Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ธัญพืชช่วยชาติ จีนเร่งปลูกหวังชนะเกมสงครามการค้า เป็นมหาอำนาจเกษตรกรรม
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ธัญพืชช่วยชาติ จีนเร่งปลูกหวังชนะเกมสงครามการค้า เป็นมหาอำนาจเกษตรกรรม

31 ธ.ค. 68
14:15 น.
แชร์

จีนประกาศเร่งผลิตธัญพืช

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนย้ำคำสั่งให้เกษตรกรเร่งเพิ่มผลผลิตธัญพืช พร้อมเรียกร้องให้มีความพยายามปรับปรุงภาคเกษตรกรรมและพื้นที่ชนบทให้ทันสมัย เขาแถลงหลังการประชุมการทำงานเป็นเวลา 2 วัน ณ กรุงปักกิ่ง โดยผู้นำสี จิ้นผิงได้กระตุ้นให้ใช้แนวทางห้ามผ่อนปรนต่อการผลิตธัญพืช และเรียกร้องให้ยกระดับขีดความสามารถและประสิทธิภาพการผลิตในภาพรวม ด้วยการบูรณาการทั้งที่ดินคุณภาพสูง เมล็ดพันธุ์ เครื่องจักร และเทคนิคการทำฟาร์มเข้าด้วยกัน

รัฐบาลปักกิ่งระบุว่า การทำให้เกษตรกรรมทันสมัยและการพัฒนาชนบทเป็นหัวใจสำคัญของเป้าหมายทางเศรษฐกิจในวงกว้าง โดยในการประชุมครั้งนี้ ผู้นำจีนได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเร่งสปีดเพื่อให้จีนก้าวขึ้นเป็น "มหาอำนาจด้านเกษตรกรรม" 

สำนักข่าวซินหัวรายงานคำกล่าวของนายสีจากบทสรุปการประชุมว่า จีนต้องปรับปรุงประสิทธิผลของนโยบายเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรรม มอบประโยชน์แก่พื้นที่ชนบท และทำให้เกษตรกรมั่งคั่งขึ้น พร้อมทั้งส่งเสริมการรักษาความเสถียรของธัญพืชและสินค้าเกษตรหลักอื่น ๆ ให้อยู่ในระดับราคาที่เหมาะสม

ธัญพืชช่วยให้จีนชนะสงครามการค้าได้อย่างไร?

ผู้เชี่ยวชาญมองว่า จีนกำลังมองไปยังประเด็นความมั่นคงทางอาหาร ที่กลายเป็นประเด็นเร่งด่วน ท่ามกลางสภาพภูมิรัฐศาสตร์ที่ผันผวน โดยการพึ่งพาตนเองถูกมองว่าเป็นกันชนที่สำคัญในการรับแรงกระแทกจากภายนอก โดยเฉพาะจากผู้ส่งออกรายใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย

ก่อนหน้านี้ จีนต้องนำเข้าถั่วเหลืองและข้าวโพดจากสหรัฐฯ จำนวนมหาศาลเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์  โดยจีนเป็นผู้นำเข้าถั่วเหลืองรายใหญ่ที่สุดของโลกนำเข้ากว่า 60% ของการค้าโลก เพื่อใช้กากถั่วเหลืองเป็นอาหารสัตว์  สำหรับผลิตเนื้อหมูซึ่งเป็นอาหารหลักของคนจีน และใช้ทำน้ำมันพืชด้วย

หากสหรัฐฯ ใช้มาตรการคว่ำบาตรหรือขึ้นภาษี จีนจะได้รับผลกระทบทันทีผ่านราคาเนื้อสัตว์และค่าครองชีพที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน จีนรู้ว่าถั่วเหลืองคือจุดอ่อนของนักการเมืองอเมริกันเช่นกัน เพราะรัฐที่ปลูกถั่วเหลือง เช่น ไอโอวา เนแบรสกา เป็นรัฐฐานเสียงสำคัญของอเมริกา จีนจึงจงใจเปลี่ยนโครงสร้างการนำเข้าอย่างมหาศาลเพื่อลดอำนาจของสหรัฐฯ

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ระงับการนำเข้าถั่วเหลืองจากอเมริกาชั่วคราว หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดฉากสงครามการค้า ความตึงเครียดนี้ส่งผลให้จีน หันไปหาแหล่งอุปทานจากบราซิลและรัสเซียมากขึ้น ซึ่งทั่วโลกรู้จักท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ในชื่อ “การทูตถั่วเหลือง”

"การทูตถั่วเหลือง" หมากเกมสำคัญในสงครามการค้า

จีนเข้าไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ท่าเรือ และเส้นทางขนส่งในบราซิล เพื่อให้บราซิลส่งออกถั่วเหลืองได้มากขึ้นและราคาถูกลง ปัจจุบันบราซิลกลายเป็นซัพพลายเออร์อันดับ 1 ของจีน แซงหน้าสหรัฐฯ อย่างขาดลอย แม้ในช่วงที่ความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ดีขึ้น จีนก็ยังไม่กลับไปซื้อในสัดส่วนเท่าเดิมเพื่อรักษา "ความมั่นคงทางอุปทาน"

ภาพรวม 9 เดือนแรกของปี 2025 (ม.ค. - ก.ย. 2025) จีนนำเข้าถั่วเหลืองจากบราซิลไปแล้วประมาณ 63.7 - 79 ล้านตัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 85% - 89% ของการนำเข้าถั่วเหลืองทั้งหมดของจีน ในเดือนกันยายน 2025 เพียงเดือนเดียว จีนนำเข้าจากบราซิลสูงถึง 10.96 ล้านตัน 

ในขณะที่การนำเข้าจากสหรัฐฯ ในเดือนเดียวกันนั้นแทบจะเป็น ‘ศูนย์’ ส่วนแบ่งลดลงเหลือเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ในบางเดือน และคาดว่า ยอดรวมทั้งปี 2025 ของสหรัฐฯ จะอยู่ที่ประมาณ 18 ล้านตัน ซึ่งลดลงจากปีก่อนถึง 33% ยิ่งไปกว่านั้น จีนยังเลือกทำสัญญาซื้อขายระยะยาวกับบราซิลและอาร์เจนตินามากขึ้น เพื่อสร้างเครือข่ายความมั่นคงทางอาหารที่ปลอดอิทธิพลอเมริกา

ขณะเดียวกัน จีนเร่งเพิ่มผลผลิตในประเทศ เพื่อให้สามารถยืนได้ด้วยขาตัวเอง หากการค้ากับตะวันตกหยุดชะงัก จีนก็ยังมีเสบียงเลี้ยงประชากรได้โดยไม่เกิดจลาจลจากความหิวโหย ผ่านมาตรการสำคัญ 3 ข้อ ได้แก่ 

1. ขยายพื้นที่ปลูก: รัฐบาลให้เงินอุดหนุนเกษตรกรที่เปลี่ยนจากการปลูกข้าวโพดมาเป็นถั่วเหลือง 

2. พัฒนาเทคโนโลยีเมล็ดพันธุ์: เร่งวิจัยตัดต่อพันธุกรรม (GMO) เพื่อให้ได้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้นสู้กับต่างประเทศได้ 

3. พัฒนาสูตรอาหารสัตว์ใหม่: รัฐบาลสั่งให้โรงงานอาหารสัตว์ลดสัดส่วนกากถั่วเหลืองลง และใช้โปรตีนทางเลือกอื่นแทน เพื่อลดปริมาณการนำเข้าในภาพรวม

กำลังการผลิตธัญพืชจีนอยู่จุดไหน?

รัฐบาลจีนให้คำมั่นว่า จะยกระดับการขับเคลื่อนทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตธัญพืชอีก 50 ล้านตันภายในปี 2030 ซึ่งตั้งเป้าผลผลิตธัญพืชเฉลี่ยที่ประมาณ 420 กิโลกรัมต่อ 1 มู่ (มาตรวัดของจีนเท่ากับประมาณ 666.67 ตารางเมตร)

โครงการริเริ่มดังกล่าวสอดคล้องกับการประกาศของคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติเมื่อสัปดาห์ก่อน ที่มุ่งส่งเสริม การฟื้นฟูชนบท ในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งรวมถึงมาตรการที่เจาะจงไปยังผลผลิตถั่วเหลืองและข้าวโพด

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังรับปากว่าจะเดินหน้าปฏิรูปชนบทในเชิงลึก รวมถึงการขยายผลโครงการนำร่องในบางมณฑลเพื่อ ต่ออายุสัญญาเช่าที่ดินออกไปอีก 30 ปี หลังจากสัญญาปัจจุบันสิ้นสุดลงในช่วงปี 2027 ตลอดจนการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านกลไกการลงทุนและการเงินเพื่อการฟื้นฟูชนบท

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติที่เผยแพร่ในเดือนนี้ระบุว่า ผลผลิตธัญพืชรวมของจีนในปี 2025 เติบโตขึ้น 1.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะระดับ 714.9 ล้านตัน โดยมีผลผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 399.1 กิโลกรัมต่อมู่ เพิ่มขึ้น 1.1% จากปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลศุลกากรแสดงให้เห็นว่า การนำเข้าถั่วเหลือง ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรที่จีนต้องพึ่งพาตลาดต่างประเทศมากที่สุด เติบโตขึ้น 7.3% ในเชิงปริมาณในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2025 ในทางกลับกัน การนำเข้าข้าวโพดระหว่างเดือนมกราคมถึงพฤศจิกายนกลับดิ่งลงถึง 86.1% ท่ามกลางการขับเคลื่อนนโยบายพึ่งพาตนเองของประเทศ


แชร์
ธัญพืชช่วยชาติ จีนเร่งปลูกหวังชนะเกมสงครามการค้า เป็นมหาอำนาจเกษตรกรรม