เข้าสู่สัดาห์ที่สองแล้ว ที่ชาวฟิลิปปินส์ทั้งในกรุงมะนิลาและพื้นที่อื่น ๆ ได้ออกมาเดินขบวนประท้วงต่อต้านรัฐบาล เนื่องจากไม่พอใจที่ฟิลิปปินส์ยังคงเผชิญปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก แม้โครงการยักษ์ด้านการจัดการน้ำท่วมจะใช้เงินภาษีของประชาชนไปแล้วหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จนประชาชนเชื่อกันว่าเป็น ‘โครงการทิพย์’ ที่ไม่ได้ดำเนินการจริง และเงินส่วนใหญ่เข้ากระเป๋านักการเมืองมากกว่า
แม้จะเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่มีมวลชนร่วมแสดงออกจำนวนมาก แต่ก็เป็นไปอย่างสงบ จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (21 กันยายน 68) เกิดเหตุปะทะระหว่างประชาชนและตำรวจ เจ้าหน้าที่ได้ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มคนหนุ่มสาวจำนวนมาก หลังจากที่พวกเขาก่อจลาจลขว้างปาหินและทุบกระจกหน้าสถานีตำรวจแห่งหนึ่ง โดยใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าตนเองด้วย
โฆษกกรมตำรวจฟิลิปปินส์ พันตรี เฮเซล อาซิโล รายงานว่า ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 72 ราย รวมทั้งเยาวชน 20 ราย ในขณะที่เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 39 นาย และรถพ่วงที่ใช้เป็นสิ่งกีดขวางก็ถูกจุดไฟเผา แต่เบื้องต้นกรมตำรวจเผยว่า ยังไม่ชัดเจนว่าผู้ที่ถูกจับกุมเป็น "ผู้ประท้วงหรือเป็นเพียงคนที่ก่อความวุ่นวาย" ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำ
ชนวนเหตุสำคัญที่ทำให้ชาวฟิลิปปินส์โกรธแค้นและออกมาเดินขบวนแสดงความไม่พอใจเกิดขึ้นหลังจากที่การเปิดโปงว่าโครงการป้องกันน้ำท่วมหลายโครงการที่รัฐบาลอนุมัติและเบิกจ่ายงบประมาณไปแล้วนั้น เป็นเพียงโครงการปลอม ซึ่งชาวฟิลิปปินส์เรียกกันว่าเป็น “โครงการผี” เนื่องจากเป็นโครงการที่ไม่มีอยู่จริง แต่มีการออกใบแจ้งหนี้เพื่อเบิกจ่ายเงินอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ยังรวมถึงโครงการที่สร้างไม่เสร็จสมบูรณ์หรือไม่ได้มาตรฐานตามที่กำหนด
กระทรวงการคลังฟิลิปปินส์ประเมินว่า การทุจริตในโครงการนี้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจระหว่างปี 2023 - 2025 รวมแล้วเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 118,500 ล้านเปโซ เทียบเท่ากับประมาณ 2,075 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (63,000 ล้านบาท) ทั้งนี้ การทุจริตดังกล่าวทำให้รัฐบาลฟิลิปปินส์สูญเสียงบประมาณไปกับโครงการนี้ถึง 70% ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ และทำให้ประชาชนรู้สึกว่าเงินภาษีของพวกเขาถูกนำไปใช้อย่างสิ้นเปลือง
ความสนใจส่วนใหญ่มุ่งไปที่คู่รักเศรษฐีคู่หนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างหลายแห่ง และชนะการประมูลโครงการป้องกันน้ำท่วมมูลค่ามหาศาล พวกเขาคือ Pacifico และ Sarah Discaya ทั้งคู่เติบโตในครอบครัวที่ยากจน แต่ปัจจุบันกลายเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียงโด่งดังบนโซเชียลมีเดีย และออกรายการสร้างแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจและพลิกชีวิตตัวเอง
ภาพบนโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นคู่รักคู่นี้กำลังอวดรถหรูสามสิบคันของพวกเขา ซึ่งรวมถึง Mercedes Benz Maybach, Lincoln Navigator และ Porsche Cayenne พวกเขาซื้อรถบางรุ่นมาสองสี คือสีดำและสีขาว
ปัจจุบัน บริษัททั้งหมดอยู่ภายใต้การตรวจสอบ และธนาคารกลางได้อายัดทรัพย์สินไว้แล้ว ในการพิจารณาคดีที่สภาเมื่อเร็ว ๆ นี้ พวกเขายอมรับว่า ได้จ่ายสินบนให้กับสมาชิกรัฐสภา แต่โบ้ยว่าเป็นการทำตามคำสั่งและอำนาจของนักการเมืองหลายคน พวกเขาได้กล่าวหาสมาชิกรัฐสภาเกือบ 30 รายและเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและทางหลวง (DPWH) ว่า รับสินบนเป็นเงินสดเพื่ออนุมัติโครงการเหล่านี้
ความไม่พอใจของประชาชนเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ กล่าวถึงเรื่องอื้อฉาวนี้ในการแถลงนโยบายประจำปีของประเทศเมื่อเดือนกรกฎาคม อย่างตรงไปตรงมา เขายอมรับว่ามีการทุจริตในโครงการป้องกันน้ำท่วม โดยกล่าวว่า "เราไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ประชาชนรู้ดีว่าโครงการเหล่านี้เต็มไปด้วยความผิดปกติ"
ประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์ ยังสั่งการให้กระทรวงโยธาธิการและทางหลวง (DPWH) จัดทำรายการโครงการป้องกันน้ำท่วมทั้งหมดในช่วงสามปีที่ผ่านมา และจะเปิดเผยต่อสาธารณชน เขายังให้คำมั่นว่าผู้ที่กระทำผิดจะถูกดำเนินคดีและจะไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย รวมถึงประกาศระงับการประมูลโครงการป้องกันน้ำท่วมใหม่ จนกว่าจะมีการตรวจสอบและทบทวนอย่างถี่ถ้วน
การที่ประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์ เปิดเผยเรื่องอื้อฉาวนี้ด้วยตนเองในการแถลงนโยบายประจำปี ได้รับการยกย่องจากหลายฝ่ายว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรื่องนี้ถูกนำมาพูดถึงในวงกว้าง และนำไปสู่การสอบสวนอย่างจริงจังในภายหลัง
จากกระแสการต่อต้านรัฐบาลไร้ความโปร่งใส่ในหลาย ๆ ประเทศ ภายใต้ความเคลื่อนไหวบนโลกออนไลน์อย่าง #NepoBaby ที่เริ่มต้นจากความไม่พอใจของเยาวชนในอินโดนีเซีย ได้ออกมาประท้วงรุนแรง หลังจากรัฐบาลประกาศขึ้นเงินเดือนและค่าตอบแทนพิเศษให้กับบรรดานักการเมือง ขณะที่ประชาชนยังเผชิญปัญหาปากท้อง สู่การประท้วงครั้งใหญ่ในเนปาล ที่เยาวชนนำภาพความหรูหราของลูกหลานนักการเมืองออกมาแฉ จนทำให้รัฐบาลชุดเก่าล่มสลาย และเหตุประท้วงบานปลายไปทั่วประเทศ
และถึงคราวของฟิลิปปินส์ในครั้งนี้ ก็มีการเคลื่อนไหวบนโลกออกไลน์ในลักษณะเดียวกัน ชาวฟิลิปปินส์ที่ไม่พอใจได้นำวิดีโอ AI มาตัดต่อกันเป็นรูปสมาชิกรัฐสภาเป็นจระเข้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความโลภ ความโกรธแค้นส่วนใหญ่ยังมุ่งเป้าไปที่ลูกหลานนักการเมืองเช่นกัน รวมถึงครอบครัวผู้รับเหมาที่ถูกสงสัยว่ามีเอี่ยวทุจริต
ประธานสภาผู้แทนราษฎรชาวฟิลิปปินส์ผู้ถูกกล่าวหาได้ประกาศลาออกแล้ว แม้ว่าเขาจะปฏิเสธข้อกล่าวหาใดๆ ก็ตาม และหัวหน้าวุฒิสภาถูกปลดออกจากตำแหน่งหลังจากพบว่า ผู้รับเหมาที่ชนะการประมูลงานของรัฐบาลบริจาคเงินให้กับแคมเปญหาเสียงปี 2022 ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย
ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตชาวฟิลิปปินส์ยังโจมตีบุตรหลานของนักการเมืองและผู้รับเหมาที่ถูกสงสัยว่าใช้งบประมาณในทางที่ผิด หลายคนเป็นหญิงสาวที่ใช้ชีวิตหรูหรามีสไตล์บนโซเชียลมีเดีย พวกเขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าควรขอบคุณผู้เสียภาษีที่สนับสนุนการใช้จ่ายและการท่องเที่ยว บุคคลเหล่านี้บางคนได้ปิดการแสดงความคิดเห็นในบัญชีของตน หรือปิดใช้งานบัญชีทั้งหมด
ความโกรธแค้นจากโลกออนไลน์ได้ลุกลามมายังโลกออฟไลน์ เมื่อวิศวกรของกรมโยธาธิการ ถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนการทุจริต ได้รับอนุญาตให้งดสวมเครื่องแบบมาทำงานชั่วคราว หลังจากมีรายงานว่าพวกเขาถูกก่อกวนและคุกคามในที่สาธารณะ และในที่สุดการประท้วงก็ลุมลามบานปลายจนมีเหตุจลาจล และทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บและถูกจับกุม