11 สิงหาคม 2568 สำนักข่าว Reuters รายงานว่า กองทัพอิสราเอลสังหารนักข่าว Al Jazeera โดยอ้างว่าได้สังหารผู้นำกลุ่มฮามาส ขณะที่นักสิทธิกล่าวว่านักข่าวรายนี้ถูกอิสราเอลหมายหัวมานานแล้ว เพราะการรายงานข่าวจากแนวหน้าของเขา
นักข่าวผู้ถูกสังหารรายดังกล่าวมีชื่อว่า อนัส อัล ชารีฟ (Anas Al Sharif) อายุ 28 ปี เป็นนักข่าวในสังกัดสำนักข่าว Al Jazeera เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกาซาและ Al Jazeera กล่าวว่า อัลชารีฟคือหนึ่งในคนผู้เสียชีวิตจากการโจมตีเต็นท์ใกล้กับโรงพยาบาลชิฟา ทางตะวันออกของกาซา การโจมตีครั้งดังกล่าวยังทำให้มีผู้เสียชีวิตอีก 2 คนนอกจากอัลชารีฟ
กองทัพอิสราเอลแลงการณ์ว่า อัล ชารีฟเป็นหัวหน้ากลุ่มปฏิบัติการณ์ของฮามาสและ “ต้องรับผิดชอบต่อการพัฒนาจรวดที่ใช้โจมตีพลเรือนอิสราเอลและทหารไอดีเอฟ (กองทัพอิสราเอล)” นอกจากนี้ยังได้อ้างถึงข้อมูลข่าวกรองและเอกสารที่พบในกาซาอีกด้วย
กลุ่มนักข่าวและ Al Jazeera ประณามการสังหารครั้งนี้ Al Jazeera กล่าวว่า นักข่าวที่ถูกสังหารไปแล้วประกอบด้วย โมฮัมเหม็ด คไรกีห์ (Mohammed Qreiqeh), อิบราฮิม ซาเฮอร์ (Ibrahim Zaher ) และโมฮัมเหม็ด นูฟัล (Mohammed Noufal)
กลุ่มสนับสนุนเสรีภาพสื่อ และผู้เชี่ยวชาญสหประชาชาติได้ออกมาเตือนก่อนหน้านี้ว่า อัล ชารีฟตกอยู่ในความเสี่ยงเนื่องจากการรายงานข่าวจากในฉนวนกาซาของเขา
Al Jazera กล่าวว่า อัล ชารีฟได้ฝากข้อความเอาไว้บนโซเชียลมีเดีย ในกรณีที่เขาถูกสังหาร ข้อความกล่าวว่า:
“...ผมไม่เคยลังเลที่จะถ่ายทอดความจริงตามที่เป็น โดยไม่บิดเบือน โดยไม่เปลี่ยนการตีความ หวังว่าพระผู้เป็นเจ้าจะรับรู้ถึงคนที่ยังคงนิ่งเงียบ”
หลายฝ่ายชี้ อิสราเอลไม่มีหลักฐาน
คณะกรรมการปกป้องนักข่าว ( the Committee to Protect Journalists: CPJ) ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม เตือนประชาคมนานาชาติว่า ให้ปกป้องอัล ชารีฟ และกล่าวว่า อิสราเอลไม่มีหลักฐานใดมายืนยันว่าอัลชารีฟมีส่วนเกี่ยวข้อกับฮามาสตามที่กล่าวอ้าง ซารา กูดาห์ ผู้อำนวยการภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือของ CPJ ตั้งคำถามกับการกระทำของอิสราเอล
“แนวทางของอิสราเอลในการป้ายสีนักข่าวว่าเป็นนักรบ โดยไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือนั้นทำให้เกิดคำถามจริงจังเกี่ยวกับเจตนาของอิสราเอล และความเคารพในเสรีภาพสื่อ”
เช่นเดียวกันกับ ไอรีน ข่าน ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติ ที่กล่าวเมื่อในเดือนเดียวกันว่า คำกล่าวหาของอิสราเอลไม่มีหลักฐานยืนยัน
อนัส อัล ชารีฟ เกิดปี 1996 เป็นนักข่าวชาวปาเลสไตน์และช่างภาพวิดีโอของสำนักข่าว Al Jazeera เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากการรายงานจากแนวหน้าระหว่างสงครามในฉนวนกาซา
อัล ชารีฟ เกิดในค่ายผู้ลี้ภัย Jubalia จบการศึกษาด้านนิเทศศาสตร์ เอกโทรทัศน์และวิทยุจากมหาวิทยาลัย Al-Aqsa และเริ่มชีวิตการทำงานในฐานะนักข่าวด้วยการเป็นอาสาสมัครของ Al-Shamal Media Network ก่อนเริ่มทำงานกับ Al Jazeera
อัล ชารีฟ เป็นที่รู้จักมากขึ้นในปี 2023 ด้วยการรางานข่าวจากทางตอนเหนือของกาซา เขารายงานข่าวรายวันเกี่ยวกับการโจมตีทางอากาศ การสังหารหมู่ และผู้พลัดถิ่น และมักรายงานข่าวจากสถานการณ์เสี่ยงอันตรายสูง
ในเดือนพฤศจิกายน 2023 เขาได้รับสายโทรศัพท์จากกองทัพอิสราเอลบอกให้เขาออกจากฉนวนกาซา ก่อนที่พ่อของเขาจะถูกสังหารเดือนถัดมาระหว่างการโจมตีทางอากาศของกองทัพอิสราเอล
ตั้งแต่ปี 2024 สำนักข่าวหลายสำนักชี้ว่า อัล ชารีฟเผชิญกับการข่มขู่ต่อเนื่องจากกองทัพอิสาเอล ผ่านทางโทรศัพท์ ข้อความเสียง หรือแคมเปญบนโซเชียลมีเดียที่กล่าวหาว่าเขาเป็นฝ่ายปฏิบัติการฮามาส
อัล ชารีฟ มีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดีย X กว่า 500,000 คน และเพิ่งเผยแพร่โพสต์ก่อนเสียชีวิตไม่กี่นาทีว่า อิสราเอลได้ทิ้งระเบิดอย่างหนักในเมืองกาซามานานกว่า 2 ชั่วโมงแล้ว
Al Jazeera เรียกอัลชารีฟว่าเป็น “หนึ่งในนักข่าวกาซาที่กล้าหาญที่สุด” และเรียกการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็น “ความพายามอย่างสุดความสามารถที่จะปิดปากเสียงก่อนจะเข้ายึดครองฉนวนกาซา” และกล่าวว่า อัล ชารีฟและเพื่อนของเขาคือ “หนึ่งในเสียงสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ในกาซา ที่ถ่ายทอดความจริงอันน่าสลดใจสู่โลก”
ด้านกลุ่มกองทหารฮามาสที่ควบคุมกาซาอยู่กล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้อาจเป็นสัญญาณของการเริ่มรุกรานของอิสราเอล
“การสังหารนักข่าวและการข่มขู่คนที่ยังเหลืออยู่ เป็นการกรุยทางไปสู่อาชญากรรมร้ายแรง คือการเข้ายึดครอง”
นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวว่าจะเปิดปฏิบัติการใหม่เพื่อทำลายฐานที่มั่นของฮามาสในกาซา ซึ่งวิกฤติขาดแคลนอาหารกำลังทวีความรุนแรงขึ้นหลังสงครามที่ยืดเยื้อมานาน 22 เดือน
สำนักงานสื่อของรัฐบาลกาซาที่บริหารโดยฮามาส ระบุว่า มีนักข่าวถูกสังหารไปแล้ว 237 คน นับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ขณะที่คณะกรรมการเพื่อปกป้องนักข่าว รายงานว่ามีนักข่าวอย่างน้อย 186 คนถูกสังหารในความขัดแย้งที่กาซา