
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ประกาศอย่างชัดเจนเมื่อวันพุธที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า เขาจะไม่ยอมประนีประนอมในข้อเรียกร้องให้ยูเครนยกดินแดนให้รัสเซีย แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ จะเพิ่มแรงกดดันเพื่อผลักดันกระบวนการสันติภาพอย่างเข้มข้นก็ตาม
ขณะที่ผู้นำสหรัฐฯ และยุโรปพยายามผลักดันเพื่อบรรลุข้อตกลงยุติสงคราม ปูตินปราศรัยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว กล่าวโจมตียูเครนและพันธมิตรยุโรป พร้อมระบุว่า รัสเซียพร้อมใช้กำลังทหารยึดครองดินแดน หากจำเป็น
คำถามเกี่ยวกับเรื่องดินแดน รวมถึงหลักประกันด้านความมั่นคงให้ยูเครน ถือเป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญระหว่างการเจรจาสันติภาพ โดยสะท้อนถึงลำดับความสำคัญที่แตกต่างกันออกไปของยูเครน สหรัฐฯ ยุโรป และรัสเซีย
สำนักข่าว CNN รายงานว่า ปัจจุบัน รัสเซียได้ผนวกแคว้นดอนบาสของยูเครนอย่างผิดกฎหมาย แต่ยังไม่สามารถยึดครองพื้นที่ทั้งหมดได้ โดยรายงานจากสถาบันการศึกษาสงคราม ซึ่งเป็นหน่วยงานสังเกตการณ์ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ มองว่า หากอัตราการรุกคืบยังเป็นไปได้ในระดับปัจจุบัน รัสเซียน่าจะยังไม่สามารถยึดครองดอนบาสได้ทั้งหมดจนกว่าจะถึงเดือนสิงหาคม ปี 2027
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน ระบุว่า รัฐบาลยูเครนจะไม่ยอมรับพื้นที่ทางตะวันออกของแคว้นดอนบาสที่ถูกรัสเซียยึดครองชั่วคราวว่าเป็นดินแดนของรัสเซีย ไม่ว่าทางกฎหมายหรือโดยพฤตินัย
ผู้นำยูเครนยังกล่าวพาดพิงถึงคำว่า “ดินแดนทางประวัติศาสตร์” ที่ปูตินใช้ในการปราศรัยเมื่อคืนวันพุธ โดยเซเลนสกีเตือนว่า “อาจจะมีประเทศอื่นในยุโรปที่วันหนึ่ง อาจถูกใครบางคนในรัสเซียเรียกว่า “เป็นดินแดนทางประวัติศาสตร์” บ้าง ดังนั้น จำเป็นต้องมีการป้องกันความบ้าคลั่งของรัสเซีย
ด้านปูตินกล่าวในการประชุมประจำปีของกระทรวงกลาโหมรัสเซียว่า รัสเซียต้องการแก้ไขความขัดแย้งและขจัดต้นตอของปัญหาผ่านช่องทางการทูต แต่หากประเทศคู่ขัดแย้งและผู้สนับสนุนจากต่างชาติปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการเจรจาอย่างจริงจัง รัสเซียจะบรรลุการปลดปล่อยดินแดนทางประวัติศาสตร์ของตนด้วยวิธีการทางทหาร
คำกล่าวดังกล่าวหมายถึงภูมิภาคที่เขาเรียกร้องให้ยูเครนยกให้ ซึ่งยังคงเป็นประเด็นขัดแย้งหลักในการเจรจาสันติภาพที่ดำเนินอยู่
เขายังกล่าวว่า รัสเซียกำลังเจรจากับสหรัฐฯ แต่การมีส่วนร่วมอย่างจริงจังกับยุโรปในประเด็นสันติภาพนั้น ไม่น่าจะเกิดขึ้นหากยุโรปยังอยู่ภายใต้ผู้นำชุดปัจจุบันนี้ อย่างไรก็ตาม เขาหวังว่า ตัวเขาเองจะสามารถเจรจากับยุโรปได้
ส่วนทรัมป์แสดงท่าทีเชิงบวกอย่างต่อเนื่องต่อโอกาสที่จะบรรลุข้อตกลงสันติภาพ โดยเขากล่าวในสัปดาห์นี้ว่า ขณะนี้เราเข้าใกล้การบรรลุข้อตกลงมากกว่าที่เคยเป็นมา
ขณะที่ผู้นำยุโรปเตรียมเปิดการประชุมสุดยอดที่สำคัญในสัปดาห์นี้ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ซึ่งจะมีการหารือว่า จะนำทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดไว้มาใช้เป็นเงินทุนสนับสนุนยูเครนหรือไม่
นางเออร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เรียกร้องให้ยุโรปรับผิดชอบต่อความมั่นคงของตนเอง และเดินหน้าสนับสนุนงบประมาณด้านการป้องกันประเทศให้ยูเครนในการรับมือกับรัสเซีย
ทั้งนี้ ยุโรปมีข้อเสนอในการจัดหาเงินทุนให้ยูเครนอยู่สองแนวทาง ได้แก่ การนำทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดมาใช้ และการกู้ยืมเงิน แต่ก็มีข้อโต้แย้งในการจะนำเงินของรัสเซียออกมาใช้เช่นกัน