
16 ธันวาคม 2568 นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แอนโทนี อัลบาเนซี ให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นกราดยิงที่หาดบอนได กับสถานีวิทยุ ABC Sydney กล่าวว่า เหตุจูงใจของมือปืนคืออุดมการณ์รัฐอิสลาม
“ดูเหมือนว่าแรงจูงใจของเรื่องนี้มาจากอุดมการณ์ของกลุ่มรัฐอิสลาม (กลุ่ม IS)” นายกรัฐมนตรีกล่าว
“อุดมการณ์แบบนี้มีมานานกว่าทศวรรษแล้ว และกลายเป็นอุดมการณ์แห่งความเกลียดชัง ในกรณีนี้ คือการเตรียมการก่อเหตุฆาตกรรมหมู่” นายกฯ กล่าวต่อ และบอกว่าการสังหารหมู่ครั้งนี้ “เลวทราม คำนวณมาแล้ว และเลือดเย็น”
เหตุการณ์สังหารหมู่ที่หาดบอนไดเกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม 2568 ที่หาดบอนได ซิดนีย์ ออสเตรเลีย ในงานเฉลิมฉลองเทศกาลฮานุกกาของชาวยิว งานฉลองจัดขึ้นเป็นวันแรก มีการแสดงดนตรี กิจกรรมต่าง ๆ และมีผู้เข้าร่วมจากทุกกลุ่มอายุและเพศมากกว่า 1,000 คน
การกราดยิงทำให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 15 คน อายุน้อยที่สุดคือเด็กหญิงวัย 10 ปี และมากที่สุดคือเหยื่อวัย 87 ปี
ผู้ก่อเหตุคือพ่อและลูกชาย 2 คน คนพ่อคือ ซาจิด อัครัม วัย 50 ปี สมาชิกชมรมยิงปืนและมีใบอนุญาตครอบครองปืนยาว ต่อมาเสียชีวิต ณ ที่เกิดเหตุ และลูกชายนาวีด อัครัม วัย 24 ปี ขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
ข้อมูลจากทีมต่อต้านการก่อการร้ายออสเตรเลีย (Australia's Joint Counter Terrorism Team: JCTT) ชี้ว่า สองพ่อลูกไม่ได้เป็นสมาชิกกลุ่ม แต่ถูกจูงใจด้วยอุดมการณ์สุดโต่ง โดย JCTT เชื่อว่า สองพ่อลูกให้คำสัตย์ปฏิญาณต่อรัฐอิสลามไป
เจ้าหน้าที่ JCTT กล่าวกับผู้สื่อข่าว ABC ว่า รถของทั้งสองที่จอดอยู่ที่หาดบอนไดมีธง IS แขวนอยู่ 2 ธง และเจ้าหน้าที่รายหนึ่ง (ขอไม่เปิดเผยชื่อ) กล่าวเพิ่มเติมว่า หน่วยข่าวกรองออสเตรเลีย (ASIO) พุ่งความสนใจไปที่นาวีด อัครัมตั้งแต่ปี 2562 หลังพบพฤติกรรมที่อาจเกี่ยวข้องกับแนวคิดสุดโต่ง โดยระบุว่า พลังของตำรวจสามารถขัดขวางแผนการโจมตีของกลุ่ม IS ได้ในช่วงเวลาดังกล่าว
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า นาวีดมี “ความสัมพันธ์ใกล้ชิด” กับ ไอแซค เอล มาตารี ผู้ถูกจำคุก 7 ปี ตั้งแต่ปี 2564 ในข้อหาเกี่ยวกับการก่อการร้าย โดยมาตารีประกาศตนเองเป็นผู้นำกลุ่ม IS ในออสเตรเลีย
นอกจากนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองฟิลิปปินส์ยังชี้ว่า เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สองพ่อลูกได้เดินทางเข้าฟิลิปปินส์ โดยผู้พ่อใช้พาสปอร์ตอินเดีย และลูกชายใช้พาสปอร์ตออสเตรเลีย
สำนักงานฯ ระบุว่า เมืองดาเวา ประเทศฟิลิปปินส์เป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายของทั้งสองก่อนเดินทางกลับซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ทั้งนี้ ดาเวาเป็นเมืองใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเกาะมินดาเนา ซึ่งเป็นเกาะหลักทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ โดยเป็นที่รู้จักกันว่ามีกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่ยากจนทางตอนกลางและตะวันตกเฉียงใต้ของมินดาเนา อย่างไรก็ตาม ไม่มีข้อมูลว่า ทั้งสองมีกิจกรรมใดระหว่างอยู่ในดาเวาที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายท้องถิ่นหรือไม่
เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำออสเตรเลีย อามีร์ ไมมอน ได้เดินทางไปเยี่ยมสวนสาธารณะบอนได และกล่าวกับชุมชนชาวยิวเพื่อย้ำการสนับสนุนจากอิสราเอล
“ชุมชนเดียวที่ต้องมีการตรวจสอบความปลอดภัยจึงจะมีสิทธิสักการะพระเจ้าของตนได้คือชุมชนชาวยิว [...] ชาวออสเตรเลียที่มีศรัทธาอย่างชาวยิวกำลังถูกบังคับให้ต้องบูชาพระเจ้าในที่ลับ หน้ากล้องวงจรปิด หรือต่อหน้าผู้รักษาความปลอดภัย นี่มันบ้ามาก” เขากล่าว
“ผมหวังว่าพรุ่งนี้จะดีกว่าเมื่อวาน” เอกอัครราชทูตเสริม
สำนักข่าว BBC ได้ลงพื้นที่สวนสาธารณะบอนได สถานที่เกิดเหตุกราดยิงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และรายงานว่า ภาพของหาดบอนไดเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก หาดเงียบสงบ ถนนสายหลักเกือบจะว่างเปล่า มีเพียงเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ที่กำลังตรวจสอบเหตุการณ์ และเฮลิคอปเตอร์บินอยู่เหนือพื้นที่
บริเวณใกล้กันหน้าสวน ถนนเต็มไปด้วยพวงมาลัยดอกไม้ที่ถูกนำมาวางเรียงรายบนทางเท้า ญาติมิตรและชาวยิวจำนวนมากออกมาแสดงความอาลัยต่อผู้สูญเสีย
“ทั้งชีวิต ผมเติบโตมาท่ามกลางความหวาดกลัว” เจส เด็กหนุ่มชาวยิววัย 22 ปีกล่าวกับ BBC โดยบอกว่า ความกลัวเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
“ความไร้เดียงสาของเรามันจบลงแล้ว [...] ฉันคิดว่า เราคงเปลี่ยนไปตลอดกาล คงเหมือนกับที่ท่าเรืออาเธอร์” อีวอน ฮาเบอร์ กล่าว
อีวอนกล่าวถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ท่าเรืออาเธอร์ในปี 2539 ซึ่งเป็นการสังหารหมู่ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ออสเตรเลีย โดยอีวอนเดินทางมาที่หาดบอนไดเพื่อร่วมอาลัยต่อความสูญเสียครั้งนี้