กระแส NepoKids ชนวนประท้วงในเนปาล แฉลูกนักการเมืองติดหรูด้วยเงินทุจริต
ภาพอาคารรัฐสภาของเนปาลที่ถูกเผาไหม้ ควันโขมงลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ท่ามกลางกลุ่มผู้ประท้วงที่เห็นได้ชัดว่าเป็นคนรุ่นใหม่วัย Gen Z ดึงความสนใจจากคนทั่วโลกว่าขณะนี้ เกิดอะไรขึ้นในเนปาล? กระแสประท้วงของเยาวชนชาวเนปาล ทำให้นายราเมช เลคฮัค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเนปาล ต้องยื่นหนังสือลาออกตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา (8 สิงหาคม 2568) และล่าสุด นายกรัฐมนตรีเนปาล เค.พี. ชาร์มา โอลี ประกาศลาออกจากตำแหน่งแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากประชาชนแสดงความไม่พอใจต่อเหตุการณ์ที่ตำรวจเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงอย่างรุนแรง เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 22 ราย และบาดเจ็บเพิ่มเป็นอย่างน้อย 200 คน ผู้บาดเจ็บจำนวนมากถูกนำส่งโรงพยาบาลท้องถิ่นซึ่งมีฝูงชนมารวมตัวกัน BBC Nepali ได้พูดคุยกับแพทย์ผู้รักษาพยาบาล ซึ่งเปิดเผยว่า บาดแผลที่พบส่วนใหญ่เกิดจากกระสุนปืนและกระสุนยาง
นอกจากอาคารรัฐสภาจะถูกทำลายด้วยความโกรธแค้นแล้ว อาคารรัฐบาลอื่น ๆ รวมถึงบ้านเรือนของผู้นำทางการเมืองถูกโจมตีทั่วประเทศ ทั้งนี้ ในช่วงแรกของการประท้วง เริ่มต้นขึ้นจากกระแสต่อต้าน ‘กฎหมายการแบนโซเชียลมีเดีย ที่รัฐบาลประกาศจะบล็อกแพลตฟอร์ม 26 แอปพลิเคชัน ซึ่งรวมถึง Facebook และ YouTube
เยาวชนส่วนมองว่าช่องทางสื่อสารบนออนไลน์เป็นการพูดคุยกันอย่างอิสระ และกฎที่อออกมานี้ ไม่ได้เป็นความห่วงใยต่อเยาวชนในประเทศ แต่ต้องการปิดปากประชาชนที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์ความไม่โปร่งใสของรัฐบาล แต่คำสั่งแบนดังกล่าว จะสร้างความโกรธแค้นให้กับเยาวชนชาวเนปาลได้มากขนาดนี้เลยหรือ?
นักวิเคราะห์และสื่อต่างประเทศมองว่า แท้จริงแล้วยังมีกระแสในโลกออนไลน์อย่าง ‘Nepo Kids’ ที่เป็นพลังขับเคลื่อนให้เด็ก ๆ ชาวเนปาลรู้สึกถึง ‘ความเหลื่อมล้ำ’ ในสังคม ชี้ให้เห็นว่าเบื้องหลังการประท้วงยังเป็นเรื่องปากท้องและการคอร์รัปชันในประเทศเป็นหลัก ไม่ใช่แค่เรื่องการแบนโซเชียลมีเดียที่เป็นสารตั้งตนของการเคลื่อนไหวในครั้งนี้
NepoKids คืออะไร? เกี่ยวข้องอย่างไรกับการประท้วง?
การประท้วงขยายวงกว้างและกลายเป็นความรุนแรงมากขึ้น ด้วยกระแส #NepoKids และ #NepoBaby ขึ้นเป็นแฮชแท็กอันดับหนึ่งในเนปาล Spotlight ชวนทำความรู้จักไวรอลที่จุดประกายให้เด็ก ๆ ชาวเนปาลลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวทั้งโลกออนไลน์และบนท้องถนน
คำศัพท์ทั้งสองคำนี้ได้รับความนิยมในโซเชียลมีเดียในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากมีวิดีโอจำนวนมากที่แสดงให้เห็นวิถีชีวิตที่หรูหราของนักการเมืองและครอบครัวของพวกเขาแพร่ระบาดในเนปาล ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียมองว่า ลูกหลานนักการเมืองเหล่านี้ ประสบความสำเร็จและหรูหราโดยไม่ต้องพยายามใด ๆ และใช้ชีวิตด้วยเงินของรัฐ ในขณะที่ชาวเนปาลทั่วไปต้องดิ้นรน เพราะการเมืองของประเทศเต็มไปด้วยการคอร์รัปชัน
วิดีโอไวรัลบน TikTok และ Instagram ได้เปรียบเทียบวิถีชีวิตที่หรูหราของครอบครัวนักการเมือง ซึ่งรวมไปถึงเสื้อผ้าดีไซเนอร์ การเดินทางไปต่างประเทศ และรถยนต์หรูหรา กับความเป็นจริงอันเลวร้ายที่คนหนุ่มสาวต้องเผชิญ เช่น การว่างงานและการบังคับอพยพ
สโลแกนเหล่านี้ เป็นช่องทางระบายความอัดอั้นอันท่วมท้นของชาวเนปาล ที่รู้สึกว่าประเทศบ้านเกิดของพวกเขาเกิดความไม่เท่าเทียม เนื่องจากผู้ประท้วงเปรียบเทียบชีวิตของชนชั้นสูงกับชีวิตของพลเมืองทั่วไป
เนปาลจะไปต่ออย่างไร? เมื่อกองทัพเริ่มออกมามีบทบาท
พลเอกอโศก ราช ซิกเดล ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเนปาล ออกแถลงการณ์กล่าวหาผู้ประท้วงว่าใช้ประโยชน์จากวิกฤตในปัจจุบัน โดยทำลาย ปล้นสะดม และเผาทรัพย์สินสาธารณะและส่วนบุคคล แถลงการณ์ระบุว่า หากความไม่สงบยังคงดำเนินต่อไป “สถาบันความมั่นคงทั้งหมด รวมถึงกองทัพเนปาล มุ่งมั่นที่จะควบคุมสถานการณ์”
ในเวลาเดียวกัน พลเอก อโศก ราช ซิกเดล ได้เชิญชวนผู้ประท้วงให้เข้าร่วมการเจรจาเพื่อหาทางแก้ไขความไม่สงบครั้งเลวร้ายที่สุดในเนปาลในรอบหลายทศวรรษ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าใครเป็นผู้นำประเทศในเวลานี้
แถลงการณ์ของกองทัพไม่ได้ชี้แจงว่าจะดำเนินการอย่างไร หรือจะใช้กำลังเพื่อควบคุมผู้ประท้วงหรือไม่ แต่กองทัพได้สั่งตรึงกำลังพลบนท้องถนน โดยอ้างว่ากองทัพต้องการเข้ามาควบคุม "ผู้ที่พยายามฉวยโอกาสจากสถานการณ์เลวร้ายในประเทศ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล้นสะดม วางเพลิง และทำลายทรัพย์สิน"
แต่เนื่องจากการประท้วงดังกล่าวไม่ได้มีแกนนำเยาวชนอยู่เบื้องหลัง แต่แท้จริงแล้วเริ่มต้นจากการตอบโต้การเรียกร้องผ่านโซเชียลมีเดีย จึงยังไม่ชัดเจนว่าใครจะเป็นตัวแทนผู้ประท้วงหากพวกเขาเจรจากับกองทัพ ทั้งนี้ บุคคลทางการเมืองคนหนึ่งที่สนับสนุนการประท้วงอย่างเปิดเผยคือนายกเทศมนตรีกรุงกาฐมาณฑุ บาเลน ชาห์ เขาได้ร้องขอผ่านบัญชีโซเชียลให้ทางภาคประชาชนและกองทัพพยายามยับยั้งชั่งใจที่จะไม่ทำรุนแรงต่อกัน
