ชมรมนักข่าวชาวกัมพูชา (CCJ) โจมตีสื่อไทยผ่านแถลงการณ์ร่วมว่า ได้เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จ เกี่ยวกับประเด็นที่ฮุน เซน ได้เดินทางไปยังประเทศจีน ขณะที่กองทัพของทั้งสองประเทศปะทะกันอย่างดุเดือดเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า “The Nation Thailand ซึ่งเป็นสื่อไทยที่มีชื่อเสียง อ้างอย่างเป็นเท็จว่าอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน เซน ได้ขึ้นเครื่องบินส่วนตัว ออกเดินทางจากกรุงพนมเปญ มุ่งหน้าสู่ประเทศจีน หลังสั่งกองทัพกัมพูชาโจมตีประเทศไทย"
ในการตอบสนองต่อรายงานนี้ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ได้ชี้แจงว่า "ผมขอชี้แจงว่า ในขณะนี้ ผมกำลังมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการบัญชาการกองทหารผ่านระบบวิดีโอและวิธีการอื่น ๆ ร่วมกับท่านนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต เพื่อตอบโต้กองกำลังไทยที่รุกราน ผมไม่ได้หลบหนี ผมยังคงอยู่ที่นี่ ขอให้พี่น้องร่วมชาติทุกท่าน โปรดอย่ากังวล"
ขณะเดียวกัน แขมร์ไทม์ส ออกมาเผยแพร่ข่าวระบุว่า ฮุนเซนปฏิเสธไม่ได้หลบหนีออกจากกัมพูชา ยืนยันกำลังนำกำลังตอบโต้การรุกรานของไทยอย่างแข็งขัน อดีตนายกรัฐมนตรียืนยันว่าเขากำลังประสานงานกับผู้นำทหารระดับสูงผ่านวิดีโอและช่องทางที่ปลอดภัยอื่น ๆ เพื่อตอบสนองต่อการสู้รบกับกองทัพไทยในพื้นที่ชายแดน
นอกจากนี้ยังกล่าวพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 และกองทัพไทยโดยตรงว่า เป็นต้นเหตุของการขัดแย้ง โดยกล่าวว่า “ผมนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ของไทยขู่ว่าจะปิดทางเข้าวัดท่าเมือนธม” “ผู้บัญชาการคนเดียวกันนี้เอง… ที่เริ่มสงครามครั้งนี้ด้วยการสั่งปิดปราสาทตาเมือนธมเมื่อวานนี้ (23 ก.ค. 68) และเปิดฉากโจมตีทหารกัมพูชาเมื่อเช้านี้ (24 ก.ค. 68)” เขากล่าวเสริม “เขาคือคนที่เคยขู่ว่าจะเอาชนะกัมพูชาภายในสามวัน ผมอยากรู้ว่ากลยุทธ์สามวันนั้นจะเป็นอย่างไร”
ประธานวุฒิสภากัมพูชายังกล่าวหาวงการการเมืองและสื่อมวลชนของไทยอีกว่า เผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนเพื่อหลอกทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชา “การเผยแพร่ข่าวปลอมเช่นนี้โดยนักการเมืองและสื่อมวลชนไทยได้กลายเป็นวัฒนธรรมปกติของพวกเขาไปแล้ว” เขากล่าว “เอาเลย หลอกลวงต่อไป!”
ฮุน เซน ก็ได้ออกมายืนยันด้วยตนเองว่ายังคงอยู่ในกัมพูชา และไม่ได้หนีไปต่างประเทศตามที่มีข่าวลือ พร้อมโพสต์ภาพการทำงานกับทีมรัฐบาลกัมพูชาที่คล้ายกับห้องประชุมคอนเฟอเรนซ์ พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงผ่านจอ มีทั้งภาพประชุมกับเจ้าหน้าที่ในห้องทำงาน มีการกางแผนที่ชายแดนอย่างแข็งขัน แต่สื่อไทยและชาวเน็ตต่างตั้งคำถามว่า รูปที่โพสต์นั้นเป็นการประชุมแบบเรียลไทม์หรือใช้ภาพเก่า เนื่องจากตัวเลขเวลาบนจอมือถือ และนาฬิกาตั้งโต๊ะที่วางไว้ด้านหลัง กลับไม่ตรงกัน
ในโทรศัพท์มือถือของ สมเด็จฮุน เซน จำนวน 2 เครื่อง พบว่าหน้าจอโชว์เวลา 4.49 น. ขณะที่นาฬิกาตั้งโต๊ะด้านหลัง เข็มนาฬิกาอยู่ที่เวลา 12.00 น. และอีกเรือนเป็นเวลา 11.15 น. ซึ่งไม่ตรงกันทั้งหมด ซึ่งภาพและข้อความทั้งหมดถูกโพสต์ในเวลา 14.29 น.
หลังจากที่ฮุน เซน โพสต์ภาพการทำงาน ยืนยังว่ายังอยู่พนมเปญ เพจ “Army Military Force - สำรอง” โพสต์ข้อความว่า ด่วน! เมื่อเวลา 16.08 น. เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของฮุนเซน รุ่น Hawker 800 ลงจอดที่ประเทศเกาหลีใต้ ไม่ใช่ประเทศจีนตามที่รายงานไปก่อนหน้านี้ และเชื่อว่าก่อนหน้านี้ที่บินลงจีนเป็นการสับขาหลอกเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ฮุน เซนก็ออกมาปฏิเสธอีกเช่นกัน และยังไม่มีการรายงานจากฝ่ายใดอย่างเป็นทางการว่าเขาอยู่ที่ใด
สำหรับความเคลื่อนไหวทางโซเชียลมีเดียของฮุน เซนในวันนี้ (25 ก.ค. 68) ก็มีความเคลื่อนไหวเป็นระยะตลอดทั้งวัน ตั้งแต่กลางดึกเมื่อคืนนี้ มีการโพสต์ตอบโต้อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ระบุว่า ผมไม่แปลกใจกับทัศนคติของทักษิณที่มีต่อผมเลย เพราะเขายังเคยทรยศแม้กระทั่งพระมหากษัตริย์ของไทย รวมถึงสมาชิกพรรคของเขาเอง ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ เขาเข้าไปพัวพันกับการสังหารชาวไทยมุสลิมหลายร้อยคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อปี 2547 และตอนนี้ ภายใต้ข้ออ้างที่จะแก้แค้น ฮุน เซน เขากำลังหันไปใช้สงคราม ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายที่จะเกิดขึ้นก็คือความทุกข์ทรมานของประชาชน
และตั้งแต่เช้าวันนี้ มีการแชร์คอนเทนต์ของสาวไทยที่กล่าวถึงคนเขมร ระบุว่า “เชิญฟังคําพูดของคนไทยที่ดูถูกและละเมิดแรงงานเขมรที่ทํางานใน ประเทศไทย แรงงานเขมรทั้งหลาย ระมัดระวังกันมากๆนะครับ ในสถานการณ์เครียดๆแบบนี้” ตามมาด้วยการแชร์แถลงข่าวจากกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แชร์เพลงปลุกใจประจำวัน แชร์ภาพคนเขมรบริจาคโลหิต และแชร์โพสต์จากฮุน มาเนตที่กล่าวถึงแรงสนับสนุนของชาวกัมพูชา แต่ไม่ได้มีการโพสต์ภาพการทำงานของตนเอง