เดือนเมษายน 2568 กลายเป็นเดือนที่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยต้องจดจำ เมื่อยอดผลิตรถยนต์ทั้งระบบอยู่ที่เพียง 104,250 คัน ซึ่งถือว่า ต่ำที่สุดในรอบ 44 เดือน นับตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ระบาดใหม่ ๆ ในปี 2563 แม้จะไม่ใช่การลดลงมากนักจากปีก่อนหน้า (ลดเพียง 0.40%) แต่ก็ลดลงเกือบ 20% เมื่อเทียบกับการผลิตเดือนมีนาคม
นอกจากนี้สิ่งที่น่ากังวล คือยอดผลิตสะสม 4 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 456,749 คัน ลดลงถึง 11.96% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเลขการส่งออกในเดือนเมษายนอยู่ที่ 65,730 คัน ลดลง 6.31% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งเท่ากับส่งออกไปเพียงแค่ 64.35 % ของยอดการผลิตทั้งหมด ส่วนยอดการส่งออกสะสม 4 เดือนแรกของปีอยู่ที่เพียง 290,288 คัน ลดลงถึง 14.79% ส่งผลกระทบต่อสายพานการผลิตของไทยที่พึ่งพาตลาดส่งออกเป็นหลัก
อย่างไรก็ดีท่ามกลางตัวเลขภาพรวมที่ชะลอตัวลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ก็มีสัญญาณดีเล็ก ๆ ที่น่าสนใจและอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ นั่นคือประเทศไทยได้ เริ่มต้นส่งออกรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยในเดือนเมษายนมีการส่งออก BEV ทั้งสิ้น 660 คัน แม้จะยังเป็นสัดส่วนเพียง 1.43% ของยอดส่งออกรวม แต่ก็สะท้อนว่าไทยเริ่มขยับเข้าหาโอกาสใหม่ในตลาดโลก
ขณะเดียวกันตัวเลขการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศก็เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยในเดือนเมษายน มีการผลิต BEV ถึง 4,764 คัน เพิ่มขึ้น 639.75% จากปีก่อนหน้า ขายในประเทศได้ถึง 10,981 คัน เพิ่มขึ้นถึง 181.56% เติบโตอย่างชัดเจน และยอดจดทะเบียน BEV ป้ายแดงในเดือนเมษายนก็อยู่ที่ 8,029 คัน ส่วนยอดจดทะเบียนสะสม BEV ณ สิ้นเดือนเมษายนอยู่ที่ 266,863 คัน เพิ่มขึ้น 59.48% จากปีที่แล้ว
ฝั่งรถยนต์สันดาป (ICE) กลับเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก เช่น รถกระบะยอดขายเดือนเมษายนลดลง 22.25% ขณะที่ยอดผลิตเพื่อขายในประเทศของรถกระบะลดลงถึง 33.16% สะท้อนปัญหาทั้งด้านกำลังซื้อของผู้บริโภค และความเข้มงวดของสินเชื่อเช่าซื้อ
เมื่อนำภาพรวมทั้งหมดมาประกอบกัน จะเห็นได้ชัดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนจากโครงสร้างเดิมที่เคยพึ่งพารถสันดาปและตลาดส่งออก มาสู่ยุคที่ต้องเผชิญหน้ากับการแข่งขันของยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การเริ่มต้นส่งออกรถ EV ถือเป็นก้าวเล็ก ๆ ที่สำคัญ แต่หากไม่มีนโยบายสนับสนุนให้ห่วงโซ่อุตสาหกรรมในประเทศปรับตัวทัน ก็อาจกลายเป็นการเปลี่ยนผ่านที่ทิ้งแรงงานและซัพพลายเออร์ไทยไว้ข้างหลัง
บทเรียนจากยอดผลิตที่ต่ำสุดในรอบ 44 เดือน และยอดส่งออกที่ยังหดตัว น่าจะเป็นสัญญาณเตือนชัดเจนว่า ไทยต้องเร่งวางอนาคตและอุตสาหกรรมยานยนต์ต้องปรับตัวห้เร็วกว่าเดิม