สื่อของรัฐบาลกาซารายงานว่า ชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 549 คนถูกกองกำลังอิสราเอลสังหารขณะพยายามเข้าถึงสิ่งของบรรเทาทุกข์ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 4,066 คนในบริเวณสถานที่แจกจ่ายความช่วยเหลือโดยมูลนิธิมนุษยธรรมกาซา (GHF) ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และอิสราเอล
รายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตดังกล่าวถูกเปิดเผยหลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ มีคำสั่งมอบเงิน 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับมูลนิธิ GHF ดังกล่าว แม้ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บางส่วนจะมีความกังวลเกี่ยวกับปฏิบัติการที่ดำเนินมาเป็นเวลาราว 1 เดือน และการสังหารชาวปาเลสไตน์ใกล้กับสถานที่แจกจ่ายอาหาร
ทั้งนี้ รัฐบาลวอชิงตันได้ให้การสนับสนุนมูลนิธิมนุษยธรรมแห่งกาซาในทางการทูตมาเป็นเวลานานแล้ว แต่เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลสหรัฐฯ ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่องค์กรดังกล่าว โดยมูลนิธิใช้หน่วยงานทางทหารและโลจิสติกส์เอกชนของสหรัฐฯ ในการขนส่งความช่วยเหลือเข้าไปในดินแดนปาเลสไตน์
สำนักข่าวรอยเตอร์สระบุว่า สำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ได้อนุมัติเงินช่วยเหลือ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่ GHF ตาม "คำสั่งเร่งด่วน" จากทำเนียบขาวและกระทรวงการต่างประเทศ โดยเอกสารดังกล่าวระบุว่าได้จ่ายเงินเบื้องต้นไปแล้ว 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ด้านจอห์น อครี ผู้อำนวยการบริหารชั่วคราวของ GHF เรียกร้องให้เกิด “ความสามัคคีและความร่วมมือ” ในฉนวนกาซา เขากล่าวในแถลงการณ์ว่า “เรารอคอยความช่วยเหลือและองค์กรด้านมนุษยธรรมอื่น ๆ ที่จะเข้าร่วมกับเราเพื่อที่เราจะสามารถให้อาหารและความช่วยเหลือแก่ชาวกาซาได้มากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม กลุ่มบรรเทาทุกข์ที่มีชื่อเสียงและสหประชาชาติปฏิเสธที่จะทำงานร่วมกับ GHF โดยอ้างว่า GHF ละเมิดหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐาน เนื่องจากกองกำลังที่มาดูแลความปลอดภัยให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิเป็นกองกำลังที่ติดอาวุธ อีกทั้งยังมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นชาวปาเลสไตน์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็ก โดนยิงในขณะรอรับอาหารและความช่วยเหลือ
การทำงานของ GHF ถูกมองว่าขัดกับหลักการเหล่านี้ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องความเป็นกลางและความเป็นอิสระ เนื่องจากมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกองทัพและผู้รับเหมาเอกชนของอิสราเอล ทำให้เกิดความกังวลว่าความช่วยเหลือถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือทางทหาร
นอกจากนี้ สหประชาชาติ (UN) และองค์กรด้านมนุษยธรรมขนาดใหญ่หลายแห่งปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือกับ GHF เนื่องจากกังวลว่ากลไกการส่งมอบความช่วยเหลือของ GHF ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ทางทหารของอิสราเอล พวกเขามองว่า GHF อาจให้อำนาจแก่อิสราเอลในการกำหนดว่าใครจะได้รับความช่วยเหลือและบังคับให้ประชาชนย้ายไปยังพื้นที่ที่มีการแจกจ่าย ซึ่งอาจละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยการบังคับย้ายถิ่นฐาน
โจนาธาน วิททอลล์ เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านความช่วยเหลือแห่งสหประชาชาติสำหรับดินแดนปาเลสไตน์ กล่าวว่า “ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตส่วนใหญ่ถูกยิงหรือยิงถล่มขณะพยายามเข้าถึงจุดแจกจ่ายอาหารและความช่วยเหลือ ซึ่งจัดตั้งขึ้นเฉพาะในเขตที่มีกองกำลังทหาร” เขากล่าวเพิ่มเติมว่า “เมื่อกองกำลังอิสราเอลยิงใส่ฝูงชนชาวปาเลสไตน์ที่กำลังรออาหารตามเส้นทาง ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายคนจากกลุ่มติดอาวุธ”
มูลนิธิเพื่อมนุษยธรรมแห่งฉนวนกาซาออกมาตอบสนองต่อเรื่องนี้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า จนถึงขณะนี้ได้จัดส่งอาหารไปแล้ว 40 ล้านมื้อในฉนวนกาซา แต่ว่า UN และกลุ่มอื่น ๆ กำลังประสบปัญหาในการแจกจ่ายความช่วยเหลือ เนื่องจากรถบรรทุกและโกดังสินค้าของพวกเขาถูกปล้นสะดมจากประชาชนที่หิวโหย แต่โฆษกของ GHF อ้างว่ารถบรรทุกของมูลนิธิฯ ไม่ได้ถูกปล้นเลย
อย่างไรก็ตาม ตลอด 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางอิสราเอลไม่ได้เปิดให้ความช่วยเหลือในกาซาอย่างต่อเนื่อง มีการประกาศปิดเส้นทางและศูนย์แจกจ่ายอาหารบางจุดเป็นการชั่วคราว ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับศูนย์ที่เกิดการปล้นสะดมและปราบปรามกลุ่มผู้มารอรับความช่วยเหลือ โดยอ้างว่าต้องการเพิ่มความปลอดภัยให้กับพลเรือนบริเวณจุดแจกจ่าย