จากกรณีนายซอย โสเพียบ ผู้อำนวยการและเจ้าของ DAP Media Center ของกัมพูชา โพสต์ภาพต้อนรับนายไมเคิล อัลฟาโร โดยอ้างเป็น ‘ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบขาว’ หลังจากนั้นนายอัลฟาโร ยังได้ไลฟ์สดกลางดึกที่ช่องอานม้า ทำทีเป็นรายงานข่าวสด โจมตีประเทศไทยว่าทำรั้วลวดหนามกั้นไม่ให้ชาวกัมพูชากลับเข้าบ้านพักอาศัย และรายงานข่าวปลอมอื่น ๆ เป็นเวลาเกือบ 10 นาทีเต็ม
ล่าสุด นางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โพสต์ข้อความผ่าน X ถึงกรณีดังกล่าว ยืนยันว่าจากแหล่งข่าวระดับสูงว่านายอัลฟาโร "ไม่ใช่ผู้ประกาศทางการของทำเนียบขาว และไม่สามารถยืนยันได้ว่าเขาอยู่กับองค์กรข่าวใด" และจากการสืบค้นและสอบถามข้อมูล ข่าวที่นาย Michael รายงาน ไม่สามารถฟังได้ว่าเป็นข้อเท็จจริง แต่เป็นเพียงความคิดเห็นของบุคคลเพียงบุคคลหนึ่งเท่านั้นประกอบกับทางโฆษก ทบ.ได้เคยแถลงประณามกัมพูชาที่ออกข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงว่า ไทยเตรียมโจมตีกัมพูชาอีกครั้ง จนทางการกัมพูชา ต้องอพยพประชาชนไป จ. อุดรมีชัย เมื่อ 2 วันก่อน
ความเคลื่อนไหวในเช้านี้เกิดขึ้นในขณะที่เพจเฟสบุ๊กและช่องทางโซเชียลมีเดียของนายอัลฟาโรบล็อก IP ของคนไทยไม่ให้เข้าไปรับชมเนื้อหาและคอมเมนต์ในช่องทางดังกล่าวได้ และเมื่อคืนนี้ (15 สิงหาคม 68) หลายเพจข่าวของไทยได้รายงานประวัติของเขา พบว่าทำอาชีพล็อบบี้ยิสต์ และเป็นเจ้าของบริษัท PR ที่มีชื่อว่า Capitol Hill & Friends เพื่อสื่อว่าบริษัทมีความเชื่อมโยงกับทำเนียบขาว และเพิ่งก่อตั้งในปีนี้
ในเว็บไซต์บริษัท PR ของเขา ได้เขียนประวัติ ‘ไมเคิล อัลฟาโร’ ในตำแหน่งนักล็อบบี้ยิสต์ระดับรัฐบาลกลางและที่ปรึกษาการเงินการเมือง และบรรยายประวัติไว้ว่า ไมเคิล อัลฟาโร เป็นทหารผ่านศึกของหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯ เขาระดมทุนได้หลายล้านดอลลาร์สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดี วุฒิสมาชิก และสมาชิกรัฐสภา อัลฟาโรสำเร็จการศึกษาด้านธุรกิจจาก Harvard Kennedy School of Leadership for 21st Century
ในเว็บไซต์อ้างถึงผลงานระดมทุนช่วยเหตุเขื่อนถล่มในลาว และอ้างว่าเขาทำงานอย่างใกล้ชิดกับองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) และสถานทูตสหรัฐฯ ทั่วโลก และได้ล็อบบี้รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เพื่อขอชดเชยค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้กับพลเมืองอเมริกัน ผู้ถือบัตรกรีนการ์ด และพันธมิตรที่หลบหนีออกจากอัฟกานิสถานในปี 2021
นอกจากนี้ ในบทความแนะนำตัว อัลฟาโรใช้เวลาสองปีที่ผ่านมาในการทำงานเพื่อพัฒนาความโปร่งใสของรัฐบาลในเวียดนาม และสร้างความรับผิดชอบต่อผู้ใจบุญและนักลงทุนชาวอเมริกัน ดังนั้นจากประวัติของเขาจึงเห็นได้ว่า เขาทำมาหากินระหว่างสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเฉพาะลาว เวียดนาม กัมพูชาและประเทศไทย
ขณะที่ในบัญชีอินสตาแกรมของเขา @themichaelalfaroshow ตอกย้ำว่า เขาพยายามสร้างโปรไฟล์ที่แสดงความใกล้ชิดกับโดนัลด์ ทรัมป์ และหลายโพสต์ยังชี้ให้เห็นถึงการเดินทางไปหลายประเทศในอาเซียน หนึ่งในโพสต์วิดีโอชี้ให้เห็นว่าเขาเคยเดินทางมาที่พัทยาประเทศไทย ในคลิปวิดีโอดังกล่าวถ่ายจากโรงแรม Hilton Pattaya และบอกว่า City Walk แห่งนี้เป็นเมืองคนบาปอย่างที่ทั่วโลกรู้กัน
เขากล่าวว่า เขากำลังมามาเยี่ยมชมโครงการขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านวิศวกรรมศาสตร์ในประเทศไทย ซึ่งทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์อเมริกา เป็นส่วนหนึ่งของการประชุมหารือด้านการค้าและการผลิต พร้อมกับให้ดูวิวเมืองจากโรงแรม และอ้างว่า นี่เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จและสิ่งดี ๆ ที่เขาได้รับจากการทำงานเป็นที่ปรึกษาทางการเมืองในรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงมาทำงานด้านการค้าและการลงทุนระหว่างสหรัฐฯและอาเซียนด้วย ตบท้ายด้วยการพูดชมเมืองไทยที่สวยงามและพูดไทยว่า “สบายดีครับ”
นอกจากนี้ยังเขียนแคปชั่นระบุว่า สวัสดีจากพัทยา ฉันสนับสนุนให้ทุกคนมาเที่ยวเมืองไทย มันเป็นสถานที่ที่น่ารัก อาหารอร่อย และผู้คนใจดี ซึ่งโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม ปี 2566
สำหรับรายละเอียดการไลฟ์สดเมื่อคืนนี้ Spotlight ได้สรุปประเด็นที่กล่าวถึงในบริเวณช่องอานม้า มีประเด็นอะไรบ้างที่เป็นข่าวเท็จ
อัลฟาโร: เรากำลังถ่ายทอดสดที่นี่ ตรงชายแดนระหว่างกัมพูชาและไทย และนับตั้งแต่มีการบรรลุข้อตกลงสันติภาพเพื่อหยุดยิง ประเทศไทยก็ยังคงดูหมิ่นประธานาธิบดีทรัมป์ด้วยการละเมิดข้อตกลงสันติภาพ ด้วยการสร้างรั้วลวดหนามและรุกล้ำประชาชนที่รักสงบที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ดูสิ ผู้บริสุทธิ์เหล่านี้ เด็กเหล่านี้ (พาไปดูชาวบ้านชาวกัมพูชาในเต็นท์) เด็กเหล่านี้ต้องการสันติภาพ เด็กเหล่านี้สมควรได้รับสันติภาพ กองกำลังไทยบอกว่าคนกัมพูชาเป็นภัยคุกคาม กองกำลังไทยบอกว่าพวกเขารู้สึกว่ากองกำลังไทยทำอย่างนั้น รอจนกว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะเห็นสิ่งนี้
กองทัพไทยเขาสร้างกำแพงนี้ที่นี่ รั้วลวดหนามนั้นสูงขึ้น พร้อมกับปืนที่หันลงมาที่คนหนุ่มสาวที่น่าสงสารเหล่านี้ที่อาศัยอยู่นอกพื้นที่ในกลุ่มกบฏ หลายพันคนต้องพลัดถิ่น บ้านของพวกเขาถูกยึดไป และโรงเรียนของพวกเขา […] สิ่งที่ประเทศไทยกำลังทำอยู่ตอนนี้ไม่ใช่แค่การละเมิดสนธิสัญญาปารีสเท่านั้น แต่ยังเป็นการละเมิดคำเรียกร้องให้หยุดยิงของประธานาธิบดีทรัมป์อีกด้วย
ความเป็นจริง: คำกล่าวอ้างในวิดีโอที่ว่าประเทศไทยดูหมิ่นประธานาธิบดีทรัมป์ด้วยการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงนั้น ไม่มีหลักฐานยืนยัน ไม่มีรายงานสาธารณะหรือเอกสารทางการใดๆ ที่ระบุว่าอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้สั่งการให้มีการหยุดยิงเป็นการเฉพาะเจาะจงในความขัดแย้งชายแดนนี้ ข้อพิพาทนี้ดำเนินไปโดยการเจรจาระดับทวิภาคีและการพิจารณาของศาลระหว่างประเทศ
อัลฟาโร: นับตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกร้องให้หยุดยิง ในวันถัดมาประเทศไทยได้เชิญทหารกัมพูชาให้มาพบพวกเขาที่ชายแดนเพื่อจับมือและถ่ายรูปกับพวกเขา กองกำลังไทยทำอะไร? พวกเขาไปลักพาตัวทหารกัมพูชา 20 นาย และจนถึงวันนี้ในวันที่ 17 พวกเขายังไม่ปล่อยตัวอีก 18 นาย พวกเขาปล่อยเพียง 2 นายเท่านั้น เพราะหนึ่งในนั้นพิการโดยสิ้นเชิง
ความเป็นจริง: ทหารกัมพูชาทั้ง 20 คนละเมิดอธิปไตยในดินแดนไทย กองทัพไทยจึงได้มีการควบคุมตัวทั้ง 20 นาย และดูแลตามหลักมนุษยธรรม มีการปล่อยตัวทหาร 2 นาย นายหนึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะ จนทำให้มีภาวะพิการ ทางการไทยได้ให้การรักษาเบื้องต้นก่อนส่งคืน ส่วนอีกคนได้รับผลกระทบทางจิตใจจากการสู้รบจนมีอาการทางจิต ขณะที่ทหารกัมพูชาที่เหลือจะต้องกักตัวไว้ก่อนเพื่อทำการสอบสวนและหาหลักฐาน เนื่องจากว่ากัมพูชาอ้างว่าทหารไทยลักพาตัวทหารกัมพูชา
อัลฟาโร: ผมกำลังเรียกร้องเพื่อน ๆ ของผมทุกคนในทำเนียบขาว นักข่าวทำเนียบขาว ผมกำลังเรียกร้องวุฒิสมาชิกและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ผมเข้าใจว่าเราทุกคนมุ่งเน้นไปที่รัสเซีย เราทุกคนมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาอย่างสันติที่นั่นในยูเครน เราทุกคนมุ่งเน้นไปที่อิสราเอล แต่ผมกำลังบอกคุณ ผมกำลังบอกคุณ ในฐานะไมเคิล ลาฟาร์โร คุณต้องใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่ชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา เพราะผมไม่รู้ว่าคนกัมพูชาจะสามารถรักษาสันติภาพและมีความยืดหยุ่นได้นานแค่ไหนในขณะที่ประเทศไทยเตะออกไป ผมไม่อยากอยู่ในห้องนั้นเลย ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกร้องความเคารพ เขายืนยันว่าเขาไม่ต้องการสร้างชาติของคุณ
ความเป็นจริง: เขาไม่ได้มีบทบาทใด ๆ ในทำเนียบข่าว ไม่ได้เป็นนักข่าว ผู้ประกาศ หรือตัวแทนจากสหรัฐฯ ช่องทางที่เขาไลฟ์สดเป็นเพียงโซเชียลมีเดียส่วนตัว
อัลฟาโร: เขาต้องการให้ทุกคนรักษาชาติของตนเอง เขาต้องการให้ทุกคนมีอิสรภาพและสันติภาพและความสามัคคีและความเคารพ และสิ่งที่คนไทยกำลังทำอยู่นั้นไม่ถูกต้อง และนายพลคนนี้เขากำลังเมาอำนาจ และสิ่งที่เขาต้องการทำก็แค่แกล้งทำเป็นว่าเขาเป็นกษัตริย์ของประเทศไทย และนั่นไม่ถูกต้องที่จะสังหารชีวิตผู้บริสุทธิ์เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของเขาเอง และผมจะพูดตามตรง พวกเขาต้องรื้อกำแพงนี้ออกไป เพื่อให้เด็ก ๆ ปลอดภัยขึ้น
ความเป็นจริง: แม้อัลฟาโรจะไม่ได้กล่าวชื่อของพลโทบุญสิน พาดกลาง แต่มีการกล่าวถึงนายพลไทยที่ดูแลเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา จึงคาดเดาได้ว่าเขาพูดถึงแม่ทัพภาคที่สองของไทย ซึ่งเป็นบุคคลที่ตระกูลฮุนและรัฐบาลกัมพูชาโจมตีมาตลอด และอาจจะได้รับข้อมูลเพียงด้านเดียวจากคณะสื่อกัมพูชาที่เชิญเขามาลงพื้นที่รายงานสด
อัลฟาโร: คนกัมพูชาต้องทนกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไม่เพียงแค่หนึ่งครั้ง แต่ถึงสองครั้ง มีการสังหารผู้คน 3 ล้านคนและแม้กระทั่งสังหารผู้คน 8,000 คนในภูเขาผีโดยกองกำลังไทย และดังนั้น ผมจึงขอให้เพื่อน ๆ ของผมทุกคน เพื่อน ครอบครัว เฟซบุ๊ก แชร์ข้อความนี้และให้พวกเขารู้ว่าไมเคิล อัลฟาโรไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ และผมรู้ว่าเพื่อน ๆ ของผมทุกคนไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้
ความเป็นจริง: การฆ่าล้างเผ่าพันธ์ครั้งใหญ่มีผู้นำสูงสุดคือ พอล พต ในฐานะเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา (เขมรแดง) ซึ่งมีการกำจัดปัญญาชน ผู้มีความรู้ ข้าราชการ ครู แพทย์ พระสงฆ์ รวมถึงชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์และผู้ที่ถูกสงสัยว่าเป็นศัตรูของเขมรแดง ขณะที่ภูเขาผีหรือ Ghost Mountain ถูกมองว่า เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชาที่รอดชีวิตจากทุ่งสังหาร (Killing Fields) และพยายามลี้ภัยมายังประเทศไทย แต่วกเขาถูกบังคับให้กลับข้ามชายแดนกัมพูชาบริเวณพื้นที่ที่มีทุ่นระเบิดอยู่เต็มไปหมด ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบริเวณใกล้กับปราสาทพระวิหาร
อย่างไรก็ตามในการไลฟ์สดครั้งนี้ นายอัลฟาโรเหมารวมว่ากองทัพไทยเป็นผู้สังหารชาวกัมพูชาในยุคเขมรแดงซึ่งไม่เป็นความจริง
อัลฟาโร: ประเทศไทยต้องการกล่าวหาว่ามีทุ่นระเบิดที่ทหารกัมพูชาเหล่านี้กำลังฝัง นั่นเป็นการโกหก ทุกคนรู้ตั้งแต่ปี 1970 สหรัฐอเมริกาได้ทิ้งเครื่องประดับเหล่านี้ไว้ที่นี่และมันก็อยู่ที่นี่เสมอ [...] และทหารไทยก็เหยียบทุ่นระเบิดและได้รับบาดเจ็บและพวกเขาฆ่าคนของตัวเอง และตอนนี้พวกเขาต้องการหันมาโทษคนกัมพูชา แล้วหลักฐานอยู่ที่ไหน?
ความเป็นจริง: เหตุการณ์ที่ทหารไทยหลายนายเหยียบกับระเบิดหลายครั้ง และได้รับบาดเจ็บกันมาอย่างต่อเนื่อง ทางกองทัพไทยแถลงว่าเส้นทางที่ทหารลาดตระเวนอยู่ในดินแดนของประเทศไทย และเป็นเส้นทางที่ลาดตระเวนเป็นประจำทุกวันแต่ไม่เคยมีกับระเบิดมาก่อน อีกทั้งประเทศไทยรายงานกับนานาชาติอย่างต่อเนื่องว่าได้ถอนกับระเบิดเก่าออกไปทั้งหมดแล้ว พร้อมยืนยันว่ากับระเบิดที่ทหารไทยได้รับผลกระทบจนพิการนั้น เป็นการวางแผนของรัฐบาลกัมพูชาเพื่อยกระดับสถานการณ์ให้ตึงเครียดขึ้นอย่างแน่นอน