เปิดเหตุผลทำไมฮุน เซนขออย่าแบนโคคา-โคลา สร้างงาน-เงินอย่างไรให้กัมพูชา
จากกรณีที่ชาวกัมพูชาประกาศจะบอยคอตต์โคคา-โคลา หลังบริษัทดังกล่าวเลิกสัญญากับวัณณ์ฎา (VannDa) แร็ปเปอร์ดังชาวกัมพูชา แต่กลายเป็นว่าฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาออกมาขอให้วัณณ์ฎาเสียสละเพื่อชาติ และไม่ต้องการให้ชาวกัมพูชาแบนโคคา-โคลา เนื่องจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวผลิตในกัมพูชาเอง โดยชี้ว่า ถ้าต้องการแบนให้ไปผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในไทยแทน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
Spotlight ชวนค้นหาว่า เพราะเหตุใดฮุน เซนจึงไม่สนับสนุนการแบนโคคา-โคลา เพราะมองว่าเป็นการทำร้ายเศรษฐกิจของตนเอง
เพราะโคคา-โคลาลงทุนมหาศาลในกัมพูชา
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2558 บริษัทกัมพูชา เบฟเวอเรจ จำกัด (Coca-Cola Cambodia) หรือที่รู้จักในชื่อ “โคคา-โคลา กัมพูชา” ประกาศการลงทุนก้อนใหญ่ โดนได้เริ่มต้นการก่อสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษกรุงพนมเปญ
สำหรับโรงงานแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 12 เฮกตาร์ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างปี 2558 - 2561 ซึ่งคาดว่า ช่วยเพิ่มจำนวนพนักงานมากกว่าหนึ่งพันคน
ทั้งนี้ รัฐบาลกัมพูชาให้ความสำคัญกับเขตเศรษฐกิจพิเศษพนมเปญนี้มาก โดยรัฐบาลพยายามดึงดูดบริษัทต่างชาติที่ต้องการย้ายฐานการผลิตเข้ามาลงทุน เพื่อหวังสร้างรายได้และสร้างตำแหน่งงาน ในความพยายามลดการพึ่งพารัฐฐาลจีน
ปัจจุบัน เขตเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าวมีผู้เช่ามากกว่า 90 รายจาก 15 ประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ 3.57 ตารางกิโลเมตร ถือเป็นหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำของกัมพูชา
บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐฯ เข้าซื้อโคคา-โคลากัมพูชา
หลังจากนั้นในปี พ.ศ.2565 บริษัท สไวร์ โคคา-โคลา จำกัด (Swire Coca-Cola Limited) ซึ่งเป็นบริษัทคู่ค้าของโคคา โคลา มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐฯ ประกาศความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการบริษัทบริษัทกัมพูชา เบฟเวอเรจ จำกัด และเริ่มต้นดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ในกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา
ดังนั้นบริษัทโคคา-โคลากัมพูชาในเวลานี้ จึงเป็นของต่างชาติ โดยบริษัทสไวร์นั้นดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มบรรจุขวดทั้งในสหรัฐฯ จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การลงทุนในโคคาโคลากัมพูชา นับเป็นการลงทุนครั้งแรกของสไวร์ โคคา-โคลาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นการขยายเครือข่ายธุรกิจไปยังภูมิภาคใหม่ และซื้อกิจการครั้งนี้ทำให้บริษัทมีพนักงานใหม่เพิ่มขึ้นราว 900 คน
ในครั้งนั้น นายแพทริค ฮีลีย์ ประธานบริษัท สไวร์ โคคา-โคลา กล่าวว่า การบรรลุข้อตกลงในกัมพูชานับเป็นก้าวสำคัญของสไวร์ โคคา-โคลา ในฐานะการลงทุนครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานใหม่ และมองเห็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ในตลาดเครื่องดื่มกัมพูชา เรามีความมั่นใจอย่างมากต่อศักยภาพการเติบโตของบริษัทในอนาคตในภูมิภาคนี้
โคคา-โคลากัมพูชาจ้างงานกว่า 8,000 ตำแหน่ง
ปัจจุบัน บริษัท กัมพูชา เบฟเวอเรจ จำกัด ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารงานของบริษัทสไวร์ โคคา-โคลา เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์พร้อมดื่ม (NARTD) ชั้นนำของกัมพูชา โดยโรงงานบรรจุขวดที่ทันสมัยของบริษัทเปิดดำเนินการตั้งแต่ปี 2559 ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษพนมเปญ หนึ่งในเขตเศรษฐกิจที่สำคัญของกรุงพนมเปญ
โคคา-โคลา กัมพูชา ผลิตเครื่องดื่ม 14 ชนิด ภายใต้ 8 แบรนด์ ได้แก่ Coca-Cola, Sprite, Fanta, Schweppes, Dasani, Fuze Tea, Aquarius และ Samurai ครอบคลุม 5 หมวดหมู่สินค้า ได้แก่ น้ำอัดลม ชา เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำดื่ม และเกลือแร่ ซึ่งกระจายสู่ลูกค้าทั่วราชอาณาจักร
โคคา-โคลา กัมพูชา มีพนักงานโดยตรงกว่า 830 คน และสร้างการจ้างงานทางอ้อมมากกว่า 8,000 ตำแหน่ง ทั่วประเทศ ซึ่งกว่า 99.7% ของพนักงานเป็นชาวกัมพูชา โดยมีสัดส่วนพนักงานหญิงมากกว่า 30% และผู้หญิงคิดเป็น 37% ของผู้บริหารระดับสูง
ย้ำว่าผลิตในเขมรเพื่อเขมร
เพจโคคา-โคลากัมพูชาเพิ่งเปลี่ยนปกเฟซบุ๊กใหม่ เป็นภาพผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของบริษัท ภาพโรงงาน ภาพพนักงานที่เป็นชาวกัมพูชาและรถขนสินค้า พร้อมทั้งมีรูปของฮุน เซนด้วย โดยรูปภาพดังกล่าวมีแคปชันว่า ผลิตอย่างภาคภูมิใจในกัมพูชาโดยเขมรเพื่อเขมร คล้ายต้องการยืนยันว่า สินค้าของทางบริษัทผลิตในประเทศกัมพูชาจริง ๆ
นอกจากนี้ Spotlight ยังพบว่า เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ในเพจเฟซบุ๊กของทางบริษัทได้โพสต์รูปภาพและข้อความที่สนับสนุนน้ำดื่มจำนวนมากให้กับครอบครัวชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยจำนวน 56 แห่งด้วย
