ช่วงดึกของวันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2568 ตามเวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศอนุญาตให้รถบรรทุกความช่วยเหลือจากสหประชาชาติ ซึ่งบรรทุกอาหาร น้ำ และอาหารเด็ก เข้าสู่พื้นที่ฉนวนกาซาได้ หลังจากปิดล้อมพื้นที่สงครามนี้มานานกว่า 11 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม เนทันยาฮูระบุว่า ความช่วยเหลือจะสามารถเข้าถึงผู้ที่ต้องการในกาซาได้เพียง “ชั่วคราว” และอยู่ในระดับ “ต่ำที่สุด”
เขากล่าวว่าจะอนุญาตให้อาหารและสิ่งจำเป็นเข้าไปในกาซาได้ จนกว่ากองทัพอิสราเอลและบริษัทเอกชนจะสามารถสร้างศูนย์กระจายความช่วยเหลือได้สำเร็จ โดยศูนย์เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นตามแผนของสหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกสหประชาชาติปฏิเสธ
อิสราเอลเปิดช่องทางให้ความช่วยเหลือเข้าถึงกาซา หลังจากพันธมิตรส่งแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง และวิพากษ์วิจารณ์การใช้ความหิวโหยเป็นเครื่องมือของสงคราม โดยอิสราเอลประกาศว่า จะ “อนุญาตให้นำอาหารปริมาณพื้นฐานเข้ามาสำหรับประชากร เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดวิกฤตความอดอยากในฉนวนกาซา”
ช่องทางการส่งความช่วยเหลือเข้าสู่กาซาถูกปิดมาตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รวมถึงการค้าขาย ถูกตัดขาดตั้งแต่นั้น ก่อนที่สองสัปดาห์ถัดมา อิสราเอลจะเริ่มปฏิบัติการโจมตีทางทหาร ถือเป็นการสิ้นสุดข้อตกลงหยุดยิง 2 เดือน ทั้งที่แผนการยังไม่ก้าวพ้นระยะแรก
การโจมตีรอบใหม่ของอิสราเอลที่ดำเนินมาราวสองเดือน ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 3,000 คน และมีผู้พลัดถิ่นมากกว่า 400,000 คน ขณะเดียวกัน สหประชาชาติระบุว่าการปิดเส้นทางเข้าสู่กาซาส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนอาหาร ยา และเชื้อเพลิงอย่างรุนแรง
การปิดกั้นเส้นทางอาหารและความช่วยเหลือ ถูกมองว่าเป็นกลยุทธ์สงครามของอิสราเอลที่มุ่งบีบคั้นกลุ่มติดอาวุธฮามาสด้วยความหิวโหย เพื่อให้ยอมปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอล แต่ภาวะอดอยากนั้นกลับส่งผลโดยตรงต่อพลเรือนในกาซา
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ซึ่งบริหารโดยกลุ่มฮามาส ระบุว่า มีเด็กเสียชีวิตจากการขาดอาหารแล้วกว่า 57 คนตลอดช่วง 11 สัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ องค์กร Integrated Food Security Phase Classification (IPC) ยังเตือนว่า มีประชาชนมากกว่าครึ่งล้านคนกำลังเผชิญกับภาวะหิวโหย
สหประชาชาติระบุว่า อิสราเอลมีพันธกรณีตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ที่ต้องรับประกันว่าประชาชนในกาซาจะมีอาหารและเวชภัณฑ์เพียงพอ ขณะที่ทางการอิสราเอลอ้างว่า ไม่มีการขาดแคลนความช่วยเหลือ เนื่องจากรถบรรทุกของสหประชาชาติหลายพันคันได้เข้าพื้นที่ในช่วงเวลาหยุดยิงแล้ว พร้อมกล่าวหาว่ากลุ่มฮามาสได้ปล้นเสบียงและความช่วยเหลือเหล่านั้น ซึ่งกลุ่มฮามาสออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
ทอม เฟลชเชอร์ หัวหน้าฝ่ายมนุษยธรรมของสหประชาชาติกล่าวว่า รู้สึกยินดีกับความคืบหน้า แต่เปรียบเทียบการเปิดทางให้รถบรรทุกเข้าไปในฉนวนกาซาว่าเป็นเพียง “หนึ่งหยดน้ำในมหาสมุทร” พร้อมระบุว่ารถบรรทุกความช่วยเหลือของสหประชาชาติ 4 คัน จะเดินทางถึงกาซาในวันอังคารนี้
เฟลชเชอร์กล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากความโกลาหลที่เกิดขึ้นในกาซา ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติชี้ว่าเสบียงที่ถูกส่งเข้าไปอาจถูกปล้น และสถานการณ์อาจยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อทรัพยากรขาดแคลนมากขึ้น ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางอาหารก็ได้เตือนถึงภาวะขาดแคลนอาหารเมื่อสัปดาห์ก่อน
ขณะเดียวกัน ผู้นำสามประเทศ ได้แก่ เซอร์เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และมาร์ก คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีแคนาดา ออกแถลงการณ์ร่วมเมื่อวันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม 2568 ระบุว่า อาหารเพียงเล็กน้อยที่อิสราเอลอนุญาตให้เข้าสู่กาซานั้น “ไม่เพียงพออย่างชัดเจน”
“หากอิสราเอลไม่หยุดปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่นี้ และยังคงขัดขวางความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เราจะดำเนินการตอบโต้อย่างเป็นรูปธรรม”
นักการเมืองและนักเคลื่อนไหวสายขวาจัดของอิสราเอลออกมาวิพากษ์วิจารณ์การเปลี่ยนนโยบายอย่างกะทันหัน รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติสายขวาจัด อิทามาร์ เบน-กวิร์ เรียกสิ่งนี้ว่า "ความผิดพลาดอย่างร้ายแรง" ที่จะ "หล่อเลี้ยงฮามาสและทำให้มันมีลมหายใจต่อไป ขณะที่ตัวประกันของเรายังคงทุกข์ทรมานอยู่ในอุโมงค์"
เนทันยาฮูออกมาตอบโต้คำวิจารณ์ดังกล่าว โดยยืนยันว่าจะไม่ปล่อยให้เกิดภาวะทุพภิกขภัยขึ้นในฉนวนกาซา
“ตั้งแต่เริ่มทำสงคราม เราได้กล่าวแล้วว่า การจะชนะคือการมีชัยเหนือฮามาสและปล่อยตัวประกันทั้งหมดของเราให้เป็นอิสระ ซึ่งสองเป้าหมายนี้เกี่ยวเนื่องกัน มีปัจจัยเดียวที่จำเป็นคือต้องไม่ให้ถึงขั้นทุพภิกขภัย ไม่ว่าจะในทางปฏิบัติหรือทางการทูต”
ในแถลงการณ์ของเนทันยาฮู เขาระบุว่า อิสราเอลจะเข้าควบคุม “ทุกพื้นที่” ในฉนวนกาซา โดยเป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีทางภาคพื้นดินที่ขยายวงกว้างต่อฮามาส ซึ่งกองทัพอิสราเอลเริ่มปฏิบัติการเมื่อวันอาทิตย์
ต่อมาในวันจันทร์ อิสราเอลได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 40 คนทั่วฉนวนกาซา ตามข้อมูลจากหน่วยกู้ภัยและโรงพยาบาล โดยการโจมตีครั้งหนึ่งคร่าชีวิตผู้คนกว่า 5 คนที่อาคารโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งถูกใช้เป็นที่หลบภัยของผู้พลัดถิ่นในค่ายผู้ลี้ภัยนูเซรัตตอนกลางของฉนวนกาซา กองทัพอิสราเอลกล่าวว่าเป้าหมายคือ “ผู้ก่อการร้ายฮามาส” ซึ่งมีที่ทำการ สั่งการ และควบคุมอยู่ในบริเวณดังกล่าว
นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้ผู้คนอพยพออกจากพื้นที่เขตข่านยูนิสและชานเมืองทางตะวันออก เนื่องจากอิสราเอลกำลังจะเปิดฉากโจมตีครั้งใหม่ “อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”