กรณีพนักงานสอบสวน สภ.กงหรา จ.พัทลุง รับแจ้งเหตุหญิงถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณขนำป่าสวนยางพารา ซอยขี้หมิ้น บ้านไร่เหนือ หมู่ 4 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จึงรุดไปตรวจสอบ
พบศพนางสาวสุธาทิพย์ จันแดง อายุ 31 ปี อายุ 33 ปี มีบาดแผลถูกยิงที่ลำคอจำนวน 1 นัด สอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายพร้อมสามีออกไปหากล้วยด่างและบอนสี ก่อนมีคนร้ายเข้ามายิงเสียชีวิต
เวลา 10.30 น. ที่ สภ.กงหรา นายไพรวัลย์ อินขาว อายุ 39 ปี ผู้ต้องหา เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง คุมตัวนายไพรวัลย์ชี้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าที่ขับไปก่อเหตุ พร้อมซักถามเบื้องต้น
นายไพรวัลย์ ยอมรับว่าก่อเหตุยิง นางสาวสุธาทิพย์จริง เนื่องจากผู้ตาย ยืมเงินไปจำนวน 1,500 บาท แล้วไม่ยอมคืนเงิน ช่วงที่เกิดเหตุแค่พกอาวุธปืนไปข่มขู่ไม่ได้ตั้งใจจะยิง
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวนายไพรวัลย์ เพื่อเข้าไปสอบปากคำต่อในห้องสอบสวน ทีมข่าวพยายามสอบถามถึงสาเหตุในการยิง แต่นายไพรวัลย์ปัดไมค์ผู้สื่อข่าว ไม่ตอบคำถามใด ๆ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนต้องเข้าไปตบไหล่ บอกว่าให้ใจเย็น ๆ
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายไพรวัลย์ส่งเรือนจำเพื่อฝากขัง
สืบเนื่องจากพี่สามีผู้ตายเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเวลา 14.30 น. นายธวัชชัย ชูฉวี น้องชาย และน.ส.สุธาทิพย์ จันแดง ภรรยาของน้องชาย นั่งเล่นที่ขนำกลางสวนยาง ตั้งใจว่าจะไปหากล้วยด่างและบอนสีมาขาย ระหว่างนั้นเห็นนายไพรวัลย์ เป็นญาติกันขับรถจักรยานยนต์มาจอดด้านหน้าสวนมังคุด ห่างจากสวนยางที่ตนนั่งประมาณ 100 เมตร โดยนายไพรวัลย์เดินไปนั่งเล่นที่สวนมังคุด เวลา 15.15 น. ขณะที่น้องชายของตนเริ่มเดินออกไปหากล้วยด่างและบอนสีห่างขนำประมาณ 100 เมตร
ส่วนตนเดินห่างออกมาประมาณ 30-40 เมตร น.ส.สุธาทิพย์ ยังยืนอยู่บริเวณขนำ นายไพรวัลย์ก็เดินเข้ามาหา น.ส.สุธาทิพย์ พร้อมถามว่า "เมื่อไหร่จะคืนเงิน" น.ส.สุธาทิพย์ตอบไปว่า "คิดว่าไม่เอาแล้ว" จากนั้นนายไพรวัลย์ชักปืนจากกระเป๋าสะพายออกมา พร้อมทำท่าจ่อยิง ก่อนจะวิ่งหนีออกจากจุดเกิดเหตุทันที
จากนั้น ญาติของสามีผู้ตาย นำทีมข่าวไปยังสวนยางจุดเกิดเหตุ ห่างจากบ้านของสามีผู้ตายประมาณ 500 เมตร พบกองเลือดขนาดใหญ่อยู่บริเวณพื้นติดขนำ นอกจากนี้ ยังมีรองเท้าแตะของผู้ตาย และกระเป๋าซึ่งทำจากถุงปุ๋ยวางอยู่บนขนำ ญาติได้นำทางมะพร้าวมาจุดไฟเผากองเลือด เพื่อเก็บกวาดจุดเกิดเหตุ หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว
นายมาตร ชูฉวี อายุ 59 ปี พ่อสามีของผู้ตาย เล่าว่า ปกติลูกชายกับลูกสะใภ้มักออกหาต้นกล้วยด่างและบอนสีเป็นประจำ เพื่อนำมาขาย แต่ปกติมักจะไปหาตรงจุดอื่น คาดว่าเพิ่งมาบริเวณจุดเกิดเหตุเป็นครั้งแรก ตนทราบเรื่องหลังเกิดเหตุ มีญาติไปบอกที่บ้านว่าลูกสะใภ้ถูกยิง จึงรีบเดินทางมาดู พบว่าลูกสะใภ้เสียชีวิตแล้ว ลูกชายบอกว่านายไพรวัลย์เป็นคนยิง นายไพรวัลย์ ก็รู้จักเป็นเครือญาติกับลูกชาย ไม่คิดว่าจะก่อเหตุแบบนี้ ที่ผ่านมารู้ว่าลูกสะใภ้มีปัญหาติดค้างเงินนายไพรวัลย์ประมาณ 400-500 บาท แต่ก็ไม่เห็นว่าเคยทวงเงินกัน ตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะผู้ตายเหมือนลูกสาวตัวเอง ไม่คิดว่าจะมาเกิดเหตุแบบนี้ ญาติผู้ก่อเหตุก็มีติดต่อเข้ามาพูดคุย แต่ตนขอปล่อยให้เรื่องคดีเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย
บรรยากาศงานศพเป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีญาติและคนในหมู่บ้านมาร่วมงาน นางลัด พรมชะโณ อายุ 48 ปี แม่ของผู้ตาย เปิดใจว่า เมื่อวานนี้ 15.00 น. แฟนของลูกสาวโทรมาบอกว่าลูกสาวถูกยิงได้รับบาดเจ็บก็รู้สึกตกใจ จากนั้นก็เก็บของออกเดินทางไปจังหวัดพัทลุง เพื่อจะไปดูอาการของลูกสาว แต่ระหว่างที่จะเดินทางไปถึง ทางแม่แฟนของลูกสาวก็โทรมาบอกว่าลูกสาวตายแล้ว ตนก็รู้สึกเสียใจ เพราะว่าตนกำลังจะเดินทางไปถึงโรงพยาบาลอยู่แล้ว และก็ไม่ได้เห็นหน้าลูกสาวเป็นครั้งสุดท้าย
ซึ่งตนกับลูกสาวยังไม่ได้บอกลากันสักคำ ก่อนหน้านี้ตนก็โทรคุยกับลูกสาวทุกวัน ตอนเช้าก่อนจะเกิดเหตุลูกสาวยังโทรมาถามสารทุกข์สุกดิบอยู่เลย ลูกสาวก็บอกว่า "เดี๋ยวขายต้นไม้ได้ จะส่งเงินไปให้แม่นะ" คือคำสุดท้ายที่ได้คุยกับลูกสาว ส่วนลูกเขยคือแฟนของลูกสาวที่เพิ่งคบกันยังไม่ถึง 1 ปี ยอมรับว่าเคยเจอหน้ากันครั้งเดียว ตอนลูกสาวเดินทางมาผ่าตัดฝีที่โรงพยาบาลสงขลา
แต่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน ตนรู้สึกรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะว่ามันโหดร้ายเกินไป ลูกสาวเป็นคนร่าเริง ไม่ค่อยยุ่งกับใคร เรื่องที่บอกว่าไปมีธุระกิจสีเทาก็ไม่เคยรู้ เพราะว่าลูกสาวไม่เคยพูดให้ฟัง ตนยืนยันว่าจะไม่อโหสิกรรมให้คนร้าย จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
นายสุทิน จันแดง อายุ 51 ปี พ่อของผู้ตาย เปิดใจทั้งน้ำตาว่า ตนรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลูกของตนเป็นผู้หญิง สิ่งที่คนร้ายมันทำ มันโหดร้ายเกินไป เมื่อคืนพอเห็นศพลูกก็ล้มทั้งยืน ตั้งแต่เมื่อคืนก็ยังไม่ได้นอน คิดถึงลูกสาว ก่อนลูกสาวจะเสียยังคุยกันอยู่เลย ลูกสาวโทรมาบอกเรื่องต้นไม้ที่ทำอยู่บอกว่า ต้นไม้ที่หนูปลูกอยู่ขายได้แล้ว ขายได้ต้นละ 1,500 บาท ขายไปได้ 2 ต้น ได้เงินมา 3,000 บาท ลูกสาวก็ยังบอกว่าอยากได้เครื่องเลื่อยยนต์ เพราะว่าจะให้แฟนเอาไปทำงานเกี่ยวกับต้นยาง ส่วนเรื่องธุรกิจสีเทา ตนไม่มีทางเชื่อว่าลูกสาวจะไปเกี่ยวข้องอะไรแบบนั้น เพราะว่าลูกสาวเป็นคนทำมาหากิน
พรุ่งนี้ตำรวจพาคนร้ายไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ตนไม่อยากจะพูดอะไรกับมัน อยากจะท้ามันชกอย่างเดียว เพราะพูดอะไรกับมันไปก็ไม่ได้ลูกสาวกลับคืนมา ยืนยันว่าจะไม่ให้อภัยหรืออโหสิกรรมให้เด็ดขาด
