วันที่ 11 มี.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สีคิ้ว ได้รับแจ้งเหตุมีบุคคลแทงกันบาดเจ็บสาหัสที่บริเวณริมถนน กม.7 ถนนสีคิ้ว-ด่านขุนทด
ตำบลกุดน้อย อำเภอสีคิ้ว จ.นครราชสีมา
เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยพรหมธรรมสีคิ้ว รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุพบ ผู้บาดเจ็บเป็นหญิงนอนจมกองเลือด 1 ราย ทราบชื่อคือนางสาวชวัลลักษณ์ ลครไพร อายุ 38 ปี สภาพถูกแทงจำนวน 5 แผล ที่บริเวณหน้าท้อง 2 แผล ต้นลำคอ 1 แผล และใบหน้าอีก 2 แผล อาการสาหัส กำลังจะหมดสติ
ขณะเดียวกันพบชาย 1 ราย ทราบชื่อคือ นายสุระชัย กำแพงใหญ่ อายุ 36 ปี กำลังใช้มีดจี้หน้าท้องตัวเอง จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าไปเจรจาให้หยุดการกระทำ แต่ไม่ทันการ นายสุระชัยได้ใช้มีดแทงบริเวณหน้าท้องตัวเอง 4 แผล ก่อนเจ้าหน้าที่บุกจับตัวผู้บาดเจ็บ และทำการปฐมพยาบาลทั้งคู่ นำตัวส่ง รพ.มหาราชนครราชสีมา ในเวลาต่อมา
นายวิชัยเชิด เมืองปัก เจ้าหน้าที่กู้ชีพ เล่าว่า ตอนนั้นตนได้ขับรถผ่านมาพอดี และได้เห็นชาวบ้านกำลังมุงดูเหตุการณ์ ตนจึงจอดรถและได้เดินเข้าไปดูพบว่ามีผู้หญิงวิ่งออกมาจากป่า สภาพเลือดอาบตัวและมาล้มอยู่บริเวณริมถนน
ตนจึงได้เข้าไปดูอาการและปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเจ้าหน้าที่กู้ภัยอีกทีมเข้ามานำตัวส่งโรงพยาบาล ขณะเดียวกันมีผู้ชายเดินออกมา และได้พูดตลอดเวลาว่า "ดูแลแฟนผมด้วย หากแฟนผมตาย ผมก็ตาย"
ต่อมาสักพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาที่เกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุจึงได้ใช้มีดจี้ที่หน้าท้องตัวเอง ก่อนกระหน่ำแทง 4 ครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าบุกชาร์จจับกุม และได้นำตัวส่งโรงพยาบาล ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้นตนยังไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร ต้องรอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนต่อไป
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังวัดโนนประดู่ ต.วังโรงใหญ่ อ.ศรีคิ้ว จ.นครราชสีมา สถานที่ที่ผู้ก่อเหตุเคยมาบวชที่วัดแห่งนี้ พระสุพร ปัญญาธโร อายุ 70 ปี พระลูกวัดโนนประดู่เปิด เผยว่า นายสุระชัย กำแพงใหญ่ หรือ ชัย อายุ 36 ปี เคยมาบวชเป็นพระลูกวัดตั้งแต่เดือน ส.ค. 63 และเพิ่งสึกออกจากวัดไปเมื่อ 9 มี.ค. 64
ปกติแล้วทางผู้ก่อเหตุ และผู้บาดเจ็บก็เป็นคนนิสัยดี จากที่ได้มีการพูดคุยด้วย ก็เห็นว่าทั้งคู่มีการพูดคุยกันสนิทสนม อาตมาทราบมาว่าขณะที่ผู้ก่อเหตุบวชเป็นพระอยู่ภายในวัด เวลาไปบิณฑบาตในช่วงเช้า ผู้บาดเจ็บก็จะออกมาใส่บาตรอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ทราบรายละเอียดอะไรที่แน่ชัด ว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไรอย่างไรหรือไม่
กระทั่งอาตมามาทราบข่าวในช่วงเช้าวันนี้ จากชาวบ้านที่มาทำบุญว่าผู้ก่อเหตุได้ใช้อาวุธมีดกระหน่ำแทงผู้บาดเจ็บจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ตนก็ไม่ทราบว่าสาเหตุที่ลงมือนั้นคือปมปัญหาอะไร หลังจากที่ทราบเรื่องก็รู้สึกสลดใจ หดหู่ เพราะทั้งคู่เป็นคนดีไม่น่าจะมาเกิดเหตุดังกล่าว หากอาตมามีโอกาสได้พูดกับทางผู้ก่อเหตุก็อยากจะบอกว่าไม่น่าทำแบบนี้ "ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นสิ่งที่ผิด ก็น่าจะมีจิตสำนึกรู้คิดด้วยตัวเองว่าไม่สมควรทำ"
ด้านพระสุชิน สุวัณโณ พระลูกวัดโนนประดู่ เปิดเผยว่า ตนเองเป็นคนนำผู้ก่อเหตุมาบวชเอง ผู้ก่อเหตุเป็นคนจังหวัดสระบุรี เดินทางมาเพื่อขอร้องให้ทางวัดบวชให้ ซึ่งก็อยู่คนเดียว ไม่มีญาติ ลักษณะนิสัยก็เป็นคนเงียบ ๆ ไม่สุงสิงกับใคร แต่ถ้าเรื่องใช้งานจะขยันมาก
ก่อนสึกเมื่อช่วงเช้าก่อนไปก่อเหตุก็ยังมาไหว้ตน ตนก็ให้เงินเป็นค่าเดินทางไป 800 บาท ส่วนสาเหตุการสึกเห็นว่าได้งานทำ และจะกลับไปอยู่บ้านที่ จ.สระบุรี เรื่องที่คุยกับโยมที่เป็นผู้หญิงนั้นพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุตนก็ไม่ทราบ
ที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา นางสาวลัดดา ลครไพร อายุ 42 ปี พี่สาวของ น.ส.ชวัลลักษณ์ ผู้บาดเจ็บ บอกว่า ตนไม่รู้ว่าก่อนเกิดเหตุได้เกิดเรื่องราวอะไรกันขึ้น รู้เพียงว่านายสุระชัย อดีตพระผู้ก่อเหตุ เคยรู้จักและแอบชอบน้องสาวของตนตอนบวชเป็นพระมานานแล้ว เพราะน้องสาวเป็นคนชอบไปทำบุญที่วัด แต่ทั้งคู่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และกลับจากไปทำบุญบ่อย ๆ ก็ไม่รู้ว่าทั้งคู่ติดต่อกันบ้างหรือไม่ ที่รู้คือฝ่ายอดีตพระมาชอบน้องสาวของตน แต่น้องสาวบอกกลับไปว่าชอบเหมือนพี่ชาย ไม่ได้ชอบเชิงชู้สาว ทำให้อดีตพระรู้สึกไม่พอใจ และเคยข่มขู่น้องสาวมาแล้ว
แต่หลังจากนั้น อดีตพระก็กลับมาบอกว่าเป็นการพูดเล่น น้องสาวของตนจึงไม่คิดอะไร จนมาถึงวันนี้ อดีตพระได้โทรหาน้องสาวของตนอีกครั้ง และขอไหว้วานให้ขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งที่สถานีรถไฟสีคิ้ว เพราะจะเดินทางไปทำงานที่กรุงเทพฯ น้องสาวตนไม่ได้เอะใจจึงยินดีขี่รถจักรยานยนต์ไปส่ง จนมาเกิดเหตุดังกล่าว ซึ่งพอทราบเรื่องก็รู้สึกช็อกจนเป็นลม ตนเป็นห่วงและสงสารน้องสาว ไม่คิดว่าคนที่เพิ่งสึกจะมาก่อเหตุแบบนี้ เพราะน้องสาวจะเป็นคนมองโลกในแง่ดี ไม่คิดว่าใครจะมาทำร้าย
ซึ่งขณะนี้ อาการน้องสาวของตนยังน่าเป็นห่วง อยู่ในห้องไอซียูรอผ่าตัด เพราะมีเลือดออกในช่องท้องจำนวนมาก เพราะคมมีดแทงทะลุปอดทั้ง 2 ข้าง กระเพาะอาหาร และเส้นเลือดใหญ่ ยังไม่รู้สึกตัว รอผ่าตัด 09.00 น. วันพรุ่งนี้ ซึ่งน้องสาวมีลูก 3 คน เลิกรากับสามีไปแล้ว ดูแลลูกเพียงลำพัง ประกอบอาชีพเป็นผู้ช่วยแพทย์อยู่สถานีอนามัยห้วยบง ขยันทำงาน ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใคร ชอบช่วยเหลือคน
ด้านนางสมหมาย ลครไพร อายุ 66 ปี แม่ผู้บาดเจ็บ เผยว่า ปกติแล้วลูกสาวของตนเป็นคนนิสัยดีไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใคร ส่วนทางผู้ก่อเหตุนั้น ตนขอชี้แจงว่าไม่ได้เป็นแฟนกับลูกสาวของตน เป็นเพียงพระที่มาบวชอยู่วัดใกล้บ้าน ลูกสาวจึงได้ใส่บาตรทุกเช้า เวลาที่เจ้าตัวเดินมาบิณฑบาต ทั้งคู่จึงเริ่มพูดคุยและได้รู้จักกัน กระทั่งทางผู้ก่อเหตุเคยมาสารภาพกับลูกสาวว่ารักลูกสาว และอยากจะสึกออกมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน แต่ด้านของลูกสาวรักในตัวผู้ก่อเหตุแบบเพื่อนเท่านั้น ไม่ได้คิดอะไรเกินเลย
ซึ่งก่อนหน้าที่ผู้ก่อเหตุจะสึกออกมาในวันที่ 9 มี.ค. ผู้ก่อเหตุได้เดินมาหาตนและลูกสาวที่บ้าน บอกว่ารักลูกสาวมาก สึกเสร็จไม่อยากไปอยู่บ้านใน จ.บุรีรัมย์ แต่อยากจะขอมาอยู่ที่บ้านด้วย หากลูกสาวไม่รักก็จะฆ่าลูกสาวทิ้ง ตนในฐานะผู้เป็นแม่ เมื่อได้ยินผู้ก่อเหตุพูด ก็มีการกล่าวตักเตือนว่า "ทำไมถึงพูดแบบนั้น ถึงไม่ได้รักแบบแฟน ก็รักกันเป็นแบบเพื่อนได้" แต่ผู้ก่อเหตุก็ทำเสมือนว่าจะเข้าใจ กระทั่งมาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็รู้สึกเสียใจและแค้นในตัวผู้ก่อเหตุ ทั้งนี้ หากตนมีโอกาสได้พูดกับทางผู้ก่อเหตุ ตนก็อยากจะถามผู้ก่อเหตุว่า "ทำเพื่ออะไร" พร้อมทั้งอยากจะให้ทางผู้ก่อเหตุถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี เอาผิดตามขั้นตอนของกฎหมายถึงขั้นติดคุกตลอดชีวิต ให้สาสมกับพฤติกรรมที่ก่อเหตุ