้มทุนได้ในระยะยาว ทั้ง Qantas และ Westbrook Investments (ผู้ถือหุ้นสิงคโปร์ในสัดส่วน 51%) จึงมีมติร่วมกันในการยุติกิจการ Jetstar Asia โดยถือเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เพื่อจำกัดความเสี่ยงและจัดสรรทรัพยากรไปยังตลาดที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า

เตรียมนำงบ 500 ล้านออสซี่เสริมทัพตลาดหลัก

อย่างไรก็ตาม แม้ Jetstar Asia จะสิ้นสุดบทบาทในฐานะผู้ให้บริการสายการบินต้นทุนต่ำในภูมิภาคเอเชีย แต่ Qantas มองว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นโอกาสในการ “ปลดล็อก” เงินทุนกว่า 500 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งจะถูกนำกลับมาใช้ในแผนการลงทุนระยะยาวของกลุ่ม โดยเฉพาะในด้านการ ต่ออายุฝูงบิน และ เสริมศักยภาพเส้นทางบินในประเทศ

หลังเลิกกิจการ เครื่องบิน Airbus A320 จำนวน 13 ลำ ที่เคยให้บริการใน Jetstar Asia จะถูกโอนกลับไปประจำการในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ซึ่ง Qantas ประเมินว่าเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าและรองรับการเติบโตในระยะยาวได้มั่นคงกว่าเดิม

การย้ายเครื่องบินกลับเข้าสู่ตลาดในประเทศยังจะทำให้ Qantas สร้างตำแหน่งงานใหม่ได้อีกประมาณ 100 อัตราในภูมิภาคออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเสริมกำลังบุคลากรเพื่อรองรับการขยายตัวของเครือข่ายภายในประเทศ อีกทั้งยังสอดรับกับแผนจัดหาเครื่องบินใหม่เกือบ 200 ลำ ที่ Qantas ได้เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง 

เวเนสซา ฮัดสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Qantas Group ระบุว่า การตัดสินใจปิด Jetstar Asia เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางบริหารทุนที่ “มีวินัย” โดยมุ่งเน้นการจัดสรรทรัพยากรไปยังธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง และสอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตในอนาคตของกลุ่ม ซึ่งรวมถึงโครงการสำคัญอย่าง Project Sunrise หรือโครงการเปิดเส้นทางบินตรงระยะไกลจากชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลียสู่ลอนดอนและนิวยอร์ก ซึ่ง Qantas วางเป้าหมายไว้ว่าเป็นหมุดหมายใหม่ของการเดินทางระหว่างทวีป

ด้านศาสตราจารย์เอียน ดักลาส ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการสายการบินจากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ให้ความเห็นว่า แม้การตัดสินใจจะดูฉับพลัน แต่สะท้อนถึงความเป็นจริงของอุตสาหกรรมที่มีต้นทุนคงที่สูง และแข่งขันอย่างเข้มข้น “ธุรกิจสายการบินไม่เปิดพื้นที่ให้กับความรู้สึกผูกพัน หากเครื่องบินไม่ทำกำไร ก็ควรถูกนำไปใช้ในตลาดที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า” เขาระบุ

แม้จะประกาศปิดกิจการ Jetstar Asia ยังคงได้รับเสียงสะท้อนเชิงบวกจากลูกค้าในโลกออนไลน์ ผู้โดยสารจำนวนไม่น้อยกล่าวชื่นชมว่าเป็นสายการบินที่ให้บริการอย่างเป็นมิตร มีความน่าเชื่อถือ และมีบทบาทสำคัญในการเปิดตลาดการเดินทางต้นทุนต่ำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา


แชร์
Jetstar Asia ประกาศเลิกกิจการ 31 ก.ค. สู้ต้นทุนสนามบิน-แข่งเดือดไม่ไหว