4วันยังไร้วี่แวว "น้องต่อ" หายปริศนา ชายคนสนิทพลิกลิ้นมีสัมพันธ์แม่เด็ก (คลิป)

9 ก.พ. 66

วันที่ 9 ก.พ. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี “น้องต่อ” เด็กชาย วัย 8 เดือน ที่หายตัวไปปริศนาภายในบ้านหินมูล หมู่ 6 ต.หินมูล อ.บางเลน จ.นครปฐม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงระดมเร่งค้นหาน้องต่ออย่างต่อเนื่อง

ทั้งการใช้โดรนขึ้นบินสำรวจทั่วหมู่บ้านพื้นที่กว่า 30 ไร่ ตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 8 ก.พ. 66 ที่ผ่านมา จนกระทั่งช่วงเช้าวันนี้ซึ่งจุดที่ได้เน้นตรวจสอบจะเป็นภาพมุมสูงบริเวณป่าหญ้าอยู่ห่างจากบ้านของน้องต่อราว 100 เมตร แต่ยังไม่พบความผิดปกติหรือพบร่องรอยการหายตัวไปของน้องต่อ

405189

เวลา 10.30 น. อาจารย์เจ-จักรินทร์ รังสิมันตุ์ธนากร ร่างทรงหรือเจ้าของจดหมายที่ให้ทำพิธีจนเจอร่าง "แตงโม นิดา" ดาราสาวที่เสียชีวิตจากเหตุตกเรือที่แม่น้ำเจ้าพระยา ได้เดินทางลงพื้นที่บ้านของน้องต่อ โดยบอกว่า การเดินทางมาในวันนี้มีเจตนาจะมาช่วยคลี่คลายเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตัวเองได้ทราบเรื่องจาก “มูลนิธิวิน วิน” จึงเดินทาง

160604

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวตรวจสอบพบว่า อาจารย์เจ เคยโพสต์เรื่องของน้องต่อก่อนจะทำการลบโพสต์ไป ระบุว่า “กรณีเด็กหายครั้งนี้มีเงื่อนงำ มีผู้ชายนัดหมายกับผู้หญิง มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง มีการเตรียมการพาหนี มีการนัดหมาย 3 วัน ระยะทางระหว่างบ้านเด็กไปจนจะพบเด็กประมาณ 30 กม. แม่เด็กรู้ดี แม่รู้ทุกอย่าง ผู้ที่น่าเห็นใจคือกลุ่มพี่อาสาสมัคร ผู้ค้นหาทุกคน เรื่องนี้ผู้ที่เหนื่อยและต้อง ขอบคุณคือหน่วยงานผู้เข้าช่วยเหลือทุก ๆ ท่านครับ เดินทางออกจากบ้านเลี้ยวซ้ายวิ่งเข้าซอยเจอคลองน้ำคำเจอบ้านติดกับคลอง เลี้ยวขวาสุดทางเจอป่าหรือที่รกร้างไปเส้นทางนั้นนะครับ"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 
สอบเครียด นิ่ม-พุด พร้อมเก็บดีเอ็นเอตรวจ สื่อฯบุกพิสูจน์จุดลับตาอุ้มน้องต่อ? (คลิป)
ย่าฉะ! ขอสะใภ้พูดความจริง หลังน้องต่อหายตัวปริศนาเข้าวันที่ 5 (คลิป)
ไขคดี ''​น้องต่อ''​ เปิดพิรุธคำให้การพ่อแม่ ตร.เตรียมนำตัวเข้าเครื่องจับเท็จพรุ่งนี้ (คลิป)
522621

อาจารย์เจ ระบุว่า รู้สึกสงสารสื่อมวลชนรวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ จากที่สัมผัสทางซิกเซนส์ขอยืนยันว่าน้องต่อยังมีชีวิตอยู่และยังอยู่ใน จ.นครปฐม แต่คนร้ายจะมีการเคลื่อนย้ายน้องต่อออกจากพื้นที่ในวันพรุ่งนี้ โดยรถยนต์คันสีขาวและบุคคลที่นำไปเป็นบุคคลที่รู้จักกับทั้งพ่อและแม่ของน้องต่อ เป็นชาว ต.ลำพญา ซึ่งบุคคลคนนี้เคยเห็นความน่ารักของน้องต่อเป็นอย่างดี โดยวันที่ชายคนก่อเหตุมาพาตัวเด็กวันนั้นเขาสวมเสื้อสีครีมไปโทนเหลือง และใส่กางเกงยีนส์ขาสั้นเหนือเข่า วัยกลางคน รูปร่างไม่ท้วม

โดยการมาของชายคนนี้ มีเจตนาเพื่อมาเอาเด็กโดยเฉพาะ ซึ่งเส้นทางที่พาน้องหลบหนีตรงกันข้ามกับเส้นทางที่ตำรวจกำลังค้นหา เส้นทางที่คนร้ายนำตัวเด็กออกจากบ้านคือเส้นทางเดินไปทางซอยตรงข้ามบ้านหลังเกิดเหตุ เพื่ออ้อมเลาะคันดินกั้นน้ำ มีสภาพเป็นป่ารกร้างก่อนจะลัดออกมายังบริเวณสะพานและมุ่งหน้าไปทางวัดศิลามูล ซึ่งข้อมูลที่ตัวเองสัมผัสได้ล่าสุดน้องอยู่ห่างจากตัวบ้านไปไกลกว่า 30 กิโลเมตร ส่วนเลขที่ตัวเองเห็นขณะนั่งกรรมฐานอยู่ปรากฏเป็นเลข 1222 และเห็นลูกอม 32 เม็ด ซึ่งตัวเองคิดว่าคืออายุของคนที่พาตัวเด็กไป โดยวันนี้จะลงพื้นที่ไปดูจุดที่คิดว่าคนก่อเหตุนำตัวเด็กหนีไป

ขณะที่ นายสิทธิโชค แสงสว่าง หรือ พุด อายุ 19 พ่อน้องต่อ พร้อม น.ส.พิไลภรณ์ ก่อเจริญ หรือ นิ่ม อายุ 16 ปี หลังจากได้ฟังที่ อ.เจ พูดทั้งคู่มีสีหน้าท่าทางเครียดมากกว่าปกติ และมีลักษณะนั่งคิดตามสิ่งที่ อ.เจ บอก ก่อนบอกว่าไม่รู้จักคนย่าน ต.ลำพญา ขณะเดียวกันบางช่วงที่ผู้สื่อข่าวบางสำนักสัมภาษณ์แม่เด็กมีอาการร้องไห้ออกมา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เธอร้องไห้ต่อหน้าสื่อมวลชน

นิ่มแม่น้องต่อ

ด้าน น.ส.นิ่ม แม่น้องต่อ กล่าวว่า เมื่อคืนดีใจที่ตำรวจเร่งค้นหาลูกชาย มีการใช้ทั้งโดรน ทั้งปฏิบัติการอื่น ๆ แต่ก็ยังไม่พบลูก กระทั่งวันนี้มีชายมาอ้างว่าลูกยังมีชีวิตอยู่ และมาบอกว่าคนทาง ต.ลำพญา เอาลูกไปก็ยิ่งตกใจ เพราะตนไม่รู้จักคนย่านนั้น หากเป็นคนแถวบางเลนก็ยังพอนึกออกว่ามีใครบ้าง ตนจึงพยายามนึกว่ามีใครบ้างที่รู้จักอยู่ย่านดังกล่าว ส่วนเรื่องลักษณะของคนที่อุ้มไปตนยังยืนยันว่าไม่ได้สังเกตขนาดนั้นรู้เพียงว่า “สวมเสื้อสีเหลือง”

ทั้งนี้ยอมรับว่า มีความหวังเพราะคิดไว้ตั้งแต่ต้นว่าคนเอาลูกไปต้องเอาน้องไปเลี้ยงดูแลอย่างดี เพราะลูกเป็นเด็กเข้ากับคนง่าย แม้เป็นเด็กติดแม่ไม่เอาใครเลยก็ตาม ดังนั้นด้วยนิสัยลูกทำให้ตนมองว่าอาจจะทำให้คนที่เอาไปเอ็นดูลูก ไม่ทำร้ายลูก แต่ยังยืนยันคำเดิมว่าต้องเป็นคนนอก ส่วนประเด็นที่ตนเคยสงสัยสัยบ้าน 3 หลัง ตนไม่ติดใจแล้วเพราะตำรวจตรวจสอบแล้วไม่พบความผิดปกติ

ทั้งนี้ตนยืนยันว่า ประเด็นเรื่องเงินบ้านตนไม่ได้ขัดสนมีเงินหมุนเวียนพอกินพอใช้ทุกเดือน โดยจะมีเงินเดือนสามีกับค่าอุดหนุนบุตรรวมประมาณ 1 หมื่น เพียงพอซื้อนม ขนม และของใช้ให้ลูก ส่วนอาหารการกินสามีจะหารเงินกับพี่สาวซื้อข้าวหุงกินที่บ้านตนก็จะกินร่วมกันพี่น้องของสามี ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ มีค่าผ่อนรถจักรยานยนต์จำนวน 2 พันกว่าบาทและเงินที่สามีใช้ในวันไปทำงานที่โรงงาน อยากบอกคนเอาลูกไปว่า ให้เอาน้องมาคืน เพราะเรื่องใหญ่แล้วเจ้าหน้าที่จะได้ไม่ต้องค้นหา อีกทั้งส่วนตัวรู้สึกอึดอัดใจ ที่ต้องมาถูกตำหนิจากสังคม

อย่างไรก็ตามวันนี้จากหลาย ๆ สิ่งประกอบกันและที่สามีฝันถึงลูก 2 และ 3 วันแรก ฝันว่าพี่เอกกระจกเงาอุ้มลูกมาคืนและอีกคืนสามีก็ยังฝันต่อเรื่องว่ามีชายอุ้มลูกมาให้จึงมีหวัง สำหรับวันนี้ที่ตนร้องไห้ออกมาเพราะตนเริ่มอึดอัดใจพูดไม่ออก และหมดหนทาง ไม่รู้จะทำยังไงดี ยืนยันว่าช่วงลูกหายไปเสียใจร้องไห้มาโดยตลอดแต่ตนไม่ได้ร้องต่อหน้าสื่อเท่านั้นเอง

พ่อน้องต่อ

ขณะที่ นายสิทธิโชค แสงสว่าง หรือ พุด อายุ 19 พ่อน้องต่อ นี้ได้ไปไหว้หลวงปู่ช้าง ที่เป็นที่นับถือของคนในหมู่บ้าน พร้อมกับบนไว้ว่าให้เจอลูกภายใน 3-7 วัน พร้อมเผยว่า ถ้าได้เจอลูกตนตั้งใจที่จะแก้บนเป็นเวลา 7 วัน

110978

ทั้งนี้ชุดสืบสวนทั้ง สภ.บางหลวง ของจังหวัดนครปฐม และตำรวจภูธรภาค 7 ยังคงเร่งปูพรมค้นหาทางเท้าและไล่กล้องวงจรปิดโดยรอบพื้นที่บ้านและชุมชนใกล้เคียง พร้อมทั้งได้ตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย ตรวจสอบโทรศัพท์และไล่กล้องวงจรปิดทุกพื้นที่ทุกเส้นทาง

ซึ่งตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด ที่จับภาพรถต้องสงสัยได้บริเวณร้านอาหารตามสั่งที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุราว 450 เมตร ซึ่งเห็นภาพรถกระบะที่มีชายใส่เสื้อสีเหลืองนั่งอยู่ท้ายกระบะวิ่งไปตรงบริเวณสามแยกบางหลวง ในเวลา 07.50 น. ห่างจากจุดเกิดเหตุราว 1.1 กิโลเมตร ซึ่งท้ายกระบะไม่พบอะไรนอกจากอุปกกรณ์ก่อสร้าง

ลุงแจ้

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังวัดโฆสิตาราม เพื่อพูดคุยกับ นายสุรชัย เเซ่เฮ้ง หรือ เเจ้ อายุ 55 ปี หนึ่งในคนใกล้ชิด น.ส.นิ่ม นายสุรชัย เปิดเผยว่าตนเองรู้จักกับ น.ส.นิ่ม มาประมาณ 9 ปีเเล้ว เนื่องจากตนเองเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อของ น.ส.นิ่ม ที่ผ่านมาจะคอยช่วยเหลือครอบครัวนี้ตลอด เนื่องจากบ้าน น.ส.นิ่ม ฐานะยากจน นอกจากนี้ยังช่วยเหลือในการรับส่งพาพ่อของ น.ส.นิ่ม ไปทำธุระ เนื่องจากเจ้าตัวสายตาไม่ดีร่างกายไม่เเข็งเเรง

ส่วน น.ส.นิ่ม ตนเองเอ็นดูเหมือนลูกหลาน ที่ผ่านมาเคยเข้าไปรับ-ส่ง น.ส.นิ่ม หลายครั้ง เเต่เป็นการรับไปส่งหาพ่อที่บ้าน เนื่องจากพ่อของนิ่มขอความช่วยเหลือจากตนให้ช่วยรับ-ส่งลูกสาวให้ นอกจากนี้เวลา น.ส.นิ่ม มีปัญหาหรือขัดสนตนเองก็จะให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด ยืนยันว่าตนเองกับ น.ส.นิ่ม ไม่เคยมีสัมพันธ์เชิงชู้สาวตามที่ชาวบ้านบางคนสงสัย

โดยก่อนเกิดเหตุวันที่ 4 ก.พ. 66 ช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. น.ส.นิ่ม ขับรถซาเล้งพาลูกชายวัย 8 เดือน มาหาตนที่วัด มาพร้อมกับพ่อของ น.ส.นิ่ม เข้ามาขอนมให้ลูก ตนเองก็ให้นมกล่องกับอาหารบางส่วนไป ก่อนที่ น.ส.นิ่ม จะพาลูกไปหาหมอ เนื่องจากวันนั้นลูกไม่สบาย จากนั้นช่วงเวลาประมาณ 12.00-13.00 น. นิ่มโทรมาตนบอกว่า ลูกชายมีไข้สูง 38 องศา จะขอปรอทวัดไข้ หลังจากวางสายก็ขับรถซาเล้งมาเอาปรอทก่อนจะขับออกไป เเล้ววันนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกัน

จนกระทั่งวันเกิดเหตุวันที่ 5 ก.พ. 66 ช่วงเวลาประมาณ 08.00-09.00 น. น.ส.นิ่ม โทรหาตนเเต่ไม่ได้บอกอะไรเพียงขอความช่วยเหลือให้ตนโทรหาพ่อให้เนื่องจากพ่อไม่รับสาย ตนเองจึงโทรหาพ่อ น.ส.นิ่ม เเต่ก็ไม่รับสายเหมือนกัน จากนั้นเวลาประมาณ 09.00 น. พ่อ น.ส.นิ่ม โทรกลับมาหาตนบอกว่าหลานชายหาย เเล้วก็ชวนกันไปบ้านหลังเกิดเหตุเพื่อสังเกตการณ์ โดยอยู่ในหมู่บ้านที่เกิดเหตุประมาณ 30 นาที ก่อนจะกลับมาที่วัดเเล้วกลับบ้านช่วงค่ำเพื่อพักผ่อน ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเเละไม่มีส่วนรู้เห็นกับการหายตัวไปของน้องต่อ หลังเกิดเหตุตำรวจมาสอบปากคำตน 3 ครั้ง ก็ให้การกับตำรวจเหมือนที่ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว เเละหลังจากเกิดเรื่องก็ไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับ น.ส.นิ่ม อีกเลย

128191

ขณะเดียวกันพบว่า นายเเจ้ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อฯ 3 สำนัก ไม่ตรงกัน ครั้งแรกบอกว่าพาเเม่เด็กไปรีสอร์ต 2 ครั้ง เเต่มีสัมพันธ์กันเเค่ครั้งเดียว ครั้งที่สองให้สัมภาษณ์บอกว่ามีความสัมพันธ์กัน 2 ครั้ง และครั้งที่สาให้สัมภาษณ์อ้างว่า มีความสัมพันธ์กับเเม่เด็ก 1-2 ครั้ง

917775

ทีมข่าวจึงย้อนกลับไปสอบถามนายเเจ้อีกครั้งเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา นายเเจ้ ยอมรับอย่างตรงไปตรงว่าตนเองเคยมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับ น.ส.นิ่ม จริง โดยมีกัน 3 ครั้ง ก่อนท้อง 1 ครั้ง เเละหลังจากท้อง 2 ครั้ง โดยมีสัมพันธ์กันช่วงปี 65 ครั้งเเรกภายในรีสอร์ตเเห่งหนึ่ง ครั้งที่ 2 เเละ 3 มีความสัมพันธ์ในบ้านของพ่อ น.ส.นิ่ม เป็นบ้านที่อยู่กลางบ่อปลา เเต่ภายหลังสามีของ น.ส.นิ่มจับได้จึงไม่ได้มีความสัมพันธ์กันอีก เเต่ยอมรับว่ายังคงไปรับ-ส่งบ้าง ตามที่พ่อนิ่มได้ขอความช่วยเหลือ

นายเเจ้ บอกว่า การมีเพศสัมพันธ์กันเเต่ละครั้งผู้หญิงเป็นฝ่ายส่งข้อความเเละโทรมาชักชวน เเต่ก็มีการสวมถุงยางป้องกัน เชื่อว่าเด็กที่หายไปไม่ใช่ลูกของตนอย่างเเน่นอน โดยตนเชื่อว่าสาเหตุที่ฝ่ายหญิงยอมมีอะไรด้วยอาจเป็นเพราะอยากตอบเเทนที่ตนคอยช่วยเหลือครอบครัวหลายอย่าง ทั้งพาพ่อไปธุระ พาเเม่ติดเตียงไปกายภาพบำบัด เเละหานมให้ลูกชายของฝ่ายหญิง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านั้นที่ทีมข่าวมาสัมภาษณ์เหตุใดจึงโกหกว่า ไม่เคยมีสัมพันธ์เชิงชู้สาว นายเเจ้ อ้างว่าตอนนั้นยังไม่อยากพูด เเต่ตนเป็นคนตรงไปตรงมากล้าเปิดเผยอยู่เเล้ว พร้อมกับย้ำว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการหายตัวไปของเด็ก

627465

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบการใช้โทรศัพท์วันที่ 5 ก.พ. 66 การโทรศัพท์เข้า-ออก และการใช่อินเตอร์เน็ตของพ่อและแม่เด็กนั้น ไม่พบว่ามีการติดต่อญาติหรือบุคคลใกล้ตัว ส่วนโทรศัพท์ของ “ลุงแจ้” ที่ก่อนหน้านี้เคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยก็ไม่ได้เข้ามายังพื้นที่บ้านเกิดเหตุ และพบว่าช่วงเวลา 07.29 น. “ลุงแจ้” อยู่ที่ ต.บางเลน และต่อมาเวลา 07.30 น. ห่างกันเพียง 1 นาที ไปอยู่ที่บ้านท้องคุ้ง ต.บางปลา ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกัน

609971

ด้าน นายประสาน คุ้มทิม อายุ 58 ปี ตาของน้องต่อ บอกว่า ในตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอะไรเพราะอยู่คนละบ้านกับลูกสาว โดยวันที่หลานหายตัวไปลูกสาวโทรศัพท์มาหาบอกว่า “หลานหายไป” ตัวเองจึงรีบมาหาลูกสาวที่บ้านแล้วก็พบกับตำรวจมากมาย จึงพยายามเดินดูพื้นที่ตามตำรวจ ยอมรับว่าหลานเป็นเด็กน่ารักและลูกสาวมักอุ้มลูกออกไปข้างนอก หลายคนก็ชอบชมว่าหลานน่ารักมาก

นายประสาน ยังบอกอีกว่า ส่วนตัวสงสัยคนใกล้บ้านเพราะการที่ลูกสาวเห็นว่ามีคนวิ่งไปทางข้างหลังบ้าน เชื่อว่าต้องเป็นคนในพื้นที่ เนื่องจากหากเป็นคนอื่นจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าบ้านด้านหลังสามารถเข้าไปได้ พร้อมทั้งลูกสาวยังเคยเล่าให้ฟังว่าลูกพี่ลูกน้องของนายพุดที่อยู่หลังบ้าน แต่ตัวอยู่กรุงเทพฯ ยังเคยมาขอหลานไปเลี้ยง แต่ว่าลูกสาวและนายพุดไม่ให้

ส่วนประเด็น “ลุงแจ้” ตนยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้อง เพราะเป็นเพื่อนตัวเองมานานกว่า 10 ปีแล้ว ทำงานมาด้วยกันตั้งแต่อยู่ร้านขายของเก่า โดยตัวเองตาไม่ค่อยดีจึงวานให้ลุงแจ้ช่วยไปรับไปส่งลูกสาวสัปดาห์ละ 2 ครั้งมาที่บ้านตัวเอง เนื่องจากแม่เขาป่วยติดเตียงต้องไปโรงพยาบาล บางครั้งจึงต้องอุ้มหลานมาด้วย ซึ่งตลอดเวลาที่หลานอยู่ที่บ้านตัวเองนั้น ไม่มีใครอุ้มนอกจากยาย

ทั้งนี้ยอมรับว่า เครียดมากทุกวันนี้จึงได้แต่ปรึกษาพี่ ๆ น้อง ๆ ประกอบกับห่วงลูกสาวที่ถูกสอบทุกวันและด้วยความเด็ก บางครั้งก็ให้การสับสนวกวน พร้อมยืนยันว่าลูกสาวเป็นคนไม่ค่อยแสดงออกจึงไม่ค่อยร้องไห้ และในเรื่องของการซื้อ-ขายเด็กไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน

990891

ขณะที่ นางจำเนียร ทองทรัพย์ใหญ่ อายุ 53 ปี ย่าน้องต่อ เดินทางมาที่บ้านหลังเกิดเหตุด้วยอารมณ์โมโห บอกว่าตอนเเรกไม่อยากจะพูดอะไรมากเเต่พอเห็นข่าวช่วง 2-3 วัน ที่ผ่านมา น.ส.นิ่ม ลูกสะใภ้ ให้การกับตำรวจเเละให้ข่าวกับสื่อมวลชนอ้างว่าสงสัยคนบ้านใกล้เรือนเคียงหลายคนเป็นเหตุให้คนในพื้นที่หลายคนถูกค้นบ้าน เเล้วบุคคลเหล่านั้นต้องเสียเวลาไปให้ปากคำกับตำรวจจนตอนนี้ชาวบ้านเดือดร้อนกันไปทั่ว ตนเองรู้สึกโมโหเพราะเชื่อว่าชาวบ้านในหมู่บ้านไม่มีใครเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เเต่คนที่รู้ดีที่สุด คือตัวเเม่เด็กเอง จึงอยากให้พูดความจริงออกมาได้เเล้ว ไม่ต้องพาดพิงคนอื่น "ดูข่าวเเล้วหมั่นไส้ อยากตบลูกสะใภ้"

นางจำเนียร บอกอีกว่า หลังจากทราบว่าก่อนหายตัวไปหลานชายมีไข้สูง 38 องศา ก็รู้สึกเป็นห่วง เเต่ส่วนตัวเชื่อว่าหลานยังมีชีวิตอยู่ ถ้าหากหลานได้กลับมาตนจะขอเลี้ยงดูหลานเอง ส่วนเเม่เด็กซึ่งเป็นลูกสะใภ้จะไปไหนก็ไปไม่ต้องกลับมาเหยียบบ้านอีกลูกชายก็โง่ไม่ทันเมีย เมียพูดอะไรก็เชื่อหมด ดังนั้นหากคดีพลิกเเล้วเเม่เด็กเกี่ยวข้องกับการที่ลูกหายก็กลัวลูกชายจะซวยเเล้วติดคุกไปด้วย ขอฝากไปถึงคนที่เอาหลานไปให้เอาหลานของตนมาคืน เชื่อว่าคนที่เอาไปต้องรู้จักกับเเม่เด็กคือ น.ส.นิ่ม เเน่นอน

288490

ทีมข่าวพูดคุยกับ น.ส.รัศมี แสงสว่าง หรือ หมี อายุ 29 ปี พี่สาวของพ่อเด็กอีกครั้งถึงการใช้ชีวิตร่วมกันกับน้องชาย น.ส.รัศมี เปิดเผยอย่างละเอียดว่า ในพื้นที่เดียวกันจะมีบ้าน 2 หลัง คือบ้านตนและบ้านลุงวัย 70 ปี บ้านปูนขั้นเดียวด้านหน้ามี ตน, น.ส.นิ่ม, นายพุด, เด็กหญิงมิ้นลูกสาวตนวัย 12 ขวบ, แฟนตน และน้องต่อ ที่อาศัยในบ้านนี้

นายพุดทำงานโรงผลิตยาง ส่วน น.ส.นิ่ม ไม่ได้ทำงาน นายพุดจึงหาเงินเลี้ยงลูกลำพัง ขณะที่ตนและแฟนสาวออกรับจ้างทำไร่รายได้ประมาณคนละ 320 บาทต่อวัน ส่วนพ่อที่ป่วยนอนโรงพยาบาลก่อนหน้านี้อยู่บ้านขายของก็ได้เงินไม่มาก ดังนั้นหลัก ๆ จะมีตนกับนายพุดช่วยกันหารค่าน้ำค่าไฟกันคนละครึ่ง หรือคนละ 400 บาททุก ๆ เดือน และนายพุดมีค่าผ่อนรถต่อเดือน 2,000 บาท ส่วนเรื่องอาหารการกินต่างคนต่างหากินเองไม่ได้หุงหาภายในบ้านเลย 

812297

สำหรับ น.ส.นิ่ม ได้คบหากับน้องชาย 1 ปีก่อน ไป ๆ มา ๆ ก่อนมีลูกชายหรือน้องต่อก็มากินนอนอยู่ที่บ้านแบบภาวร แต่เวลาที่ทั้งคู่ถกเถียงกัน น.ส.นิ่ม ก็จะหอบลูกไปบ้านพ่อที่รับจ้างเฝ้าบ่อปลา และนายพุดก็จะแอบไปรับกลับมาบ้านวนเวียนอยู่แบบนี้ ดังนั้นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ของทั้งคู่ตนไม่ก้าวกาย และไม่ให้ใครรู้อยู่แล้วว่าเขาพอมีพอใช้กันหรือไม่หรือขัดสนหรือไม่ เพราะทั้งคู่มักจะปรึกษากันเองแบบเงียบ ๆ

ส่วนที่ทั้งคู่พูดจาสงสัยคนอื่นไปทั่วและกล่าวหาว่า ตนกับแฟนสาวย้อนกลับมาบ้านตนเองยังยืนยันว่าวันนั้นไม่ได้ย้อนกลับมาบ้าน ทำงานจนเสร็จงานถึงบ่ายโมงหลังรู้เรื่องว่าหลานหาย ดังนั้นการที่น้องชายปรักปรำตนเรื่อย ๆ มองว่าน้องคงเริ่มหาทางออกไม่เจอแล้ว

895638

น.ส.รัศมี กล่าวต่อว่า ตนอยากบอกน้องชายว่า “ทุกคนรักลูกมึงจะตาย ทำไมต้องมองว่าคนในบ้านเอาลูกไป” พร้อมย้ำว่า เราก็รักลูกมันและจะให้คนอื่นมาเอาลูกมันไปทำไม ซึ่งก่อนหน้ามีคนขอก็ยังไม่ให้เลย อีกทั้งตนเลี้ยงอยู่ทุกวันพอหายไปก็ทำอะไรไม่ถูก จะไปตามหาได้จากไหน อย่างไรก็ตามการที่ตำรวจตั้ง 3 ประเด็น ตนมองว่าอาจจะมีคนใกล้ชิดเอาไป หรือไม่น้องชายขายลูกไปนั้น 2 เรื่องนี้มันสองแง่สองง่ามและแอบคิดมาตลอด มิฉะนั้นเด็กคงไม่หายไปแบบไร้ร่องรอยแบบนี้

ทั้งนี้ยืนยันว่า น้องต่อไม่เอาใครน้องติดแม่ไม่ค่อยให้ใครอุ้ม บ้างครั้งคนในบ้านเองน้องต่อก็ไม่ให้อุ้ม ส่วน “ลุงแจ้” ตนไม่รู้จักจะเจอกันแค่ผิวเผิน เพราะทุกครั้งที่เขามาเห็นคนในบ้านอยู่บ้านกันเยอะ ๆ ก็จะไม่แวะ โดยจะมีลักษณะแอบมาหา น.ส.นิ่ม ตอนที่คนในบ้านไม่อยู่หรือชอบมาลับหลังตน ๆ จึงไม่รู้ว่าเขาเกี่ยวข้องอะไรกัน เพราะใครมาหา น.ส.นิ่ม ตนก็จะไม่ยุ่ง

อย่างไรก็ตามตนยอมรับว่า คิดถึงหลาน เพราะกำลังทะเล้น กำลังน่ารัก และยังรู้สึกไร้ความหวังเพราะตอนนี้ขออย่างเดียวให้แม่ของน้องต่อเปิดปากว่าลูกอยู่ไหน ความจริงอยู่ที่แม่เขาคนเดียวเท่านั้น “หรือว่าจะปล่อยให้เด็กมันตาย”

523873

ทีมข่าวได้ทำการเดินจำลองระยะเวลาการอุ้มเด็กจากบ้านหลังเกิดเหตุไปถนนใหญ่ว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ โดยทีมข่าวจำลองการเดินจากบ้านหลังเกิดเหตุเข้าซอยฝั่งตรงข้ามไปยังกรงหมาท้ายซอย ระยะทาง 50 เมตร ซึ่งเป็นทางเรียบพร้อมกับจับเวลา พบว่าหากเดินเเบบปกติจะใช้เวลา 42 วินาที หากกึ่งเดินกึ่งวิ่งจะใช้เวลา 30 วินาที

จากนั้นทีมข่าวได้จำลองการเดินจากกรงหมาท้ายซอยไปยังถนนใหญ่ระยะทาง 70 เมตร ซึ่งจะต้องเดินข้ามร่องน้ำขนาดความกว้าง 50 เซนติเมตร ขึ้นไปบนคันดินความสูงของคันดิน 1.2 เมตร เเล้วเดินตามคันดินซึ่งสามารถทะลุไปถึงถนนใหญ่ได้ สภาพพื้นดินไม่เรียบมีดินเเตกระเเหงเป็นร่องเเละมีหญ้าขึ้นประปรายสามารถเดินได้อย่างสบาย เเละต้องข้ามเหล็กกั้นขอบทาง ความสูง 80 เซนติเมตร หากเดินเเบบปกติจะใช้เวลา 54 วินาที เเต่หากกึ่งเดินกึ่งวิ่งจะใช้เวลา 36 วินาที

ดังนั้นผลการทดลองจึงสรุปได้ว่า หากคนร้ายเข้ามาอุ้มเด็กเเล้วเดินไปถนนใหญ่ด้วยความเร็วปกติจะใช้เวลา 1 นาที 36 วินาที เเต่หากคนร้ายกึ่งเดินกึ่งวิ่งจะใช้เวลาเพียง 1 นาที 6 วินาที

198525

ด้าน พล.ต.ต.จักรกฤษ เครือสุนทรวานิช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม เดินทางมาติดตามคดีนี้อีกครั้งที่ สภ.บางหลวง พร้อมเปิดเผยก่อนประชุมร่วมกับชุดคลี่คลายคดีว่าหลักเกิดเหตุได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกชุดระดมกำลังติดตาม สืบสวนสอบสวนหาเด็กว่า ล่าสุดคดีมีความคืบหน้าไปมากเพราะสามารถจำกัดวงผู้ต้องสงสัยเหลือเพียง 2-3 คน ซึ่งเป็นคนที่รู้จักและเกี่ยวข้องกับ น.ส.นิ่ม แม่ของน้องต่อ ตอนนี้ตำรวจทราบพิกัดที่อยู่แล้ว

ยอมรับว่า คดีนี้มีความยากลำบากมาก เพราะคำให้การของแม่เด็กยังไม่ชัดเจนว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นได้อย่างไร อ้างเพียงว่าพึ่งจะตื่นนอนจึงเห็นบุคคลต้องสงสัยได้ไม่ชัดเจน อีกทั้งมีพยานที่เห็นเหตุการณ์เพียงปากเดียว ที่ให้การว่าเห็นชายต้องสงสัยในที่เกิดเหตุ แต่ก็ไม่ได้เห็นขณะเกิดเหตุรวมถึงในบริเวณดังกล่าวไม่มีกล้องวงจรปิด

ส่วนชายเสื้อเหลืองที่ปรากฎในภาพวงจรปิด ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบบุคคล ซึ่งตำรวจนำหลักฐานทุกชิ้นมาตรวจสอบอย่างละเอียดอยู่แล้ว เพราะวงจรปิดเพียงตัวเดียวไม่สามารถชี้ชัดอะไรได้ จึงต้องตรวจสอบก่อนว่ารถคันดังกล่าวเข้าหมู่บ้านก่อนหรือไม่ ในกล้องเห็นแค่ช่วงขาออกไป

นอกจากนี้ประเด็นความเชื่อส่วนบุคคลอย่าง อ.เจ มาสำรวจพื้นที่จุดเกิดเหตุและกล่าวอ้างว่า เด็กยังอยู่ในรัศมี 30 กิโลเมตร ประเด็นนี้ไม่สามารถให้ความเห็นได้ และเป็นเรื่องที่นำมาใช้ประโยชน์ในสำนวนคดีได้อยู่แล้ว โดยจะเน้นการตรวจสอบด้วยหลักการของตำรวจไปทางนิติวิทยาศาสตร์

708030

อย่างไรก็ตามตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ยังยึดที่คำให้การของพ่อเด็กและแม่เด็กที่อ้างว่าเห็นผู้ต้องสงสัย ส่วนประเด็นการซื้อขายเด็กยังไม่ตัดทิ้งเช่นกัน ต้องรอหลักฐานเพิ่มเติมจากอีกหลายฝ่าย เนื่องจากตรวจสอบเงินที่เข้าบัญชีพ่อเด็กล่าสุดตรวจสอบแล้วไม่เกี่ยวข้องกัน ดังนั้นเรายังไม่ได้พบหลักฐานที่จะสื่อไปในทำนองนั้น

อีกทั้งหลักฐานที่มีตอนนี้ ยังไม่เพียงพอเพราะคนร้ายไม่ได้ทิ้งพยานหลักฐานอะไรไว้ในที่เกิดเหตุเลย ยอมรับว่าคดีนี้เป็นที่สนใจ ของประชาชน ส่วนตัวยังเชื่อว่าเด็กน่าจะยังมีชีวิตอยู่ตามที่แม่เด็กก็ยังมั่นใจ จึงฝากไปถึงคนที่นำเด็กไปให้รีบนำมาคืนเพราะคดีนี้เป็นคดีใหญ่มีโทษทางกฎหมายแน่นอน

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส