สำนักข่าวยอนฮัพรายงานว่า คิม ยอจอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม 68 ย้ำว่า เกาหลีเหนือได้ปฏิเสธข้อเสนอขอปรองดองจากเกาหลีใต้ครั้งล่าสุดเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยระบุว่า ทางการเกาหลีเหนือ ได้ชี้แจงหลายครั้งแล้วว่า เราไม่มีเจตนาที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้ ซึ่งจุดยืนที่แน่วแน่นี้จะถูกบรรจุในรัฐธรรมนูญของเราในอนาคต
เธอยังปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของกองทัพเกาหลีใต้ที่ว่าเกาหลีเหนือได้รื้อถอนลำโพงโฆษณาชวนเชื่อบางส่วนที่ติดตั้งอยู่ตามแนวชายแดน โดยระบุว่า เกาหลีเหนือไม่เคยรื้อถอนลำโพงใด ๆ และไม่มีเจตนาที่จะทำเช่นนั้นด้วย นอกจากนี้ คิมยังเตือนด้วยว่า แผนการปรับเปลี่ยนการซ้อมรบร่วมระหว่างกองทัพเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่สมควรได้รับคำชมเชยและจะพิสูจน์ได้ว่าไร้ประโยชน์
ในแถลงการณ์ คิมยังเปิดโอกาสในการกลับมาเจรจากับวอชิงตันอีกครั้ง โดยกล่าวว่า "หากสหรัฐฯ ยังคงใช้แนวคิดแบบเก่า การพบปะระหว่างผู้นำระดับสูง (ของเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ) จะยังคงเป็นเพียง 'ความหวัง' ของฝ่ายสหรัฐฯ เท่านั้น"
แม้รัฐบาลเกาหลีเหนือจะออกมาแสดงความเมินเฉิน แต่รัฐบาลโซลกลับให้คำมั่นจะฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลีต่อไป โดยกระทรวงรวมชาติเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ระบุว่า รัฐบาลจะมุ่งมั่นสร้างความสัมพันธ์ให้กลับมาเป็นปกติและมั่นคงระหว่างสองประเทศ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย หนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกล่าวว่า โซลอาจจำเป็นต้องใช้แนวทางระยะยาวอย่างไม่หวั่นไหวเพื่อเปลี่ยนความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งระหว่างเกาหลีในช่วงสามปีที่ผ่านมาให้กลายเป็นความสัมพันธ์ที่ดี
ปฏิกิริยาดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่คิม โยจอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ออกแถลงการณ์ปฏิเสธการกระทำของรัฐบาลอี แจมยอง ที่พยายามเอาใจเกาหลีเหนือและกลับมาเจรจาอีกครั้ง โดยเรียกการกระทำดังกล่าวว่าเป็นเพียง "ความฝันลมๆ แล้งๆ"
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการแถลงข่าว พันเอกลี ซองจุน โฆษกของคณะเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ ยืนกรานว่า กองทัพสรุปว่าเกาหลีเหนือได้ถอดลำโพงบริเวณชายแดนออกไปหนึ่งตัว
ทั้งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ต่างใช้ลำโพงเหล่านี้เพื่อ "ทำสงครามจิตวิทยา" กับอีกฝ่าย โดยเนื้อหาจะแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ของแต่ละประเทศ
ลำโพงของเกาหลีใต้
ลำโพงของเกาหลีเหนือ
การที่เกาหลีใต้เริ่มรื้อถอนลำโพงก่อนหน้านี้ สะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะลดความตึงเครียดกับเกาหลีเหนือ แม้ว่าเกาหลีเหนือจะออกมาปฏิเสธการรื้อถอนของตัวเองในเวลาต่อมา แต่ก็แสดงให้เห็นว่าการกระทำของแต่ละฝ่ายล้วนมีความหมายทางการเมืองซ่อนอยู่เบื้องหลัง