เอเลียส โรดริเกซ วัย 31 ปี ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุยิงจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตอิสราเอลดับ 2 รายในกรุงวอชิงตัน ดีซีดับ 2 ราย ได้ปรากฏตัวในศาลรัฐบาลกลางเป็นครั้งแรกในวันนี้ เขาไม่ได้ให้การใด ๆ และจะถูกคุมขัง เพื่อพิจารณาคดีในศาลครั้งต่อไป โดยกระทรวงยุติธรรมได้ตั้งข้อกล่าวหาฆาตกรรมโดยเจตนา ฆาตกรรมเจ้าหน้าที่ต่างประเทศ และใช้ปืนในการก่ออาชญากรรมรุนแรงอีกด้วย ซึ่งเขาอาจมีโทษถึงขั้นประหารชีวิต
เยชิล ไลเตอร์ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหรัฐฯ เผยว่า เหยื่อคือ ยารอน ลิชินสกี อายุ 30 ปี และซาราห์ มิลกริม อายุ 26 ปี ทั้งคู่ทำงานที่สถานทูตอิสราเอลและกำลังจะหมั้นหมายกัน ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นว่าโรดริเกซยิงใส่เจ้าหน้าที่สถานทูตทั้งสองคนหลายครั้ง บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์ Capital Jewish Museum ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ขณะที่ผู้หญิงคนดังกล่าวพยายามคลานหนี โรดริเกซก็ตามหลังเธอมาแล้วก็ยิงอีกครั้ง ก่อนที่จะพยายามบรรจุกระสุนปืนใหม่ ในขณะที่ผู้หญิงคนดังกล่าวเริ่มลุกขึ้นนั่ง และเมื่อเขาบรรจุกระสุนใหม่แล้ว เขาก็ยิงใส่เธออีกครั้ง
จีนีน ปิร์โร อัยการสหรัฐฯ ชั่วคราว เปิดเผยว่า กระทรวงยุติธรรมกำลังสอบสวนการสังหารครั้งนี้ ว่าเขาจะมีความผิดเพิ่มเติมฐานการก่อการร้ายและอาชญากรรมจากความเกลียดชังด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยังนับว่าเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่ากระทรวงยุติธรรมจะดำเนินคดีกับโทษประหารชีวิตหรือไม่
กรมตำรวจประจำกรุงวอชิงตัน ดีซี สั่งการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ที่ประจำการตามสถาบันศาสนาต่าง ๆ ทั่วเมือง โดยระบุว่า ตำรวจท้องถิ่นจะยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรของรัฐบาลกลาง เพื่อรับรองว่าความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยและนักท่องเที่ยวทุกคน นับเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการดูแลพื้นที่ดังกล่าว พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในเมืองอื่น ๆ ได้ประกาศว่าจะบังคับใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมรอบๆ สถานที่ทางศาสนา เช่นกรมตำรวจนครนิวยอร์กและสำนักงานนายอำเภอไมอามี-เดดในรัฐฟลอริดา
ภายหลังการเกิดเหตุนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลกล่าวว่าเขารู้สึก "เสียใจ" กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและเขาได้ กำชับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงให้เพิ่มเข้มงวดการจัดเตรียมการคุ้มครองสำหรับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติภารกิจเพื่ออิสราเอลทั่วโลก และยกระดับความปลอดภัยสำหรับเจ้าหน้าที่ทางการทูตทุกคน
ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสต์บน TruthSocial ประณามเหตุสังหารดังกล่าว ระบุว่า การสังหารหมู่ที่โหดร้าย เห็นได้ชัดว่ามีสาเหตุมาจากการต่อต้านชาวยิว จะต้องยุติลงทันที! ความเกลียดชังและลัทธิหัวรุนแรงไม่ควรมีอยู่ในอเมริกา อีกทั้งยังต่อสายตรงหานายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูเพื่อแสดงความเสียใจด้วย ขณะที่ผู้นำทั่วโลก และองค์กรระหว่างประเทศต่างออกมาประณามผู้ก่อเหตุเช่นกัน
ทั้งนี้ ระหว่างการก่อเหตุ นายเอเลียส โรดริเกซ ตะโกนว่า "ปลดปล่อยปาเลสไตน์” หลายครั้ง ขณะถูกควบคุมตัว พยานบอกกับ CNN ว่า ผู้ต้องสงสัยรอให้ตำรวจมาถึงก่อนจึงบอกว่า “ทำเพื่อกาซา”
ข้อมูลเบื้องต้นเปิดเผยว่า นายเอเลียส โรดริเกซ เดินทางมาจากเมืองชิคาโกด้วยเครื่องบินมาลงยังเมืองหลวงสหรัฐฯ 1 วันก่อนหน้างานอีเวนต์ที่พิพิธภัณฑ์ยิวดังกล่าวจัดขึ้น เจ้าหน้าที่ FBI แถลงเมื่อเช้านี้ว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนยังคงรวบรวมภาพความเคลื่อนไหวของผู้ต้องสงสัย ตั้งแต่ลงจากไฟล์ทบิน จนกระทั่งการก่อเหตุที่อุกอาจในอีกวันต่อมา
จากการสอบสวนและรวบรวมหลักฐานเบื้องต้น โรดริเกซดูเหมือนจะบินมาจากชิคาโกเพื่อมาประชุมเรื่องงาน แต่ไม่พบความผิดปกติใด ๆ ในประวัติอาชญากรของเขา ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สอบสวนกำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางอินเทอร์เน็ตของเขาผ่านการค้นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตรวจสอบบัญชีโซเชียลมีเดีย และโพสต์ทั้งหมด ตามเอกสารของศาล ตำรวจยึดกระสุนปืนได้ 21 นัด และปืนพกขนาด 9 มม. ซึ่งเขาซื้อมาในปี 2020 ในระหว่างการสอบสวน โรดริเกซบอกกับผู้สอบสวนว่า เขาซื้อตั๋วเข้าชมงานที่พิพิธภัณฑ์ประมาณสามชั่วโมงก่อนงานจะเริ่ม
จอห์น ฟราย วัย 71 ปี ชาวเมืองออลบานีพาร์ค ชิคาโก เล่าให้สื่อมวลชนฟังว่า เขาเป็นเพื่อนบ้านของโรดริเกซ ฟรายเล่าว่าโรดริเกซอาศัยอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์ข้างๆ ของเขามาประมาณ 2 ปีแล้ว และเขายังบอกอีกว่า โรดริเกซอาศัยอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง เขาไม่ทราบว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กันอย่างไร หรือผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไร แต่พวกเขาเงียบสงบและเป็นมิตร
ประวัติด้านการเมืองของเขา เขาเป็นที่รู้จักจากกิจกรรมรณรงค์กับพรรคสังคมนิยมและการปลดปล่อย (PSL) และการมีส่วนร่วมในขบวนการ Black Lives Matter (BLM) ก่อนหน้านี้ก็เคยเข้าร่วมการประท้วงหน้าบ้านของนายกเทศมนตรีเมืองชิคาโก