OpenAI รายได้คาดการณ์พุ่งแตะ 10,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ในเวลาไม่ถึง 3 ปีนับตั้งแต่เปิดตัว ChatGPT แชตบอตยอดนิยมของบริษัท หนุนเป้าทะยานแตะ 12,700 ล้านภายในปี 2025 ก้าวสู่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน AI เต็มตัว
OpenAI เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า รายได้ต่อปีแบบคาดการณ์ (Annualized Revenue Run Rate หรือ ARR) ของบริษัท ณ เดือนมิถุนายน 2025 แตะระดับ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากประมาณ 5,500 ล้านดอลลาร์ในเดือนธันวาคม 2024 ถือเป็นหลักไมล์สำคัญที่ตอกย้ำการขยายตัวเชิงพาณิชย์อย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และบทบาทของ OpenAI ในฐานะผู้นำตลาดระดับโลก
รายได้ ARR ดังกล่าวครอบคลุม 3 แหล่งหลัก ได้แก่
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ ไม่รวมรายได้จาก Microsoft ซึ่งเป็นพันธมิตรรายสำคัญที่นำเทคโนโลยีของ OpenAI ไปบูรณาการในผลิตภัณฑ์ เช่น Microsoft Copilot และ Azure OpenAI Service รวมถึง ไม่รวมรายได้จากดีลแบบครั้งเดียว (non-recurring licensing deals) ซึ่งหมายความว่าศักยภาพรายได้ทั้งหมดของ OpenAI อาจสูงกว่าตัวเลขที่เปิดเผย
OpenAI เคยระบุไว้กับกลุ่มนักลงทุนภายในว่าบริษัทตั้งเป้าสร้างรายได้รวม 12,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในสิ้นปี 2025 ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดชี้ว่าบริษัทมีแนวโน้มจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้เร็วกว่าที่คาดไว้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการเร่งขยายฐานลูกค้าองค์กรอย่างต่อเนื่อง, การเพิ่มศักยภาพของโมเดล GPT-4o และการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ อาทิ voice, vision และ agent-based AI
นอกจากนี้ OpenAI ยังเปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2025 บริษัทมีจำนวนผู้ใช้งานประจำ (weekly active users) มากกว่า 500 ล้านรายทั่วโลก และมี ลูกค้าองค์กรแบบชำระเงินกว่า 3 ล้านองค์กร เพิ่มขึ้นจาก 2 ล้านองค์กรเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ โดยกลุ่มลูกค้าเหล่านี้กระจายอยู่ในหลายภาคส่วน เช่น การเงิน การแพทย์ การศึกษา และเทคโนโลยี
แม้ในปี 2024 OpenAI จะขาดทุนประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์ อันเป็นผลมาจากต้นทุนสูงในการพัฒนาโมเดลขนาดใหญ่ (LLMs), ค่าใช้จ่ายในการประมวลผลคลาวด์, การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการดึงดูดผู้เชี่ยวชาญ AI ระดับโลกเข้าร่วมทีม แต่การเติบโตของรายได้ในปัจจุบันสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้ม economies of scale ที่เริ่มชัดเจนขึ้น และบ่งชี้ว่า OpenAI อาจสามารถบรรลุจุดคุ้มทุนในระยะกลางได้ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า
ในเดือนมีนาคม 2025 OpenAI ได้ประกาศแผนการระดมทุนรอบใหม่มูลค่าสูงสุดถึง 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับเป็นหนึ่งในดีลภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี นำโดย SoftBank Group พร้อมด้วยกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ เช่น Microsoft, Coatue, Thrive Capital, Altimeter Capital และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (sovereign wealth funds) จากหลายประเทศ
การระดมทุนครั้งนี้ส่งผลให้มูลค่าประเมินล่าสุดของ OpenAI พุ่งแตะระดับ 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 30 เท่าของรายได้ (Price-to-Sales Ratio: 30x) สะท้อนความเชื่อมั่นอย่างล้นหลามจากนักลงทุนทั่วโลกต่อศักยภาพระยะยาวของ AI เชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะในด้านแอปพลิเคชันสำหรับองค์กร การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และบริการผู้ช่วยดิจิทัล
ในขณะเดียวกัน Anthropic ซึ่งเป็นหนึ่งในคู่แข่งหลักของ OpenAI และผู้พัฒนาโมเดล Claude ก็เพิ่งเปิดเผยว่า บริษัทมี รายได้ต่อปีแบบคาดการณ์ (ARR) อยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเน้นจุดแข็งในกลุ่มลูกค้าที่ต้องการ AI สำหรับการเขียนโค้ด และระบบงานที่ต้องการความแม่นยำสูง
แม้ Anthropic จะได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่าง Amazon และ Google แต่ OpenAI ยังคงรักษาความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในหลายด้าน ได้แก่:
ทั้งหมดนี้ทำให้ OpenAI ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาด AI เชิงพาณิชย์ และกลายเป็นบริษัทที่นักลงทุนทั่วโลกจับตาอย่างใกล้ชิดในยุคการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีระดับโลก