รัสเซียเปิดฉากโจมตีทางอากาศต่อยูเครน ด้วยโดรน 298 ลำ และยิงขีปนาวุธราว 69 ลูก ถล่มหลายพื้นที่รวมทั้งเมืองหลวงอย่างกรุงเคียฟ ต่อเนื่องเป็นคืนที่ 3 แล้ว นับว่าเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดในรอบปี ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครนกล่าววิจารณ์สหรัฐฯ และนานาชาติที่นิ่งเฉยต่อการรุกรานของรัสเซีย ระบุว่า การ “นิ่งเงียบ” ของสหรัฐฯ ต่อการโจมตีของรัสเซียในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เท่ากับเป็นการสนับสนุน วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ให้ใช้กำลังรุกรานเพื่อนบ้าน
อิกอร์ คลีเมนโก รัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายในของยูเครน เปิดเผยว่า การโจมตีดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 12 รายในจำนวนนี้เป็นเด็ก ๆ 3 รายจากครอบครัวเดียวกันที่อาศัยอยู่ในนภูมิภาคซิตโตเมียร์ ของกรุงเคียฟ และยังไม่นับรวมผู้บาดเจ็บอีกหลายสิบคน
กองทัพอากาศยูเครนรายงานผ่าน Telegram ว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของยูเครนได้รับผลกระทบจากการโจมตีของกองทัพรัสเซีย ทั้งหมดราว 22 พื้นที่ ขณะที่ขีปนาวุธแบบร่อนและโดรนรัสเซียถูกสกัดประมาณ 15 พื้นที่จากทั่วประเทศ
คีธ เคลล็อกก์ ผู้แทนพิเศษของสหรัฐฯ ประจำยูเครน กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า การโจมตีดังกล่าวเป็นการละเมิดพิธีสารสันติภาพเจนีวาปี 1977 อย่างชัดเจน และเรียกร้องให้หยุดยิงทันที
ล่าสุด ประธานาธบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาเคลื่อนไหวแล้ว โดยกล่าวประณามการกระทำของรัสเซีย ระบุว่า เขาไม่พอใจในสิ่งที่ปูตินกำลังทำ ปูตินฆ่าคนไปมากมาย ทรัมป์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับปูติน แม้จะรู้จักกันมานานแล้ว และเข้ากับปูตินได้ดี แต่เขากลับยิงจรวดใส่เมืองต่าง ๆ และฆ่าคนไป ซึ่งทรัมป์ไม่ชอบเลย
ทรัมป์กล่าวว่า เขารู้สึกประหลาดใจมากเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัสเซียเพิ่งเปิดฉาก โจมตี ยูเครนด้วยโดรนครั้งใหญ่ที่สุด เพียงหนึ่งวันก่อนที่ปูตินและทรัมป์จะพูดคุยกันทางโทรศัพท์ครั้งล่าสุด อย่างไรก็ตาม โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า เขากำลังพิจารณาที่จะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงขึ้นต่อรัสเซีย ตามที่ประธานาธิบดีเซเลนสกีเรียกร้อง
โยฮันน์ วาเดอฟุล รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี กล่าวว่า การโจมตีของรัสเซียระลอกล่าสุดควรได้รับการตอบโต้ด้วยมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมจากชาติตะวันตก “ปูตินไม่สนใจสันติภาพ เขาต้องการดำเนินสงครามต่อไป และเราต้องไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่สหภาพยุโรปจะตกลงใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม”
สหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยกำหนดเป้าหมายไปที่ “กองเรือเงา” ของรัสเซีย ซึ่งประกอบด้วยเรือประมาณ 200 ลำที่ใช้ขนส่งสินค้าน้ำมันของรัสเซียไปทั่วโลก นับเป็นมาตรการคว่ำบาตรครั้งที่ 17 แล้วที่ยุโรปประกาศใช้เพื่อลงโทษรัสเซีย
ท่ามกลางเสียงระเบิด มีอาคารเสียหายหลายแห่งในยูเครนและกู้ภัยเร่งช่วยชีวิตประชาชน ในเขตชายแดนยังคงมีการแลกเปลี่ยนตัวประกันระหว่างสองประเทศฝ่ายละ 1,000 คน ตามข้อตกลงแลกเปลี่ยนเชลยศึก ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และคาดว่าจะใช้เวลาทั้งหมดสามวันถึงจะแลกเปลี่ยนนักโทษเสร็จสิ้น ล่าสุด การแลกเปลี่ยนเชลยศึกชุดสุดท้ายได้สิ้นสุดลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ข้อตกลงในการปล่อยเชลยศึกจำนวน 1,000 คนจากทั้งสองฝ่าย ถือเป็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมเพียงอย่างเดียวจากการพบกันระหว่างยูเครนและรัสเซียที่นครอิสตันบูลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งนับเป็นการเจรจาโดยตรงครั้งแรกระหว่างทั้งสองฝ่ายนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนอย่างเต็มรูปแบบในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022