Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
Meta จ่อทุ่ม 3.3 แสนล้าน ดัน 'Scale AI' สตาร์ทอัพดาวรุ่งด้านเทคฯ อาวุธ
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

Meta จ่อทุ่ม 3.3 แสนล้าน ดัน 'Scale AI' สตาร์ทอัพดาวรุ่งด้านเทคฯ อาวุธ

9 มิ.ย. 68
14:13 น.
แชร์

Meta × Scale AI: การลงทุนหมื่นล้านดอลลาร์ที่อาจเปลี่ยนเกม Generative AI และสะเทือนนโยบายความมั่นคงของสหรัฐฯ

Meta Platforms Inc. กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อลงทุนใน Scale AI สตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี Generative AI โดยมูลค่าการลงทุนอาจสูงเกิน 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามรายงานของ Bloomberg News และข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับดีล หากการเจรจาบรรลุผล นี่จะเป็นหนึ่งในการระดมทุนภาคเอกชนที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมเทคโนโลยี

แม้ว่าข้อตกลงยังไม่สิ้นสุดและทั้งสองบริษัทปฏิเสธให้ความเห็นอย่างเป็นทางการ แต่ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ Meta ชี้ให้เห็นถึงความพยายามในการเร่งเดินเกมด้าน AI อย่างจริงจัง เพื่อเตรียมรับมือกับการแข่งขันระดับโลกจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft, Google และ Amazon ซึ่งต่างก็เร่งขยายอิทธิพลในสนาม AI ที่มีมิติทั้งทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และความมั่นคงระหว่างประเทศ

จาก OpenAI ถึง Meta: รูปแบบใหม่ของความร่วมมือด้าน AI ระหว่าง Big Tech

กระแสการลงทุนในสตาร์ทอัพ AI จากภายนอกองค์กรกลายเป็นแนวโน้มเด่นในหมู่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ โดยเฉพาะหลังจากที่ Microsoft ทุ่มเงินกว่า 13,000 ล้านดอลลาร์ใน OpenAI ตามมาด้วยการลงทุนของ Google และ Amazon ใน Anthropic ทำให้ Meta กลายเป็นบริษัทใหญ่เพียงรายเดียวที่ยังไม่มีพันธมิตรเชิงลึกในวงการ AI ผ่านดีลระดับหมื่นล้าน

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์กำลังเปลี่ยนแปลง เมื่อมีรายงานว่า Meta กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อลงทุนใน Scale AI สตาร์ทอัพด้านข้อมูลที่มีบทบาทสำคัญต่อการฝึกโมเดล AI ขั้นสูง ความเคลื่อนไหวครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญสำหรับ Meta ซึ่งก่อนหน้านี้เน้นพัฒนาเทคโนโลยี AI ภายในองค์กรเอง ไม่ว่าจะเป็นโมเดล Llama หรือโครงการโอเพ่นซอร์สต่าง ๆ โดยไม่มีการผสานธุรกิจคลาวด์แบบเดียวกับ Amazon Web Services หรือ Google Cloud

ดีลกับ Scale AI จึงไม่ใช่เพียงการเพิ่มศักยภาพด้านข้อมูลเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้ Meta เข้าถึงเครือข่ายแรงงานผู้เชี่ยวชาญระดับสูง เสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของโมเดล AI และอาจวางรากฐานในการสร้างความร่วมมือกับภาคกลาโหมและหน่วยงานรัฐ ซึ่งกำลังมีบทบาทมากขึ้นในสนามแข่งขันด้าน AI ระดับโลก

Scale AI: กลไกสำคัญเบื้องหลังการเติบโตของ Gen AI ทั่วโลก

Scale AI ก่อตั้งขึ้นในปี 2016 โดย Alexandr Wang ผู้ประกอบการหนุ่มชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย ในวัยเพียง 28 ปี ในระยะเวลาเพียง 9 ปี Wang ได้ปั้น Scale AI ให้กลายเป็นหนึ่งในแกนหลักของระบบโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ โดยเฉพาะโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Models: LLMs) ซึ่งต้องอาศัยข้อมูลที่มีปริมาณมากและคุณภาพสูง

จุดแข็งของ Scale อยู่ที่ความเชี่ยวชาญในการจัดระเบียบ ติดป้ายกำกับ และควบคุมคุณภาพของข้อมูลหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นภาพ ข้อความ หรือเสียง เพื่อให้สามารถนำไปใช้ฝึกโมเดล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลูกค้าหลักของบริษัท ได้แก่ยักษ์ใหญ่ในวงการเทคโนโลยีอย่าง Meta, Microsoft และ OpenAI ซึ่งต่างใช้บริการของ Scale ในการพัฒนาโมเดลชั้นนำอย่าง ChatGPT, Claude และ Llama

ในระยะแรก Scale มุ่งเน้นการจัดป้ายภาพถ่ายถนน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบรถยนต์ไร้คนขับ ก่อนจะขยับขยายไปสู่การประมวลข้อมูลแบบไม่มีโครงสร้างที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น ข้อความและเสียง เพื่อตอบรับกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของ Generative AI ซึ่งต้องการฐานข้อมูลที่หลากหลายและมีมิติมากขึ้น

ข้อมูลจาก Bloomberg ระบุว่า Scale AI มีรายได้ราว 870 ล้านดอลลาร์ในปี 2024 และตั้งเป้าสร้างรายได้แตะระดับ 2,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2025 นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาเสนอซื้อหุ้นคืน (tender offer) ซึ่งอาจผลักดันมูลค่ากิจการจาก 14,000 ล้านดอลลาร์ขึ้นสู่ 25,000 ล้านดอลลาร์ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน

ความเคลื่อนไหวเหล่านี้สะท้อนบทบาทของ Scale AI ในฐานะ “เส้นเลือดหลัก” ของอุตสาหกรรม Generative AI ระดับโลก ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วและแข่งขันดุเดือดในเชิงเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และความมั่นคงทางข้อมูล

แรงงานระดับสูง: ความได้เปรียบเชิงคุณภาพของข้อมูลในยุค AI

หนึ่งในจุดแข็งสำคัญของ Scale AI ไม่ได้อยู่ที่จำนวนแรงงานเพียงอย่างเดียว แต่คือ "คุณภาพของบุคลากร" ที่มีบทบาทสำคัญต่อความแม่นยำและประสิทธิภาพของโมเดล AI โดยเฉพาะในกระบวนการเรียนรู้แบบเสริมแรง (Reinforcement Learning) ซึ่งโมเดลจะได้รับ “รางวัล” สำหรับคำตอบที่ถูกต้อง และ “บทลงโทษ” สำหรับคำตอบที่ผิดพลาด

ข้อมูล ณ ต้นปี 2025 ระบุว่า ผู้มีส่วนร่วมในการฝึกโมเดลของ Scale มีคุณวุฒิในระดับสูงอย่างน่าจับตา

  • 12% สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก (PhD) จากสาขาเชิงลึก เช่น ชีววิทยาระดับโมเลกุล
  • มากกว่า 40% จบการศึกษาระดับปริญญาโท, JD (กฎหมาย) หรือ MBA

บุคลากรเหล่านี้มีบทบาทในการออกแบบโจทย์ซับซ้อนเพื่อทดสอบและฝึกโมเดล เช่น การวิเคราะห์ปัญหาภาษีที่แตกต่างกันตามเขตอำนาจศาล การวินิจฉัยทางการแพทย์ หรือการประเมินความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งช่วยยกระดับความสามารถของ AI ให้เข้าใจโลกที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น

ในขณะเดียวกัน Scale ก็ต้องเผชิญกับคำวิจารณ์เกี่ยวกับการจ้างแรงงานต่างชาติจากประเทศกำลังพัฒนา เช่น เคนยาและฟิลิปปินส์ ในกระบวนการคัดกรองเนื้อหาออนไลน์ โดยมีรายงานว่าแรงงานบางกลุ่มได้รับผลกระทบทางจิตใจจากการทำงานลักษณะดังกล่าว อย่างไรก็ตาม บริษัทระบุว่าค่าตอบแทนอยู่ในระดับ “สูงกว่าค่าเฉลี่ย 60–70 เปอร์เซ็นไทล์ของพื้นที่” และกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ได้ยุติการสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับสภาพการจ้างงานของบริษัทแล้ว

ข้อเท็จจริงเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ความได้เปรียบของ Scale ไม่ได้จำกัดอยู่ที่เทคโนโลยีหรือเงินทุนเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์คุณภาพสูง ซึ่งกำลังกลายเป็นทรัพย์สินเชิงกลยุทธ์ของอุตสาหกรรม AI ยุคใหม่

พันธกิจด้านความมั่นคง: Meta × Scale กับแนวรบใหม่ในสนาม AI ระดับรัฐ

นอกจากการพัฒนา AI ในเชิงพาณิชย์แล้ว บทบาทของ Meta และ Scale AI กำลังขยายเข้าสู่ภาคความมั่นคงของสหรัฐฯ อย่างเป็นรูปธรรม โดยทั้งสองบริษัทไม่เพียงแค่มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีเชิงพาณิชย์ แต่ยังถูกวางตัวเป็นกลไกสำคัญในยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติที่ขับเคลื่อนด้วย AI

Scale AI ได้รับสัญญาจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในการพัฒนา AI agents ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจได้เหมือนมนุษย์ ซึ่งบริษัทระบุว่าเป็น “ก้าวสำคัญของเทคโนโลยีทางทหารยุคใหม่” โดยเฉพาะในบริบทของสงครามข้อมูลและการวิเคราะห์ข่าวกรองแบบเรียลไทม์

Meta เองก็เริ่มขยับเข้าสู่พื้นที่นี้ โดยร่วมมือกับ Anduril Industries บริษัทเทคโนโลยีด้านการทหารของสหรัฐฯ เพื่อพัฒนาอุปกรณ์ AI/AR เช่น หมวกนิรภัยอัจฉริยะ และเปิดตัวโมเดลเฉพาะทางอย่าง Defense Llama ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนภารกิจด้านความมั่นคง

นอกจากนี้ บุคลากรในระดับนโยบายของ Scale ก็มีบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ Michael Kratsios อดีตผู้บริหารของบริษัท เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีให้กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเป็นหนึ่งในผู้กำหนดแนวทางด้านนโยบาย AI แห่งชาติในช่วงเริ่มต้น

เมื่อพิจารณาจากความร่วมมือล่าสุด การจับมือระหว่าง Meta และ Scale จึงไม่ได้เป็นเพียงการลงทุนเชิงธุรกิจ แต่สะท้อนถึงการปรับยุทธศาสตร์ในระดับประเทศ Meta กำลังเปลี่ยนจากผู้พัฒนาโมเดลโอเพ่นซอร์ส ไปสู่การเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์กับผู้ควบคุมข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและมีความสำคัญในระดับรัฐ ขณะที่ Scale ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรที่มีทรัพยากร เครือข่าย และอิทธิพลระดับโลกอย่าง Meta

ในบริบทที่ AI ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยีเชิงพาณิชย์อีกต่อไป แต่กลายเป็นองค์ประกอบของ “ยุทธศาสตร์แห่งรัฐ” การลงทุนระหว่าง Meta กับ Scale จึงไม่เพียงสะท้อนถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับ ภูมิรัฐศาสตร์ของข้อมูล, ความมั่นคงของชาติ, และ การช่วงชิงบทบาทผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก อย่างชัดเจน

ที่มา: Bloomberg


แชร์
Meta จ่อทุ่ม 3.3 แสนล้าน ดัน 'Scale AI' สตาร์ทอัพดาวรุ่งด้านเทคฯ อาวุธ