เหตุประท้วงรัฐบาลในอินโดนีเซียลุกลามจนกลายเป็นเหตุจลาจล เกิดการปะทะรุนแรงระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงและกองกำลังตำรวจ ล่าสุด มีรายงานผู้เสียชีวิตทั้งหมด 6 ราย นับตั้งแต่ประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ประกาศเพิ่มสิทธิทางการเงินให้กับนักการเมืองอินโดนีเซียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ประชาชนรู้สึกไม่พอใจ เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้ แต่กลับได้รับสิทธิประโยชน์ทางการเงินในเวลาที่ไม่เหมาะสม
ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ทำให้ประธานาธิบดีอินโดนีเซียตัดสินใจยกเลิกการเดินทางไปเยือนประเทศจีน เพื่อเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปี สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือ "วันแห่งชัยชนะ" ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 3 กันยายนนี้ ล่าสุด ยังมีคำสั่งยกเลิกนโยบายเพิ่มสิทธิทางการเงินในกับนักการเมืองแล้ว แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ความรุนแรงจะเกินควบคุมและยังไม่คลี่คลายลง
นายสจาฟรี สจามโซเอ็ดดิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซีย ได้ออกมาเตือนเมื่อวันอาทิตย์ว่า กองทัพและตำรวจจะ "ดำเนินการอย่างเด็ดขาด" ต่อ "ผู้ก่อจลาจลและผู้ปล้นสะดม" หลังจากบ้านของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอินโดนีเซีย ศรี มัลยานี อินที่สาตี ถูกปล้นสะดม
ก่อนหน้านี้ในวันเสาร์ (30 สิงหาคม 68) ผู้ประท้วงได้ก่อให้จุดไฟเผาอาคารรัฐสภาประจำภูมิภาคใน 3 จังหวัด ได้แก่ นูซาเต็งการาตะวันตก เมืองเปอกาโลงันในชวาตอนกลาง และเมืองจิเรบอนในชวาตะวันตก สื่อท้องถิ่นอินโดนีเซียรายงานว่าผู้ประท้วงได้ปล้นอุปกรณ์ของสำนักงานรัฐสภาในเมืองชิเรบอน จนให้ตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุมในบางพื้นที่
สื่อท้องถิ่นยังรายงานด้วยว่า มีฝูงชนบุกปล้นบ้านของอาหมัด ซาห์รอนี สมาชิกรัฐสภาจากพรรคการเมือง NasDem ในจาการ์ตา และขโมยข้าวของต่าง ๆ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ในบ้านไปด้วย นักการเมืองคนดังกล่าวถูกกล่าวหาว่าตอบโต้อย่างไม่ใส่ใจต่อผู้คนที่เรียกร้องให้ยุบสภา ท่ามกลางความโกรธแค้นเกี่ยวกับเงินช่วยเหลือของสมาชิกรัฐสภา ซาห์โรนีได้ตราหน้านักวิจารณ์เหล่านี้ว่าเป็น "คนโง่ที่สุดในโลก"
ในตอนแรก การชุมนุมเริ่มต้นขึ้นอย่างสันติ เป็นการเดินขบวนแสดงออกถึงความไม่พอใจและต่อต้านนโยบายดังกล่าว แต่กลับยกระดับความรุนแรงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (28 สิงหาคม 68) มีภาพวิดีโอที่เผยให้เห็น รถหุ้มเกราะของหน่วยตำรวจพลร่ม (Mobile Brigade - Brimob) ขับถอยหลังทับนายอัฟฟาน คุร์เนียวาน คนขับรถส่งของวัย 21 ปี จนเสียชีวิต ซึ่งเขาอยู่ในพื้นที่การประท้วงในกรุงจาการ์ตาเพียงเพราะมาส่งอาหารเท่านั้น
นับตั้งแต่นั้นมา การประท้วงได้ลุกลามจากกรุงจาการ์ตาไปยังเมืองใหญ่อื่น ๆ รวมถึงยอกยาการ์ตา บันดุง เซมารัง และสุราบายาในเกาะชวา และเมืองเมดานในจังหวัดสุมาตราเหนือ นับเป็นเหตุการณ์ความไม่สงบที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ประธานาธิบดีซูเบียนโตเข้ารับตำแหน่ง
นโยบายที่จุดชนวนการประท้วงที่รุนแรงในอินโดนีเซีย คือ สิทธิประโยชน์ทางการเงินสำหรับสมาชิกรัฐสภา (lawmakers) โดยรายงานระบุว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 580 คนจะได้รับเงินช่วยเหลือรายเดือน 50 ล้านรูเปียห์อินโดนีเซีย หรือ ประมาณ 113,000 บาท นอกเหนือจากเงินเดือนปกติ
นโยบายดังกล่าวยังครอบคลุมถึงเงินช่วยเหลือค่าอาหารและน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น โดยเพิ่มเงินค่าอาหารจาก 10 ล้านรูเปียห์ เป็น 12 ล้านรูเปียห์ต่อเดือน (จาก 22,600 บาท เป็น 27,120 บาท) และค่าน้ำมันจาก 5 ล้านรูเปียห์ เป็น 7 ล้านรูเปียห์ต่อเดือน (จาก 9,700 บาทเป็น 15,820 บาท)
นโยบายนี้ถูกมองว่า เกินความจำเป็นและไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาที่ประชาชนส่วนใหญ่กำลังเผชิญกับค่าครองชีพที่แพงขึ้น ภาษีที่เพิ่มขึ้น และอัตราการว่างงานที่สูงขึ้น เงินช่วยเหลือค่าที่พักอาศัยจำนวน 50 ล้านรูเปียห์นั้นเกือบจะสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำของกรุงจาการ์ตาถึง 10 เท่า ซึ่งก่อให้เกิดความไม่พอใจอย่างกว้างขวางและจุดชนวนการประท้วงที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี