ช่องบกไม่ใช่กรณีขัดแย้งแรกระหว่างไทยและกัมพูชา และไม่ใช่กรณีแรกในปีนี้ด้วยซ้ำ เพราะแม้อยู่เคียงข้างกันเป็นเพื่อนบ้านมานาน ประเทศไทยและกัมพูชาก็เป็นเพื่อนบ้านที่มีเรื่องขัดแย้งระหว่างกันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นที่ทับซ้อน แรงงาน การเมืองภายใน และการแย่งชิงอัตลักษณ์ระหว่าง 2 ประเทศ
Spotlight สรุปข้อพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชากว่า 50 ปีที่ผ่านมา
คดีเขาพระวิหารเป็นข้อพิพาททางอาณาเขตที่โด่งดังที่สุดอย่างหนึ่งระหว่างไทยและกัมพูชา เริ่มต้นเมื่อปี พ.ศ. 2501 เมื่อทั้งสองราชอาณาจักรต่างอ้างสิทธิเหนือบริเวณเขาพระวิหาร ปราสาทหินฮินดูจากราวศตวรรษที่ 11–12 ที่ตั้งอยู่บริเวณทิวเขาพนมดงรัก ปราสาทดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทยด้านอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และชายแดนกัมพูชาด้านจังหวัดพระวิหาร และเช่นเดียวกับข้อพิพาทด้านอาณาเขตหลายแห่ง สาเหตุคือการถือแผนที่คนละฉบับ
ทั้งสองประเทศยอมให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก (ICJ) พิจารณาคดีดังกล่าว และผลก็ประกาศออกมาวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2505 ศาลโลกตัดสินให้ตัวปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาด้วยคะแนน 9:3 โดยใช้หลักการยอมรับโดยปริยาย
ที่ใช้หลักการยอมรับโดยปริยายนั้นก็เพราะศาลโลกชี้ว่า สยามไม่เคยแย้งแผนที่ที่ฝรั่งเศสจัดทำ และแผนที่นั้นลากเส้นไว้ว่า ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา แผนที่ดังกล่าวคือแผนที่พรมแดนที่ทางการสยามขอให้ฝรั่งเศสจัดทำในปี พ.ศ. 2450 และไม่ได้ “เอาแนวสันปันน้ำ” เป็นเกณฑ์แบ่งเขตแดนตามสนธิสัญญาสยาม–ฝรั่งเศส ร.ศ. 122
อย่างไรก็ตาม แม้สยามจะไม่ได้บอกยอมรับ แต่ก็ไม่ได้คัดค้านแผนที่ดังกล่าวในเวลาอันสมควร มีการจัดทำและเจรจาสนธิสัญญาระหว่างสยามและฝรั่งเศสหลังจากนั้น 2 ครั้ง (พ.ศ. 2468 และ 2490) และมีการเสด็จเยือนเขาพระวิหารในฐานะจังหวัดหนึ่งของกัมพูชาโดยสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพในปี พ.ศ. 2473 ทำให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศพิจารณาว่ารัฐบาลไทยขณะนั้นได้ยอมรับ (acquiesce) ว่าฝรั่งเศสมีอำนาจอธิปไตยเหนือเขาพระวิหาร
ต่อมาในปี พ.ศ. 2551 UNESCO ประกาศให้ปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ทำให้เกิดความตึงเครียดบริเวณชายแดน มีการปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชาหลายครั้ง เช่น บริเวณเขาพระวิหาร และบริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย ที่ห่างจากบริเวณเขาพระวิหารราว 140 กิโลเมตร
กัมพูชาขอให้ศาลโลกสั่งถอดกำลังทหารไทยออกจากบริเวณปราสาทพระวิหาร ศาลโลกออกมาตรการชั่วคราวให้ทั้งไทยและกัมพูชาถอนทหารออกจากเขตปลอดทหารชั่วคราว
เมื่อถึงปี พ.ศ. 2556 ศาลโลกตีความการตัดสินปี พ.ศ. 2505 อีกครั้ง และชี้ขาดเป็นเอกฉันท์ว่า กัมพูชามีอธิปไตยเหนือพื้นที่ทั้งหมดของยอดเขา และพื้นที่ยอดเขานั้นรวมเอาพื้นที่ที่ไทยต้องถอนกำลังทหารออกมาด้วย
หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งของกัมพูชาเผยแพร่บทความกล่าวหา กบ สุวนันท์ นักแสดงหญิงชาวไทยว่าอ้างว่านครวัดเป็นของไทย ซึ่งเป็นข้อความเท็จ อย่างไรก็ตาม สื่ออื่น ๆ ได้ขยายข้อมูลดังกล่าว และทำให้เกิดความรู้สึกชาตินิยมในหมู่คนกัมพูชา นำไปสู่เหตุจลาจลในพนมเปญ สถานทูตไทยถูกเผา และธุรกิจไทยในกัมพูชาถูกปล้นสะดม
ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาในขณะนั้น เปิดบ้านต้อนรับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ผู้ถูกรัฐประหารเมื่อ 3 ปีก่อน อีกทั้งยังแต่งตั้งเป็น “ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ”
รัฐบาลไทยภายใต้การบริหารของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขอให้กัมพูชาส่งตัว พ.ต.ท. ทักษิณ กลับตามสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่กัมพูชาปฏิเสธคำขอดังกล่าว ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติตึงเครียด ไทยประณามกัมพูชาแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทย เอาผลประโยชน์ส่วนบุคคลมาเหนือผลประโยชน์ของชาติ และเรียกนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ กลับประเทศ
หลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557 มีข่าวลือว่าไทยจะกวาดล้างแรงงานผิดกฎหมาย ทำให้แรงงานกัมพูชาราว 200,000 คน หรือราวครึ่งหนึ่งของแรงงานกัมพูชาในไทย พากันเดินทางกลับประเทศภายในเวลาไม่กี่วัน แรงงานหลายคนกล่าวว่ามีข่าวลือว่าจะถูกยิงทิ้งหรือจับกุมหากไม่กลับ
กุมภาพันธ์ 2566 ไทยประกาศเสนอ "ผ้าขาวม้า" ขึ้นทะเบียนมรดกโลกทางวัฒนธรรม ต่อมาในเดือนมีนาคม 2566 กัมพูชาประกาศเตรียมเสนอ "ผ้ากรอมา" เข้าขึ้นทะเบียนเช่นกัน
เกิดการถกเถียงบนโลกออนไลน์ระหว่างชาวไทยและกัมพูชา ถึงความเป็นเจ้าของผ้าขาวม้า–ผ้ากรอมา ต่อมาปลายปี 2567 "ผ้ากรอมา" ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรม
นอกจากผ้าขาวม้า–ผ้ากรอมา ยังมีการถกเถียงอีกหลายประเด็นเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของวัฒนธรรมหรืออัตลักษณ์บางประการที่ไทยและกัมพูชามีร่วมกัน ซึ่งมักปรากฏบนโลกออนไลน์ ปลุกความสำนึกคิดชาตินิยมให้ประชาชนทั้งสองชาติ และสร้างความรู้สึกตึงเครียดต่อกัน
ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เตรียมยื่นฟ้องต่อ ICJ กรณีพื้นที่ทับซ้อนรอบปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด, ปราสาทตาควาย และบริเวณมุมไบ โดยฮุน มาเนตกล่าวว่า ข้อตกลงบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 ยังไม่ก้าวหน้าเพียงพอ จึงขอให้ไทยร่วมกันนำเรื่องขึ้นสู่ศาลโลกโดยไม่ต้องให้กัมพูชาฟ้องร้อง
ด้านไทยแย้งว่าปราสาทตาเมือนธมขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของไทยมานานกว่า 90 ปี และก่อนที่กัมพูชาจะได้รับเอกราชด้วยซ้ำ ทำให้ความสัมพันธ์ชายแดนตึงเครียด เกิดการปะทะระหว่างทหาร 2 ชาติ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เป็นเหตุให้ทหารกัมพูชานายหนึ่งเสียชีวิต กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยสอบสวนเหตุการณ์รุนแรงนี้อย่างเร่งด่วน และนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ
ความรู้สึกขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชามีภูมิหลังมาจากความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ การแข่งขันทางเศรษฐกิจ และความคล้ายคลึงทางวัฒนธรรม ทั้งยังมีเรื่องเขตแดนทับซ้อนพื้นที่ชายแดน เช่น บริเวณด่านช่องจอม, ชายแดนด้านจันทบุรี–พระตะบอง, และพื้นที่ทางทะเลในอ่าวไทย รวมทั้งมีเรื่องการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติในเขตทับซ้อน, ปัญหาเรือประมงผิดกฎหมาย และการอ้างความเป็นเจ้าของเหนืออัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมบางประการ
ทำให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เกิดกระแสความเกลียดชังบนโลกออนไลน์ระหว่างสองชาติในกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ไกลจากชายแดนมากขึ้น ในขณะที่ความสัมพันธ์ของคนไทย–กัมพูชาบริเวณชายแดนยังดำเนินไปฉันท์พี่น้อง
อ้างอิง: Judgement 2013, คำสั่งศาลปกครองคุ้มครองเขาพระวิหาร, BBC, ประชาไท, National Geographic, วุฒิสภา