ช้ำรัก! ทิดสึกใหม่โพสต์เพลงเศร้าก่อนแทงสีกา ญาติไม่ประกันตัวรับไร้เงินชดใช้ (คลิป)

จากเหตุการณ์วันที่ 11 มี.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สีคิ้ว ได้รับแจ้งเหตุมีบุคคลแทงกันบาดเจ็บสาหัสที่บริเวณริมถนน กม.7 ถนนสีคิ้ว-ด่านขุนทด ต.กุดน้อย อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา

ผู้บาดเจ็บเป็นหญิงนอนจมกองเลือด 1 ราย ทราบชื่อคือนางสาวชวัลลักษณ์ ลครไพร อายุ 38 ปี สภาพถูกแทงจำนวน 5 แผล ที่บริเวณหน้าท้อง 2 แผล ต้นลำคอ 1 แผล และใบหน้าอีก 2 แผล อาการสาหัส

ขณะเดียวกันพบชาย 1 ราย ทราบชื่อคือ นายสุระชัย กำแพงใหญ่ อายุ 36 ปี กำลังใช้มีดจี้หน้าท้องตัวเอง หน้าท้อง 4 แผล ก่อนเจ้าหน้าที่บุกจับตัวผู้บาดเจ็บ และทำการปฐมพยาบาลทั้งคู่ นำตัวส่ง รพ.มหาราชนครราชสีมา ในเวลาต่อมา

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ผ้าเหลืองร้อน! ทิดสึกใหม่ฉุนสาวไม่รักแทงยับหวิดตาย แม่เผยเคยขู่ฆ่าแอบปิ๊งตอนบิณฑบาต

วันที่ 12 มี.ค. 64 ที่วัดโนนประดู่ ต.วังโรงใหญ่ อ.ศรีคิ้ว จ.นครราชสีมา สถานที่ที่ผู้ก่อเหตุเคยมาบวช พระสุชินสุวัณโณ พระลูกวัดโนนประดู่ เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับนายสุระชัยมาประมาณ 3-4 ปี ตนเคยทำงานเป็นครูสอนเทนนิสที่กรุงเทพฯ และนายสุระชัยเคยทำงานเป็นคนเก็บลูกเทนนิส

จากนั้นตนก็บวชมาประมาณ 6 ปี กระทั่งเมื่อ 9 เดือนก่อน นายสุระชัยติดต่อมาบอกว่าอยากจะให้บวช อาตมาจึงบอกว่าจะบวชให้ กระทั่งนายสุระชัยตัดสินใจว่าจะสึก และให้เหตุผลว่าได้งานทำแล้ว ซึ่งตนก็กล่าวตักเตือนว่าช่วงโควิด-19 เศรษฐกิจไม่ค่อยดี และเพิ่งบวชไม่กี่เดือน ยังไม่ค่อยมั่นคง โดยเงินจำนวน 800 บาท สำหรับค่ารถที่ตนให้ไปนั้น ตนไม่ได้รู้สึกเสียดาย แต่ตนรู้สึกเศร้ามากกว่าที่ไปก่อเหตุรุนแรงกับผู้หญิง

โดยพฤติกรรมของนายสุระชัยปกติดี ไม่ได้มองผู้หญิงอื่น และช่วยงานดีมาก แต่ไม่ค่อยสวดมนต์ ถ้าไม่ทำงานในวัดก็จะหมกมุ่นอยู่แต่ในกุฏิ ส่วนเรื่องเล่นโทรศัพท์ ถ้าอยู่กันตนจะทำงานไม่ค่อยได้เล่น แต่ถ้าว่างน่าจะมีการเล่นโทรศัพท์บ้าง แต่ตนไม่รู้ว่าคุยกับใครหรือไม่ เพราะไม่เคยเห็น โดยช่วงที่มาบวชไม่ค่อยมีใครเข้ามาหา แค่วันแรกที่บวช คนเจ็บเคยพาลูกคนเล็กมาเที่ยวเล่นที่วัดบ้างเป็นบางครั้ง และเวลาที่คุยกันก็ปกติกันดี และไม่เคยทราบมาก่อนว่านายสุระชัยชอบคนเจ็บ ซึ่งคนเจ็บจะใส่บาตรที่หน้าบ้านตลอด และอาตมากับนายสุระชัยจะไปบิณฑบาตในหมู่บ้านทุกวัน คนเจ็บเป็นคนที่นิสัยดีมาก หากพระที่วัดไม่มียากิน หรื เจ็บป่วยจะเอายามาให้ถึงที่ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคาดว่านายสุระชัยน่าจะรักชอบผู้หญิง แต่ทางผู้หญิงไม่เอาด้วยจึงไปก่อเหตุ สุดท้ายนี้ตนขอฝากเตือนภัยให้ทุกคนมีสติ ยับยั้งชั่งใจ และในเมื่อทำไปแล้วก็ต้องทำใจ รับผลกรรม

ทั้งนี้ พระสุชินสุวัณโณได้พาทีมข่าวไปดูกุฏิที่นายสุระชัยเคยอาศัยอยู่ขณะบวช ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าวัด บริเวณกำแพงวัด ขณะนี้ไม่มีใครอยู่ และภายในกุฏิไม่ได้มีทรัพย์สินของนายสุระชัยแล้ว มีเพียงพัดลมตัวเดียว พระสุชินสุวัณโณ บอกว่า ช่วงนี้อาตมากำลังเตรียมขุดดินบริเวณหลังวัด เพื่อเตรียมปลูกต้นโพธิ์ และเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อนที่จะสึก นายสุระชัยได้บอกกับอาตมาว่าถ้าปลูกต้นไม้เสร็จแล้ว อยากจะมาอยู่ที่นี่

นอกจากนี้ พบว่าก่อนเกิดเหตุเฟซบุ๊กของนายสุระชัยได้โพสต์เพลงเศร้า ๆ ก่อนก่อเหตุขึ้น

ขณะที่แม่ผู้บาดเจ็บเคยให้ข้อมูลว่า ลูกสาวได้ใส่บาตรทุกเช้า เวลาที่ผุ้ก่อเหตุเดินมาบิณฑบาต ทั้งคู่จึงเริ่มพูดคุยและได้รู้จักกัน กระทั่งทางผู้ก่อเหตุเคยมาสารภาพกับลูกสาวว่ารักลูกสาว และอยากจะสึกออกมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน แต่ด้านของลูกสาวรักในตัวผู้ก่อเหตุแบบเพื่อนเท่านั้น

ซึ่งก่อนหน้าที่ผู้ก่อเหตุจะสึกออกมาในวันที่ 9 มี.ค. ผู้ก่อเหตุได้เดินมาหาตนและลูกสาวที่บ้าน บอกว่ารักลูกสาวมาก สึกเสร็จไม่อยากไปอยู่บ้านใน จ.บุรีรัมย์ แต่อยากจะขอมาอยู่ที่บ้านด้วย หากลูกสาวไม่รักก็จะฆ่าลูกสาวทิ้ง ตนก็มีการกล่าวตักเตือนว่า "ทำไมถึงพูดแบบนั้น ถึงไม่ได้รักแบบแฟน ก็รักกันเป็นแบบเพื่อนได้" แต่ผู้ก่อเหตุก็ทำเสมือนว่าจะเข้าใจ กระทั่งมาก่อเหตุ

นางสาวไอซ์ (นามสมมติ) อายุ 43 ปี พี่สาวของนายสุระชัย เปิดใจว่า วันเกิดเหตุตนเองไม่รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนกระทั่งมาดูข่าวช่วงกลางคืน จึงทราบว่านายสุระชัย น้องชาย ไปก่อเหตุแทงหญิงสาว และผู้เป็นแม่ก็ทำใจไม่ได้ หลังจากดูข่าวลูกก็ถึงกับเข่าทรุด สำหรับคนในครอบครัวไม่รู้จักกับผู้หญิงเป็นการส่วนตัว เพราะเชื่อว่าเกิดขึ้นในช่วงที่ไปเป็นพระ และที่สำคัญครอบครัวรู้ว่านายสุระชัยจะลาสิกขาในวันที่ 13 มี.ค. นี้ เพราะเนื่องจากจะมาร่วมงานบวชของญาติคนรู้จักอีกคนหนึ่งในหมู่บ้าน

แต่ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้นายสุระชัยไม่ใช่คนที่มีความรุนแรง คาดไม่ถึงว่าจะก่อเหตุแทงผู้หญิง เพราะเจ้าตัวก็เคยมีครอบครัวมาก่อน แต่ก็หย่าร้างกันไปนานแล้ว ล่าสุดมีลูกผู้ชาย 1 คน เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แต่ฝ่ายผู้หญิงเลี้ยงดู นายสุระชัยจึงไม่ได้คบหากับใคร และตัดสินใจไปบวชเป็นพระ ซึ่งในตอนนั้นเจ้าตัวถึงกับร้องไห้ขอคนในครอบครัวไปบวช  ทั้งนี้ ตนเองเตรียมที่จะเดินทางไปเยี่ยมน้องชายที่โรงพยาบาลในตัวเมืองนครราชสีมา เพราะได้รับประสานจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ให้ไปจัดการเรื่องเอกสารและค่าใช้จ่าย แต่เรื่องค่าใช้จ่ายยังไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนไปใช้จ่ายเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล เพราะที่บ้านก็มีฐานะไม่ได้ร่ำรวย ประกอบกับในวันพรุ่งนี้จะเดินทางไปเยี่ยมและให้กำลังใจฝ่ายผู้หญิง แม้ว่าจะไม่รู้จักกัน ถ้าหากฝ่ายของคนเจ็บจะเรียกร้องค่าเสียหาย ตนเองก็คงไม่มีอะไรให้ เพราะยืนยันว่าที่บ้านไม่ได้มีฐานะ