โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ขณะนี้สหรัฐฯ ได้ออกแบบระบบป้องกันขีปนาวุธ "Golden Dome" หรือ “โดมทอง” ไว้แล้ว และจะเปิดใช้งานให้ได้ภายในช่วงเวลา 4 ปีที่เขาดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ อยู่
ย้อนกลับไปหลังจากทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สองเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทรัมป์ประกาศความตั้งใจของเขาที่จะมีระบบดังกล่าวในสหรัฐฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบโต้ภัยคุกคามทางอากาศ “ยุคหน้า” ที่มีต่อสหรัฐฯ เช่น ขีปนาวุธ และจรวดร่อน
รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณเบื้องต้นจำนวน 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 818,175 ล้านบาท ไว้ในร่างกฎหมายงบประมาณฉบับใหม่ แม้ว่ารัฐบาลจะประเมินว่าโครงการนี้จะมีค่าใช้จ่ายรวมสูงกว่านั้นมากในระยะยาวหลายสิบปี
ด้านเจ้าหน้าที่เตือนว่า ระบบที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่ทันสมัยเพียงพอเมื่อเทียบกับอาวุธที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งอยู่ฝ่ายตรงข้ามที่อาจเป็นภัย
ทรัมป์ยังประกาศว่า นายพลไมเคิล กูตลีน รองหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการอวกาศ แห่งกองกำลังอวกาศ จะรับหน้าที่ดูแลโครงการดังกล่าว
ย้อนกลับไปเพียง 7 วันหลังทรัมป์สาบานตนรับตำแหน่ง เขาก็สั่งให้กระทรวงกลาโหมส่งแผนการระบบป้องกันภัย ซึ่งจะช่วยยับยั้งและป้องกันการโจมตีทางอากาศ โดยทำเนียบขาวมองว่า การโจมตีทางอากาศนับเป็นภัยคุกคามร้ายแรงที่สหรัฐฯ ยังคงต้องเผชิญอยู่
และเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (20 พฤษภาคม 68) ทรัมป์เปิดเผยว่า ระบบดังกล่าวจะประกอบด้วยเทคโนโลยีของ “ยุคหน้า” ที่ครอบคลุมทั้งทางบก ทางทะเล และอวกาศ รวมถึงเซนเซอร์และเครื่องสกัดกั้นในอวกาศ นอกจากนี้เขายังระบุว่า แคนาดาได้แสดงความประสงค์ที่จะเข้าร่วมในระบบนี้ด้วย
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บิล แบลร์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของแคนาดาในขณะนั้น ยอมรับว่า แคนาดาเองก็สนใจที่จะเข้าร่วมในโครงการโดมทองด้วย โดยชี้ว่า มันสมเหตุสมผล และเป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติ แคนาดาทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในภูมิภาค และระมัดระวังต่อภัยคุกคามที่กำลังจะเกิดขึ้น
ส่วนทรัมป์ย้ำว่า ระบบดังกล่าวจะสามารถสกัดกั้นขีปนาวุธที่ยิงมาจากอีกฟากหนึ่งของโลก หรือแม้แต่ที่ยิงมาจากอวกาศได้ด้วย
ระบบป้องกันภัยที่ว่านี้ได้รับแรงบันดาลใจบางส่วนมาจากโดมเหล็กของอิสราเอล ซึ่งอิสราเอลใช้ยับยั้งจรวดและขีปนาวุธตั้งแต่ปี 2011 แต่สำหรับโดมทองของสหรัฐฯ นั้น จะมีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า และถูกออกแบบมาเพื่อสู้กับภัยคุกคามที่มีความหลากหลายกว่านั้น เช่น ภัยคุกคามจากอาวุธไฮเปอร์โซนิก ซึ่งสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเหนือเสียง หรือจะเป็นแระบบโจมตีวงโคจรบางส่วน หรือที่เรียกว่า Fobs ซึ่งสามารถส่งหัวรบลงมาจากอวกาศได้
และด้วยความสามารถเหล่านี้ ทรัมป์มองว่า อาวุธต่าง ๆ จะถูกสอยร่วงตั้งแต่บนฟ้า และอัตราความสำเร็จของการยับยั้งการโจมตีเกือบจะ 100 เปอร์เซ็นต์เต็มเลย
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เคยเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า มีเป้าหมายที่จะให้โดมทองสามารถช่วยให้สหรัฐฯ ยับยั้งขีปนาวุธจากระยะต่าง ๆ ได้ เช่น ก่อนจะยิง หรือขณะที่พวกเขาลอยอยู่กลางอากาศ
ทรัมป์เปิดเผยเมื่อวานนี้ด้วยว่า โครงการดังกล่าวจะใช้งบประมาณเบื้องต้น 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจะใช้งบประมาณทั้งหมด 175,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม สำนักงานงบประมาณคองเกรสคาดการณ์ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ อาจต้องใช้งบประมาณมากกว่านั้น โดยอาจจะใช้เงินมากกว่า 542,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในช่วง 20 ปี
เจ้าหน้าที่เพนตากอนได้เตือนมาโดยตลอดว่า ระบบที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่สามารถตามทันเทคโนโลยีขีปนาวุธรุ่นใหม่ที่รัสเซียและจีนพัฒนาขึ้น
ทรัมป์เปิดเผยว่า “จริง ๆ แล้วตอนนี้เรายังไม่มีระบบที่สมบูรณ์ เรามีบางส่วนของขีปนาวุธและระบบป้องกันขีปนาวุธบางประเภท แต่ยังไม่มีระบบแบบเต็มรูปแบบ ยังไม่เคยมีอะไรแบบนี้มาก่อน”
ทั้งนี้ เอกสารสรุปที่เพิ่งเผยแพร่โดยหน่วยข่าวกรองกลาโหมสหรัฐฯ (DIA) ระบุว่า ภัยคุกคามจากขีปนาวุธ “จะขยายตัวทั้งในด้านขนาดและความซับซ้อน” โดยจีนและรัสเซียกำลังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อ “เจาะช่องโหว่” ของระบบป้องกันของสหรัฐฯ