ในประวัติศาสตร์โลก การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เคยเกิดขึ้นหลายครั้ง แต่ “โฮโลคอสต์” ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่โหดร้ายที่สุด เพราะถูกวางแผนอย่างเป็นระบบโดยพรรคนาซีภายใต้การนำของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำเผด็จการ
หลังความพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เยอรมนีเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจและความวุ่นวายทางการเมือง อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ อดีตทหารหนุ่ม เข้าร่วมพรรคกรรมกรเยอรมัน (DAP) ในปี 1919 ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น พรรคแรงงานสังคมนิยมแห่งชาติเยอรมัน หรือที่รู้จักในชื่อ นาซี (Nazi Party)
ฮิตเลอร์ใช้วาทศิลป์และแนวคิดชาตินิยมสุดโต่ง ปลุกระดมผู้คนด้วยการต่อต้านยิว ต่อต้านคอมมิวนิสต์ และยกย่องเชื้อชาติอารยัน พร้อมใช้เครื่องหมาย"สวัสดิกะ" เป็นสัญลักษณ์ของพรรค
ในปี 1923 ฮิตเลอร์พยายามก่อรัฐประหารที่มิวนิกแต่ล้มเหลวและถูกจำคุก ระหว่างนั้นเขาเขียนหนังสือ Mein Kampf ซึ่งกลายเป็นคู่มืออุดมการณ์ของนาซีในเวลาต่อมา
หลังพ้นโทษ พรรคของเขาเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 1929 จนกระทั่งในปี 1933 ฮิตเลอร์ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี และไม่นานก็ยึดอำนาจกลายเป็นผู้นำเผด็จการ เปิดฉากยุคมืดในประวัติศาสตร์โลก
นาซีมีแนวคิดเหยียดเชื้อชาติอย่างสุดโต่ง ซึ่งนำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว โดยมีเหตุผลหลักดังนี้
ชาวยิวหลายล้านคนถูกจับกุม ทรมาน และสังหารในค่ายกักกัน กระทั่งช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง (ค.ศ. 1944–1945) เมื่อพรรคนาซีเริ่มล่มสลาย พวกเขาสั่งอพยพนักโทษออกจากค่ายต่างๆ ไปยังพื้นที่ห่างไกลแนวรบ เพื่อปกปิดความจริงและใช้แรงงานต่อไป
เหตุการณ์นี้เรียกว่า Death Marches หรือ “การเดินเท้ามรณะ” ซึ่งนักโทษถูกบังคับให้เดินไกลโดยไร้อาหารและพักผ่อน
ระหว่างเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม ปี 1945 ทหารฝ่ายสัมพันธมิตร ได้แก่ กองทัพแดงของโซเวียต สหรัฐอเมริกา และ สหราชอาณาจักร ได้รุกเข้าสู่ดินแดนของนาซีและช่วยปลดปล่อยนักโทษในค่ายกักกัน ปิดฉากหนึ่งในความโหดร้ายที่สุดของมนุษยชาติ