Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ไทยไปไหนดี เมื่อโลกแยกก๊ก อาจารย์ปิติชี้ 6 ปัญหา 6 ทางแก้ เศรษฐกิจไทย
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ไทยไปไหนดี เมื่อโลกแยกก๊ก อาจารย์ปิติชี้ 6 ปัญหา 6 ทางแก้ เศรษฐกิจไทย

3 ธ.ค. 68
14:07 น.
แชร์

ท่ามกลางภูมิศาสตร์การเมืองโลกที่แบ่งขั้วชัดเจน โดยมีจีนและสหรัฐฯ ยืนอยู่สองฟากอำนาจ ทวีความตึงเครียดด้วยกำแพงภาษีและสงครามการค้าที่ลุกโชนตลอด 5 ปีที่ผ่านมา คำถามหนึ่งที่ผุดขึ้นในใจหลายคนคือ แล้วประเทศไทยควรไปอย่างไรต่อ? เศรษฐกิจจึงจะดำรงอยู่ได้ 

ศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการบริหาร ASEAN FOUNDATION แนะคำตอบข้อนี้เอาไว้ที่งาน SPOTLIGHT DAY 2025 ในการเสวนาหัวข้อ “THAILAND’S POSITION IN THE NEW WORLD ORDER จุดยืนของไทยในวันที่โลกแบ่งขั้ว” ว่าต้องทำอย่างไรเศรษฐกิจไทยจึงจะไปต่อได้

เข้าใจสถานการณ์โลกปัจจุบัน แตกเหล่าแบบสามก๊ก

แม้ภาพการแบ่งขั้วจะทำให้เรานึกถึงการแบ่งโครงสร้าง “Global North” ที่นำโดยสหรัฐฯ เสริมทัพด้วยสหภาพยุโรป (EU) ญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศที่พัฒนาแล้ว กลุ่มนี้มีความร่วมมือทางเศรษกิจรวมกันคือ OECD และด้านความมั่นคงผ่าน NATO กลุ่มนี้อาจารย์ปิติเปรียบไว้ว่าคือ “โจโฉ” ผู้เป็นเจ้าของระเบียบ แต่ถึงจุดหนึ่งก็อาจทรยศระเบียบของตนได้

ต่อมาคือ “Global South” หรือเล่าปี่ เพราะคือ “เจ้าปลายแถวผู้ยากจน ยากจะเติบโต แต่ก็โตขึ้นมาได้” นำโดยจีน มีรัสเซีย อินเดีย บราซิลหนุนทัพ มีความร่วมมือทางเศรษฐกิจคือ BRICS และความร่วมมือด้านความมั่นคงคือ Shanghai Cooperation Organization 

และฝ่ายสุดท้ายตามคำอธิบายของอาจารย์ปิติคือ “ซุนกวน” หรือกลุ่มประเทศมุสลิม เนื่องจากเป็นผู้กุมทรัพยากร มีตลาดใหญ่ แรงงานมาก ซึ่งอาจารย์ชี้ว่าไม่ได้จำกัดแค่ตะวันออกกลาง แต่ยังรวมกลุ่มประเทศมุสลิมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ และแอฟริกาเข้าไว้ด้วย

ส่วนรัสเซีย ประเทศดินแดนขนาดใหญ่ที่มีอำาจทางการทหารมาก และเป็นความน่าปวดหัวของสหภาพยุโรปในขณะนี้ อาจารย์ปิติชี้ว่า หากมองในมุมเศรษฐกิจ ยังไม่ถือว่าเป็นขั้วอำนาจใหม่ เพราะ GDP ประเทศยังไม่เทียบเท่ารัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ หรือใกล้เคียงมณฑลกวางตุ้งของจีนด้วยซ้ำไป

“สงครามเย็นครั้งที่สองคือ โลกเหนือและโลกใต้พยายามแย่งกันสร้างพันธมิตรในโลกมุสลิม และประเทศไทยอยู่ท่ามกลางสามขั้วนี้” อาจารย์ปิติอธิบาย

ผลความแตกแยกของสามก๊กกลายเป็นปัญหา 6D

อาจารย์ปิติกล่าวว่า ความแตกแยกกันของก๊กต่าง ๆ ในโลกสร้างปัญหาในโลกเพิ่มอีก 6 ข้อ ซึ่งสามารถสรุปได้เป็นปัญหา 6D คือ:

  • Destabilization ความไม่สงบตามพื้นที่ต่าง ๆ ในโลกที่ส่งผลต่อความมั่นคง อาจารย์ชี้ว่า จุดที่น่าสนใจปีหน้าคือ ความขัดแย้งที่ช่องแคบไต้หวัน
  • Digital disrupt หลายประเทศใช้เทคโนโลยีห่ำหันกัน ในขณะที่หลายประเทศก็ยังมองเทคโนโลยีว่าเป็นอุปสรรค ทำให้เกิดการแบ่งขั้วด้านเทคโนโลยี 
  • Deglobalization ระเบียบโลกแบบโลกาภิวัตน์ไม่มีอีกต่อไป สร้างความผันผวนให้ห่วงโซ่อุปทานโลกที่เคยเสรีมากกว่านี้
  • Dedollarization ความไม่เสถียรของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ สร้างความปั่นป่วนให้โลกการเงิน
  • Demographic structure change การเปลี่ยนโครงสร้างของประชากร
  • Degradation of environment condition ภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติต่าง ๆ จากวิกฤตภูมิอากาศ ที่เห็นได้ล่าสุดคือปรากฎการณ์ Rain bomb ที่เพิ่งเกิดขึ้นที่ภาคใต้ของไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

ไทยไปต่อด้วย 6E ไปต่ออย่ามีกลยุทธิ์

“ไทยจะไปต่อได้ ด้วยการถ่วงดุลอำนาจทางยุทธศาสตร์ ซึ่งประเทศใกล้บ้านเราที่สุดก็คือจีน ดังนั้นเราก็ต้องรักษาระยะห่าง ไม่ใช่ถูกครอบงำโดยจีน ส่วนประเทศที่มีแสนยานุภาพระดับโลกอย่างสหรัฐฯ เราก็ต้องรักษาระยะด้วยเช่นเดียวกัน แต่การจะรักษาระยะ และถ่วงดุลอำนาจได้ เราก็ต้องน่าสนใจด้วย” อาจารย์กล่าว 

การสร้างความน่าสนสนใจให้แก่ประเทศไทยเป็นประเด็นที่น่าสนใจ ซึ่งอาจารย์ปิติได้สรุปและแนะนำวิธีสร้างความ “น่าสนใจ” เอาไว้เป็นตัวย่อ 6E ได้แก่:

  •  Economy of scale ประเทศไทยต้องมีโครงการขนาดใหญ่ (large-scale mega projects) ที่คนทั้งชาติเดินหน้าไปพร้อมกัน วางยุทธศาสตร์ระยะยาวบนฐานความรู้ในปัจจุบัน ควบคู่กับองค์ความรู้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โครงการใหญ่เหล่านี้จะช่วยผลักดันประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า เพิ่มคุณค่า เพิ่มความยาวของห่วงโซ่อุปทาน และกระตุ้นนวัตกรรมภายในประเทศ
  • Economy of speed สร้างความกระตือรือร้น อาจด้วยการเปิดตลาดภาคบริการ ภาคแรงงาน เพื่อให้คนไทยตื่นตัว
  • Economy of scope ขยายห่วงโซ่อุปทานให้ยาวขึ้น ต่อต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำให้ยาว ซึ่งการขยายไม่ใช่แค่เพียงขยาย “ขนาด” แต่ด้านความต้องการซื้อของตลาดก็ต้องได้รับการขยายด้วยเช่นกัน
  • Environmental mindset ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะประเด็นสิ่งแวดล้อมกลายเป็นเครื่องมือการกีดกันทางการค้าใหม่ ซึ่งหากไม่ใส่ใจก็คงไปต่อได้ยาก
  • Expenditure government ทำอย่างไรให้รายจ่ายภาครัฐเปนไปตามเป้า ตัดโครงสร้างยาว ๆ และเพิ่มเงินลงทุน
  • Equilibrium foreign policy ชัดเจนเรื่องนโยบายต่างประเทศ เอาผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ เพื่อตัดสินใจความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ และร่วมมือกับคู่พันธมิตรที่เหมาะสมในแต่ละประเด็น
  • Ethics มีจริยธรรม และธรรมาภิบาลที่ดี

6E นี้เป็น 6 ข้อที่อาจารย์ปิติชี้ว่า จะช่วยปรับโครงสร้างประเทศไทยได้ดี ทั้งยังช่วยถ่วงอำนาจกับประเทศมหาอำนาจได้อีกด้วย 

อุปสรรคเศรษฐกิจไทย

หากเรามองกราฟการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอาเซียน จะพบว่า ไทยเติบโตในอัตราที่ต่ำกว่าประเทศอื่นส่วนใหญ่ ทั้งที่ประเทศในภูมิภาคนี้น่าจะมีเงื่อนไขเศรษฐกิจคล้ายกัน จึงนำมาสู่คำถามว่า เศรษฐกิจไทยโตช้าเพราะอะไร ข้อนี้อาจารย์ปิติอธิบายไว้ว่าอาจเป็นเพราะไทยยังใช้ศักยภาพได้ไม่เต็มที่ 

“เราอาจยังใช้ศักยภาพของเราได้ไม่เต็มที่อย่างที่ควรจะทำ ซึ่งต้องปลดล็อก และล็อกสำคัญคือเรื่องของธรรมาภิบาล” อาจารย์กล่าว และเน้นว่าการปลดล็อกจำเป็นต้องใช้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน 

ส่วนในด้านบุคลากร อาจารย์ปิติเน้นยำว่า ประเทศไทยต้องการบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในทุกภาคส่วน ได้แก่:

  1. ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีความรู้ความสามารถ และไม่สับสนผลประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ส่วนรวม
  2. ผู้ออกนโยบายที่เชี่ยวชาญ มีความกล้าตัดสินใจ และกล้ารับผิดชอบในการตัดสินใจนั้น 
  3. เจ้าหน้าที่ภาครัฐที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล 
  4. นักวิชาการที่มีความเข้าใจในสหสาขาวิชา มองสถานการณ์ด้วยศาสตร์หลายศาสตร์ และกล้าส่งเสียง
  5. ภาคเอกชน ที่มีความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
  6. ภาคประชาสังคม รักษาผลประโยชน์ของประชาชน
  7. สื่อมวลชนเข้มแข็ง นำเสนอข่าวคุณภาพ และไม่ “หิวแสง”
แชร์
ไทยไปไหนดี เมื่อโลกแยกก๊ก อาจารย์ปิติชี้ 6 ปัญหา 6 ทางแก้ เศรษฐกิจไทย