Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ส่องเครื่องมือ AI สุดล้ำ คัดกรองซึมเศร้า ไปจนถึงช่วยสำรวจทางโบราณคดี
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ส่องเครื่องมือ AI สุดล้ำ คัดกรองซึมเศร้า ไปจนถึงช่วยสำรวจทางโบราณคดี

26 มิ.ย. 68
16:14 น.
แชร์

เป็นซึมเศร้า ถึงเราไม่รู้ แต่ AI รู้

เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกเศร้า อารมณ์สวิงบ่อย ร้องไห้ไร้เหตุผล และนอนไม่หลับติดต่อกัน หลายคนอาจตั้งคำถามถึงสุขภาพจิตของตัวเองว่าอยู่ในระดับปกติหรือไม่ จะให้เดินไปหาหมอก็คิดว่ายุ่งยาก และค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่อาจตามมาแบบไม่ทันตั้งตัว จึงจบลงที่การประเมินตัวเองในขั้นต้นด้วยแบบสอบถามง่าย ๆ บนอินเทอร์เน็ต ด้วยปัญหาที่ผู้ป่วยอาจไม่รู้ตัว หรือคนที่มีความเสี่ยงเข้าไม่ถึงระบบการรักษา ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะวิศวกรรมศาสตร์จึงร่วมมือกันคิดค้นช่องทางใหม่ เพื่อแก้ปัญหาสุขภาพจิตในสังคมไทยที่กำลังเกิดขึ้น

นี่คือที่มาของการพัฒนา DMIND แอปพลิเคชั่นสำหรับคัดกรองผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า โดยใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เข้ามาช่วยอ่านใบหน้า ท่าทาง น้ำเสียง และวิเคราะห์ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่าสุขภาพจิตของผู้ที่มาปรึกษาอยู่ในขั้นน่าเป็นห่วงหรือไม่ โดยเฉพาะการเข้าถึงที่ง่าย ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถใช้ได้บนอุปกรณ์ต่างๆ มีการผสานรวมกับบัญชี Line Official Account ของ "หมอพร้อม" ทำให้สะดวกสำหรับผู้ใช้จำนวนมากในประเทศไทย

ภายหลังการประเมินผู้ที่มีความเสี่ยงสูง (สีแดง) จะได้รับการติดต่อจากนักจิตวิทยาภายใน 1-24 ชั่วโมง และผู้มีความเสี่ยงปานกลาง (สีเหลือง) จะได้รับการติดต่อภายใน 7 วัน ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที ป้องกันไม่ให้ปัญหาสุขภาพจิตทวีความรุนแรงขึ้นจนถึงขั้นวิกฤต 

นอกจากจะช่วยเพิ่มการเข้าถึงแล้ว ขณะเดียวกันยังเป็นการลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์ เพราะ DMIND จะช่วยเป็นด่านหน้าในการคัดกรอง ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ เช่น แพทย์และนักจิตวิทยา สามารถมุ่งเน้นไปที่การให้การรักษาและการดูแลผู้ป่วยที่มีความจำเป็นเร่งด่วนได้อย่างเต็มที่

เมื่อ AI ไม่ได้มาเป็นหมอ แต่เป็นตัวช่วย

DMIND ไม่ใช่เครื่องมือเดียวที่เป็นนวัตกรรม AI เดียวในการยกระดับบริการสุขภาพของประเทศไทย ปัจจุบันวงการแพทย์นำระบบ AI มาใช้ช่วยงานที่มากล้น ซึ่งยืนยันได้ว่า AI ไม่ได้มาแทนที่ของบุคคลากรทางการแพทย์ แต่มาเป็นทางออกของปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ในระบบ ซึ่งจะสร้างศักยภาพในการรักษาผู้ป่วยให้ดีขึ้น Spotlight รวบรวมตัวอย่างที่จะทำให้คุณผู้อ่านเห็นภาพมากขึ้น

  • แอปพลิเคชัน "รักยิ้ม" คัดกรองฟันผุ ใช้ AI วิเคราะห์ภาพถ่ายช่องปากที่ถ่ายโดยผู้ป่วยเองหรือบุคลากรสาธารณสุข เพื่อตรวจหาฟันผุ มีความแม่นยำ 84.5% และมีผู้ใช้งานแล้วกว่า 3,500 ราย แอปพลิเคชันนี้ยังเปิดให้หน่วยงานอื่นนำไปใช้ได้ฟรี แสดงถึงความมุ่งมั่นในการขยายผลให้เกิดประโยชน์ในวงกว้าง ช่วยให้การคัดกรองโรคฟันผุเข้าถึงง่ายขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล
  • ระบบ AI ตรวจจอประสาทตา ช่วยตรวจหาภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตาได้อย่างแม่นยำสูง (ระบุว่าแม่นยำถึง 95%) โดย AI จะวิเคราะห์ภาพถ่ายจอประสาทตาและบ่งชี้ความผิดปกติที่อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนทางตาของผู้ป่วยเบาหวาน จจุบันมีการใช้งานจริงในโรงพยาบาลกว่า 130 แห่งทั่วประเทศ และได้คัดกรองผู้ป่วยเบาหวานไปแล้วกว่า 21,000 ราย ซึ่งช่วยลดภาระจักษุแพทย์และช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการตรวจคัดกรองได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว
  • ระบบ PresScribe: AI จะช่วยถอดเสียงการสนทนาระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยให้เป็นข้อความ สิ่งนี้ช่วย "คืนเวลาให้กับแพทย์" โดยลดความจำเป็นในการจดบันทึกด้วยมือ 
  • การสรุปข้อมูลทางการแพทย์: จะช่วยสรุปเวชระเบียน สามารถสรุปการสนทนาเป็นบันทึกทางการแพทย์ได้โดยอัตโนมัติ และสรุปข้อมูลทางการแพทย์ที่สำคัญ เช่น อาการ, การวินิจฉัย, การรักษา, และข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็น ช่วยประหยัดเวลาได้ถึง 40% ต่อเคส

ผสานวงการวัฒนธรรมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์

หลายคนอาจจะคิดว่า AI จะเข้ามาช่วยในวงการวิทยาศาสตร์ ทางการแพทย์ หรือการผลิตสินค้าเป็นส่วนใหญ่ แต่ในงาน Bangkok AI Week 2025 ซึ่งรัฐบาลไทยร่วมมือกับ UNESCO ยังชี้ให้เห็นว่า แท้จริงแล้ว AI มาประยุกต์ใช้ในหลายมิติ ไม่เว้นแม้แต่วงการศิลปวัฒนธรรมและโบราณคดี โดยในงานมีการกล่าวถึงกรมศิลปากร ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลโบราณสถาน ศิลปวัตถุ และมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ ได้เริ่มนำเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง AI มาใช้งานเป็นเวลาหลายปีแล้ว

หนึ่งในโครงการที่ใช้ AI เป็นตัวช่วย คือ การวิเคราะห์สภาพความเสียหายด้วย AI จากข้อมูลการสแกน 3 มิติ หรือภาพถ่ายความละเอียดสูงของโบราณสถานและโบราณวัตถุ สามารถนำไปใช้ฝึกฝน AI ให้เรียนรู้ที่จะระบุประเภทและความรุนแรงของความเสียหาย เช่น รอยร้าว การสึกกร่อน หรือการผุกร่อน ซึ่งจะช่วยให้นักอนุรักษ์วางแผนการซ่อมแซมได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมไปถึงคาดการณ์แนวโน้มความเสื่อมสภาพ ด้วยการใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลสภาพแวดล้อม อุณหภูมิ ความชื้น แสงแดด และแรงลม เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีการสำรวจและจัดทำฐานข้อมูลโบราณคดีด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงมีการใช้โดรนและภาพถ่ายดาวเทียมในการสำรวจพื้นที่โบราณคดีเพื่อทำแผนที่และระบุตำแหน่งของแหล่งโบราณคดี ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปต่อยอดใช้กับ AI เพื่อวิเคราะห์รูปแบบหรือตำแหน่งที่มีแนวโน้มเป็นแหล่งโบราณคดีที่ยังไม่ถูกค้นพบได้ในอนาคต


แชร์
ส่องเครื่องมือ AI สุดล้ำ คัดกรองซึมเศร้า ไปจนถึงช่วยสำรวจทางโบราณคดี