Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
นักวิจัยชี้สหรัฐฯ จะผิดหวังที่ขายอาวุธให้กัมพูชา ผลักจีน-แก้สแกมไม่ขาด
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

นักวิจัยชี้สหรัฐฯ จะผิดหวังที่ขายอาวุธให้กัมพูชา ผลักจีน-แก้สแกมไม่ขาด

17 พ.ย. 68
11:16 น.
แชร์

จุดเริ่มต้นข้อแลกเปลี่ยนสหรัฐฯ-กัมพูชา

รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ยกเลิกการห้ามขายอาวุธยุทโธปกรณ์และบริการด้านกลาโหมให้กับกัมพูชาเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา กลายเป็นว่าสหรัฐฯ จะขายอาวุธให้กัมพูชาได้แล้วอย่างเป็นอิสระ เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดีทรัมป์ ต้องการปรับปรุงความสัมพันธ์กับพนมเปญ และส่งเสริมความร่วมมือด้านกลาโหมกับกัมพูชาอีกครั้ง หลังจากที่ความสัมพันธ์ถดถอยลงในสมัยรัฐบาลโจ ไบเดน

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ถูกมองว่าเป็นกลยุทธ์ในการ "รุกล้ำ" พื้นที่อิทธิพลของจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยรัฐบาลทรัมป์ให้ความสำคัญกับการจำกัดขอบเขตของจีนมากกว่าประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนและธรรมาภิบาล ขณะที่กัมพูชามีแรงจูงใจที่จะกระจายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและกลาโหมกับมหาอำนาจอื่น ๆ นอกเหนือจากจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกัมพูชากำลังประสบปัญหาในการดึงดูดการลงทุนและนักท่องเที่ยวจีนเพราะปัญหาสแกมเมอร์ รวมถึงปัญหาความขัดแย้งด้านชายแดนกับไทยด้วย

ฐานทัพเรียม จุดแทงใจสหรัฐฯ

คำสั่งห้ามขายอาวุธนี้ถูกกำหนดขึ้นในปี 2021 ในช่วงรัฐบาลของโจ ไบเดน โดยรัฐบาลสหรัฐฯ อ้างถึงความสัมพันธ์ทางทหารที่เพิ่มขึ้นของกัมพูชากับจีน เพราะขณะนั้น จีนให้ทุนสนับสนุนโครงการขยายฐานทัพเรือเรียม (Ream Naval Base) ในกัมพูชา รวมถึงความกังวลด้านสิทธิมนุษยชน

ฐานทัพเรียมเป็นจุดสนใจของความกังวลของรัฐบาลวอชิงตันเกี่ยวกับการปรากฏตัวของจีนในภูมิภาคนี้ ในปี 2019 มีรายงานเกี่ยวกับร่างข้อตกลงการเช่า 30 ปีเพื่อให้สามารถประจำการบุคลากรทางทหารของจีน การจัดเก็บอาวุธ และการเข้าถึงเรือรบที่ฐานทัพกัมพูชา มีรายงานว่า จีนได้ให้ทุนสนับสนุนการยกระดับฐานทัพเรียมตั้งแต่ปี 2022 รวมถึงท่าเรือน้ำลึกยาว 300 เมตร อู่แห้งขนาด 5,000 ตัน ทางลาดเรือขนาด 1,000 ตัน และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการขนส่งและฝึกอบรม

กระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวว่า ปักกิ่งช่วยให้ทุนสนับสนุนการปรับปรุงท่าเรือ แต่การยกระดับไม่ได้มุ่งเป้าไปที่บุคคลที่สามใด ๆ แต่สหรัฐฯ และพันธมิตรได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้ฐานทัพเรียมของปักกิ่ง โดยมักจะอธิบายว่า เป็นฐานทัพเรือต่างประเทศแห่งที่สองของจีน รองจากฐานทัพของกองทัพปลดปล่อยประชาชนในจิบูตี วอชิงตันเกรงว่าฐานทัพนี้จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงทะเลจีนใต้และช่องแคบมะละกาของกองทัพเรือจีน

ฐานทัพเรียมเปิดทำการอีกครั้งในเดือนเมษายนหลังจากการยกระดับ และมีเรือรบจากญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เวียดนาม รัสเซีย สหรัฐฯ และจีน ได้เข้าเทียบท่าที่นั่น เรือ USS Savannah ยังได้เยี่ยมชมท่าเรือสีหนุวิลล์ที่อยู่ใกล้เคียงเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2024 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเยือนกัมพูชาครั้งแรกของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในรอบ 8 ปี

นักวิจัยชี้ทรัมป์ทำเพื่อผลักจีนออกจากอาเซียน

การยกเลิกคำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการเยือนมาเลเซียของทรัมป์เมื่อเดือนที่แล้วเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ซึ่งเขาได้พบกับผู้นำหลายท่านจากภูมิภาค 

ตามรายงานของคณะผู้แทนสหรัฐฯ ประจำสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทรัมป์และนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม ได้เป็นเจ้าภาพต้อนรับฮุน มาเนต และนายกรัฐมนตรีไทย อนุทิน ชาญวีรกูล เพื่อลงนามในข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นเวทีนอกรอบการประชุมสุดยอดในกรุงกัวลาลัมเปอร์

ผลการประชุมก็คือ สหรัฐฯ ตกลงที่จะยกเลิกคำสั่งห้ามขายอาวุธต่อกัมพูชาและกลับมาจัดให้มีการฝึกซ้อมด้านกลาโหมทวิภาคี Angkor Sentinel อีกครั้ง ซึ่งจัดขึ้นครั้งล่าสุดในปี 2017 

ไลซ์ลอตต์ ออดการ์ด นักวิจัยอาวุโสของสถาบัน Hudson Institute ในกรุงวอชิงตัน กล่าวว่า การที่วอชิงตันยกเลิกคำสั่งห้ามขายอาวุธเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่กว้างขึ้นของสหรัฐฯ ในการ "รุกล้ำ" พื้นที่อิทธิพลของจีน 

นักวิจัยกล่าวว่า "นโยบายอาเซียนของไบเดนมุ่งเน้นไปที่บรรทัดฐานประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และการจำกัดการถ่ายโอนอาวุธไปยังระบอบการปกครองที่มีแนวโน้มเป็นเผด็จการ ในทางตรงกันข้าม รัฐบาลทรัมป์เน้นการทำข้อแลกเปลี่ยนกับประเทศอาเซียน เช่น การค้าอาวุธให้ รวมถึงการเริ่มต้นฝึกซ้อม Angkor Sentinel อีกครั้งหลังจากผ่านไป 8 ปี เพราะให้ความสำคัญกับการจำกัดขอบเขตของจีนมากกว่าประเด็นด้านธรรมาภิบาล ”

ออดการ์ด กล่าวว่า ในระยะสั้นความร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างสหรัฐฯ-กัมพูชามีแนวโน้มที่จะขยายตัว "อย่างพอประมาณ" โดยการกลับมาของการฝึกซ้อม Angkor Sentinel จะมุ่งเน้นไปที่การรักษาสันติภาพ การบรรเทาภัยพิบัติ และการต่อต้านการก่อการร้าย และการมีส่วนร่วม "เชิงสัญลักษณ์" กับการเยือนฐานทัพเรือเรียมของกองทัพเรือสหรัฐฯ

นักวิเคราะห์ลั่น ทรัมป์ต้องผิดหวังกับกัมพูชา

เกร็กโกรี โพลิง นักวิจัยอาวุโสและผู้อำนวยการโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโครงการริเริ่มความโปร่งใสทางทะเลแห่งเอเชีย จาก Center for Strategic and International Studies (CSIS) ซึ่งตั้งอยู่ในวอชิงตันกล่าวว่า ทรัมป์กำลังทดสอบว่าเขาสามารถใช้ประโยชน์จากกัมพูชา ให้ห่างจากการโน้มเอียงเข้าหาจีนได้หรือไม่ แต่นี่เป็นเรื่องที่เปราะบางและมีหลายประเด็นที่อาจทำให้รัฐบาลวอชิงตันต้องผิดหวัง

ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนเมื่อเดือนที่แล้ว ทรัมป์และฮุน มาเนต ยังตกลงที่จะขยายความร่วมมือในการต่อสู้กับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงผู้ค้ายาเสพติดและศูนย์หลอกลวงออนไลน์ ซึ่งดูดเงินชาวอเมริกันไปแล้วกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ตามรายงานของคณะผู้แทนสหรัฐฯ ประจำอาเซียน

อย่างไรก็ตาม โพลิงคาดการณ์ว่า กัมพูชาอาจไม่เพียงแต่ไม่สามารถดำเนินการตามแผนปราบปรามศูนย์หลอกลวงได้เท่านั้น แต่ยังปฏิเสธที่จะให้สหรัฐฯ เข้าถึงฐานทัพเรียมได้ในระดับเดียวกับที่จีนได้รับด้วย เขากล่าวเพิ่มเติมว่า "ข่าวดีสำหรับกัมพูชาคือรัฐบาลทรัมป์ไม่สนใจเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนของระบอบการปกครอง"

เคอิ โคกะ รองศาสตราจารย์ด้านนโยบายสาธารณะและกิจการโลกที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางของสิงคโปร์กล่าวว่า ความสัมพันธ์โดยรวมระหว่างสหรัฐฯ-กัมพูชา "ดีขึ้น" สอดคล้องกับเบนจามิน บาร์ตัน รองศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัยนอตทิงแฮม มาเลเซีย กล่าวว่า การยกเลิกคำสั่งห้ามขายอาวุธทำให้สหรัฐฯ มีที่นั่งในวงเจรจาในแง่ของความสามารถในการมีส่วนร่วมกับพนมเปญ"

อย่างไรก็ตาม เบนจามินยังกล่าวอีกว่า เป็นการ "เพ้อฝัน" ที่จะสันนิษฐานว่าความสัมพันธ์ที่อบอุ่นขึ้นระหว่างสหรัฐฯ-กัมพูชาจะทำลายอิทธิพลของจีนในประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ได้ เมื่ออดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน เซน พึ่งพาการลงทุนของจีนและการสนับสนุนทางการทูตโดยรวมอย่างมากเพื่อนำทางท่ามกลางสถานการณ์ที่ผันผวนพอสมควร


แชร์
นักวิจัยชี้สหรัฐฯ จะผิดหวังที่ขายอาวุธให้กัมพูชา ผลักจีน-แก้สแกมไม่ขาด