
ประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครนเปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอให้มีการจัดตั้ง "เขตเศรษฐกิจเสรี" ในบางส่วนของภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยูเครนจะต้องถอนกำลังทหารออกไปภายใต้ข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย เพื่อทำให้ดอนบาสกลายเป็นเขตปลอดทหาร
เซเลนสกียังเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวอีกว่า ทางฝั่งยูเครนได้นำเสนอแผนสันติภาพฉบับปรับปรุงใหม่ต่อสหรัฐฯ ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นชุดเอกสารที่มีรายละเอียด ไม่ใช่แค่เอกสารฉบับเดียว และเอกสารหลายฉบับต้องมีการสรุปให้แล้วเสร็จ เขากล่าวว่า ฝ่ายบริหารของทรัมป์ต้องการใช้เวลาทำความเข้าใจข้อความเหล่านั้นโดยละเอียด แต่น่าจะเสร็จสิ้นก่อนช่วงคริสต์มาส
อย่างไรก็ตาม ผู้นำยูเครนยอมรับว่า ประเด็นละเอียดอ่อนเกี่ยวกับการแบ่งแยกเขตแดนยังคงไม่ได้รับการแก้ไข เพราะรัสเซียต้องการดอนบาสทั้งหมด แต่ยูเครนเองก็ยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ เซเลนสกีมองว่ารัสเซียพยายามต่อสู้ชิงภูมิภาคดอนบาส รวมถึงภูมิภาคโดเนตสก์และลูฮันสก์ ตั้งแต่ปี 2014 และขณะนี้มอสโกกำลังพยายามรักษาผลประโยชน์ที่ตนไม่สามารถชนะได้ด้วยกำลังอาวุธ ผ่านการเจรจาสันติภาพที่มีสหรัฐฯ เป็นคนกลาง
เซเลนสกีกล่าวว่า เขาเข้าใจดีว่าข้อเสนอที่จะให้จัดตั้งเขตเศรษฐกิจเสรีที่ว่านี้ เพราะสหรัฐฯ ต้องการประนีประนอมระหว่างสองฝ่าย แม้ว่าสิ่งนี้จะช่วยทำลายทางตันทางการทูตและยุติข้อพิพาทระหว่างรัสเซียและยูเครนได้ แต่เขาก็จำเป็นต้องตั้งคำถามที่อาจฟังดูรุนแรงต่อแผนของสหรัฐฯ คำถามที่ว่านี้คือใครจะเป็นผู้บริหารจัดการดินแดน และจะมั่นใจได้อย่างไรว่าการถอนทหารมีความยุติธรรมและเป็นไปในลักษณะต่างตอบแทน
เซเลนสกีถามต่อไปว่า "หากมีฝ่ายหนึ่งถอนกำลังออกไป ตามที่พวกเขาต้องการให้ยูเครนทำ ทำไมรัสเซียจึงไม่ถอนกำลังกลับไปในพื้นที่อื่น ๆ ที่เข้ายึดครองด้วย" เขามองว่า รัสเซียก็ควรจะต้องถอนตัวออกจากดินแดนที่ตนครอบครองอยู่ในปัจจุบันด้วย ไม่ใช่แค่ยูเครนเท่านั้น
เซเลนสกีแสดงความกังวลว่า การที่ยูเครนถอนทัพออกไป แต่ทหารรัสเซียยังคงอยู่ จะไม่สามารถป้องกันไม่ให้รัสเซียรุกคืบหรือแฝงตัวเป็นพลเรือนเข้ามายึดครอง 'เขตเศรษฐกิจเสรี' นั้นได้ ซึ่งเป็นเรื่องร้ายแรง หากเกิดขึ้นจริง และเซเลนสกีเตือนว่า ยูเครนยังไม่ได้ตัดสินใจยอมรับข้อเสนอนี้ และย้ำว่าการประนีประนอมต้องเป็นธรรม ท้ายที่สุดแล้ว ประชาชนยูเครน จะเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องดินแดนผ่านการเลือกตั้งหรือการลงประชามติ
ในการแสดงความคิดเห็นแยกต่างหาก เซเลนสกีกล่าวว่า คณะผู้แทนของเขาได้จัดการเจรจาเชิงสร้างสรรค์กับทีมเจรจาของสหรัฐฯ ซึ่งประกอบด้วยรัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีกลาโหม พีท เฮกเซ็ท ทูตพิเศษของประธานาธิบดี สตีฟ วิตคอฟฟ์ และจาเร็ด คุชเนอร์ บุตรเขยของประธานาธิบดีทรัมป์ เซเลนสกีกล่าวว่า มาร์ก รุตเต ประธานกลุ่ม NATO ก็เข้าร่วมการเจรจาด้วย
เจ้าหน้าที่ยุโรปคนหนึ่งบอกกับ CNN ว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยุโรป และยูเครนจะจัดการประชุมกันในช่วงสุดสัปดาห์นี้ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อเจรจาเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนสันติภาพที่ทรัมป์หวังว่าจะสามารถยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนได้สำเร็จ
แต่แคโรไลน์ ลีวิตต์ เลขาธิการฝ่ายสื่อมวลชนประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า ยังไม่แน่นอนว่าฝ่ายบริหารของทรัมป์จะส่งตัวแทนเข้าร่วมการเจรจาในช่วงสุดสัปดาห์นี้หรือไม่ เธอกล่าวว่าประธานาธิบดีรู้สึกหงุดหงิดอย่างมากกับทั้งสองฝ่ายของสงครามและเบื่อการประชุมที่ไม่สร้างผลลัพธ์เป็นรูปธรรม
เมื่อถูกถามว่าการหยุดยิงอาจจะเริ่มเมื่อใด เซเลนสกีกล่าวว่า สิ่งนี้อาจจะเกิดขึ้นหลังจากฝ่ายทำสงครามลงนามในข้อตกลงก่อนเท่านั้น แม้ว่ายูเครนจะเรียกร้องให้มีการหยุดยิงทันทีมานานแล้ว เพื่อเป็นการทดสอบความจริงจังของรัสเซียเกี่ยวกับสันติภาพ และซเลนสกียอมรับว่า 'รัสเซียจะไม่หยุดยิงเด็ดขาด หากยังไม่มีการลงนามในข้อตกลงใด ๆ'
หลังจากการสนทนาของเขากับคณะผู้แทนสหรัฐฯ เซเลนสกีกล่าวว่า การรับประกันความมั่นคงยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับขั้นตอนต่อไปของกระบวนการสันติภาพ เขากล่าวว่า "ยูเครนเคยมีประสบการณ์ด้านลบกับบันทึกบูดาเปสต์มาแล้ว" ซึ่งหมายถึงข้อตกลงในปี 1994 ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ยูเครนที่เพิ่งเป็นอิสระได้สละอาวุธนิวเคลียร์ในอาณาเขตของตนหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต เพื่อแลกกับคำมั่นสัญญาของรัสเซียที่จะเคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน
เขาย้ำว่า "ทุกคนจำเรื่องนี้ได้ เช่นเดียวกับข้อเท็จจริงที่ว่ารัสเซียละเมิดพันธกรณีอื่น ๆ ทั้งหมดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดังนั้น สิ่งสำคัญในตอนนี้คือเอกสารเกี่ยวกับการรับประกันความมั่นคงนี้จะต้องให้คำตอบที่เจาะจงเกี่ยวกับสิ่งที่ชาวยูเครนกังวลมากที่สุด ว่าพันธมิตรของเราจะดำเนินการอย่างไรหากรัสเซียตัดสินใจที่จะรื้อฟื้นการรุกราน"