อนาคตเครื่องเครื่องบินจะเปลี่ยนจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ไปสู่เชื้อเพลิงที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ โดยบริษัทผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่ของโลก ทั้งแอร์บัส โบอิ้ง โรลส์รอยซ์ ต่างกำลังพัฒนาสิ่งที่เรียกว่า “เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน“ หรือ SAF ย่อมาจาก Sustainable aviation fuel
ล่าสุดบริษัทแอร์บัส ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตเครื่องบินจากยุโรปได้เปิดตัว ศูนย์พัฒนาการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ในฟิลตัน บริสตอล สหราชอาณาจักร ตัวย่อคือ ZEDC ศูนย์แห่งนี้กำลังวิจัย และพัฒนา เพื่อออกแบบให้การผลิตเครื่องบินเจเนอเรชั่นถัดของแอร์บัสสามารถนำเอาเทคโนโลยีไฮโดรเจนมาใช้เป็นเชื้อเพลิงเครื่องบินได้จริง และเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาคือ ต้องทำให้เทคโนโลยนี้เป็นต้นทุนที่แข่งขันได้
การศึกษาและพัฒนาเชื้อเพลิงที่ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ได้เริ่มมาหลายปีแล้ว แต่เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน“ หรือ SAF ยังคงมีต้นทุนที่สูงกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างมาก ดังนั้นจึงยังคงมีการวิจัยและพัฒนาอย่างมากที่จะหาวิธีทำให้ต้นทุนของเชื้อเพลิงแบบ SAF สามารถนำมาใช้ได้จริง
ภาพAFP จำลองครื่องบินแบบผสมผสานของเครื่องบิน "Airbus ZEROe"
ที่ปล่อยก๊าซไฮโดรเจนเป็นศูนย์ ที่บูธของ Airbus SE งาน Dubai Airshow ปี 2021
สำหรับแอร์บัสมุ่งเน้นไปที่พลังงานไฮไดรเจน มีภาพการจำลองในคอนพิวเตอร์ โดยพัฒนาเครื่องบินต้นแบบ "ไฮบริด-ไฮโดรเจน" ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ 3 ลำภายใต้ชื่อเล่น ZEROe และเปิดตัวตั้งแต่เดือนกันยายน 2020 และแอร์บัส มีเป้าหมายพัฒนา "เครื่องบินพาณิชย์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์" ภายในปี 2035 หรือ พ.ศ. 2578 อีก 13 ปีข้างหน้า
ศูนย์พัฒนาการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ZED จะช่วยเสริมงานวิจัยและเทคโนโลยีที่มีอยู่ของแอร์บัสในสหราชอาณาจักร และZEDC ของแอร์บัสยังมีอยู่ในอีก 3 ประเทศ คือ สเปน ฝรั่งเศส เยอรมัน รวมทั้ง 4 ศูนย์ที่จะมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจนกับเครื่องบิน โดยเฉพาะที่สหราชอาณาจักร จะช่วยขยายขีดความสามารถในอุตสาหกรรมของแอร์บัสในการออกแบบ พัฒนา ทดสอบ และผลิตถังเก็บไฮโดรเจนแบบแช่เยือกแข็ง และระบบที่เกี่ยวข้องสำหรับโครงการ ZEROe ทั่วทั้งสี่ประเทศบ้านเกิดของแอร์บัส
Sabine Klauke หัวหน้าฝ่ายเทคนิคของแอร์บัส คาดว่า ZEDC ของแอร์บัสทั้งหมดจะทำงานได้อย่างสมบูรณ์และพร้อมทดสอบภาคพื้นดินด้วยถังไฮโดรเจนแช่แข็งที่ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ถังแรกในช่วงปี 2566 และจะเริ่มทำการทดสอบการบินในปี 2569 หรือ ปี2026
อุตสาหกรรมการบินกำลังตระหนักถึงความสำคัญ ที่ตัวเองได้การปล่อยก๊าซคาร์บอน และเป็นสาเหตุสำคัญในการเร่งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และไม่เพียงแต่แอร์บัสเท่านั้น หลายแห่งกำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีเช่นกัน
Guillaume Faury ซีอีโอของแอร์บัสให้สัมภาษณ์กับ CNBC เมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่า การบินจะ “อาจเผชิญกับอุปสรรคสำคัญ หากเราไม่สามารถจัดการกำจัดคาร์บอนด้วยความเร็วที่เหมาะสม” ขณะที่ปัจจุบันเครื่องบินที่บริษัทแอร์บัสส่งมอบ สามารถมีกำลังการผลิตที่ผ่านการรับรองสำหรับเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน SAF ได้ 50% แล้วและแอร์บัสจะพยายามไปถึง 100% ภายในสิ้นทศวรรษนี้ซึ่งนั่นหมายถึงการที่บริษัทจะต้องมีภาระทั้งด้านวิศวกรรม การวิจัย และเงินทุนจำนวนมาก
สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ อธิบายว่า ไฮโดรเจนมีการใช้งานที่หลากหลายและสามารถนำไปใช้ได้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายเช่นกัน มันสามารถผลิตได้หลายวิธี วิธีหนึ่งคือ การใช้อิเล็กโทรไลซิสด้วยกระแสไฟฟ้าที่แยกน้ำออกเป็นออกซิเจนและไฮโดรเจน
ที่มา