ลิซ่า BLACKPINK นอกจากจะประสบความสำเร็จในวงการ Kpop จนดังไปทั่วโลกแล้ว เธอยังทรงอิทธิพลในแง่ของการเป็นพรีเซ็นเตอร์ หรือ แบรนด์ แอมบาสเดอร์ให้กับสินค้าต่างๆอีกด้วย เพราะทำให้เจ้าของแบรนด์มียอดขายที่เพิ่มขึ้นตามมา แม้ราคาค่าตัวจะสูงแค่ไหน แต่สำหรับแบรนด์สินค้าหลายแบรนด์กล้าทุ่มเต็มทีเพราะผลที่ตามมาคุ้มค่ากว่า ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ลิซ่า BLACKPINK จะยังคงเนื้อหอมไม่หยุดมีสินค้าหลากหลายแบรนด์ติดต่อเข้ามา
อีกหนึ่งแบรนด์ที่ยืนยันชัดเจนแล้วว่า จะยังคงให้ลิซ่า BLACKPINK เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ต่อไปก็คือ ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากระดับพรีเมียม เดนทิสเต้ (DENTISTE’) แบรนด์ที่ดูอินเตอร์จนนึกว่าของต่างประเทศ แต่แท้จริงแล้วเป็นบริษัทของคนไทยภายใต้ บริษัท สยามเฮลท์กรุ๊ป จำกัด
เภสัชกร ดร. แสงสุข พิทยานุกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามเฮลท์กรุ๊ป จำกัด ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า หลังจากเดนทิสเต้ได้ ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ทำให้ยอดขายผลิตภัณฑ์ของ เดนทิสเต้ เติบโตขึ้น 15% แม้อยู่ในโควิด-19 และล่าสุดได้มีการต่อสัญญากับเดนทิสเต้เรียบร้อยแล้ว
มีการคาดการณ์ว่าการได้ต่อสัญญากับลิซ่า BLACKPINK จะทำให้เดนทิสเต้มียอดขายเติบโตได้เพิ่มขึ้นอีก 10% จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และการทำการตลาดอย่างต่อเนื่องหลังจากนี้ โดย ศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของเดนทิสเต้ บอกว่า กำลังมีโปรเจกต์ใหม่ ๆ อีกมากมาย อาทิ การสนับสนุนให้เยาวชนไทย ประสบความสำเร็จในเวทีระดับโลกแบบ ลิซ่า BLACKPINK ด้วยแคมเปญประกวด ร้อง เต้น เล่นดนตรี เพื่อให้เยาวชนไทย ที่มีความฝันเหมือน ลิซ่า BLACKPINK ได้มาโชว์ความสามารถ และกล้าที่จะออกตามหาความฝันของตัวเอง
ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือน พ.ย. 65 ณ สยามสแควร์ โดยผู้ชนะในแคมเปญนี้จะได้พบกับ ลิซ่า BLACKPINK ตัวจริงเสียงจริงในเดือน ก.พ. 66 ที่งาน Meet & Greet Lisa x DENTISTE’ แบบ Exclusive Private Fan Meet โดยจัดขึ้นเพื่อแฟน ๆ ของ เดนทิสเต้ โดยเฉพาะ พร้อมรับเงินรางวัลอีกมากมาย โดยแคมเปญนี้จะล้อไปกับภาพยนตร์โฆษณาของเดนทิสเต้ที่เพิ่งเปิดตัวไป
นอกจากนี้ เดนทิสเต้จะมีกาเปิดตัวยาสีฟันหลอดขนาด 50 กรัม ราคา 1,000 ดอลลาร์ หรือ ประมาณ 36,000 บาทอีกด้วย ที่ราคาสูงเพราะเป็นนวัตกรรมใหม่ของการขัดฟันโดยใช้เพชรผสมอยู่ในยาสีฟัน 1.2 กะรัต และจะผลิตขึ้นมา 1,000 เซต วางขายทั่วโลก แบบลิมิเต็ดเอดิชั่น โดยจะนำรายได้จากการขายไปช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาสุขภาพช่องปาก ซึ่งเตรียมเปิดตัวพร้อมให้ชมเร็ว ๆ นี้
ทั้งนี้มูลค่าตลาดยาสีฟันมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท จากทั้งหมดราว50 แบรนด์ และการเติบโตในปี 2565 จะอยู่ที่ประมาณ 5-6% ปัจจุบันแบรนด์มีส่วนแบ่งตลาดยาสีฟันในไทย ภาพรวมอยู่ที่ 7% เนื่องจากเป็นแบรนด์ยาสีฟันที่จัดอยู่ในกลุ่มไฮเอนด์ ซึ่งหากนับเฉพาะในกลุ่มนี้จะมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 85%
และเดนทิสเต้ ยังครองส่วนแบ่งการตลาดในแดนกิมจิ ได้มากกว่าตลาดในไทยถึง 2 เท่าอยู่ที่ 13 % และเข้าไปบุกตลาดยาสีฟันในเกาหลีใต้มาแล้ว 13% การเติบโตของธุรกิจเดนทิสเต้จึงน่าจับตามองเป็นอย่างมาก