CNN รายงานว่า สายการบินหลักหลายแห่งทั่วโลกสั่งระงับเที่ยวบินเหนือน่านฟ้าปากีสถาน ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย หลังจากกองทัพอินเดียเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารโจมตีด้วยขีปนาวุธ และปากีสถานโต้ตอบด้วยการยิงเครื่องบินรบอินเดียร่วง 5 ลำ และโดรนอีก 1 ลำ เมื่อเช้านี้ (7 พ.ค. 68) ขณะที่ชายแดนมีการยิงโต้ตอบกันเป็นระยะ สร้างความตึงเครียดให้กับภูมิภาคเอเชียใต้อีกครั้ง หลังสงบมากว่า 50 ปี
Thai Airways การบินไทยแจ้งว่า จะทำการเปลี่ยนเส้นทางบินไปยังยุโรปและเอเชียใต้ เนื่องจากปากีสถานปิดน่านฟ้าและสนามบิน ซึ่งได้ประกาศแจ้งเตือนผู้โดยสารว่าเที่ยวบินบางส่วนอาจได้รับผลกระทบและเกิดความล่าช้ากว่าปกติ ขณะที่สายการบินหลายแห่งในเอเชีย เช่น EVA Air ของไต้หวันกล่าวว่าจะปรับเที่ยวบินไปและกลับจากยุโรป เพื่อหลีกเลี่ยงน่านฟ้าที่ได้รับผลกระทบความรุนแรงในพื้นที่ พร้อมเปิดเผยว่า มีเที่ยวบินบางส่วนต้องบินกลับที่เดิม และบางส่วนลงจอดในสนามบินฉุกเฉิน ระหว่างที่อินเดียและปากีสถานต่างโจมตีทางอากาศต่อกัน
เว็บไซต์ของสนามบินนานาชาติหลักของไต้หวันที่เมืองเถาหยวน นอกเมืองไทเป ระบุว่า เที่ยวบินตรงของสายการบิน China Airlines ไปยังลอนดอนในวันนี้ ถูกยกเลิกแล้ว ส่วน Korean Air เปิดเผยว่า ได้เริ่มเปลี่ยนเส้นทางเที่ยวบินโซล อินชอน–ดูไบ โดยเลือกเส้นทางบินทางใต้ที่ผ่านเมียนมา บังกลาเทศ และอินเดีย แทนที่จะเป็นเส้นทางผ่านน่านฟ้าปากีสถานเหมือนเช่นเดิม
สายการบินในฝั่งยุโรปก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน Air France สายการบินแห่งชาติของฝรั่งเศส แถลงต่อ CNN ว่า ได้ระงับเที่ยวบินทั้งหมดที่จะเดินทางบนน่านฟ้าอินเดีย-ปากีสถานแล้ว โดยปรับเปลี่ยนตารางการบินทั้งขาเข้าและขาออกจากประเทศอินเดียและปากีสถาน รวมถึงสายการบิน Lufthansa ของเยอรมนี เปิดเผยกับรอยเตอร์สว่า จะหลีกเลี่ยงบินเข้าน่านฟ้าปากีสถาน ขอให้ผู้โดยสายติดตามข่าวสารจนกว่าจะมีประกาศกลับมาให้บริการตามปกติ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เที่ยวบินบางส่วนของสายการบินบริติชแอร์เวย์ สายการบินสวิสอินเตอร์เนชั่นแนลแอร์ไลน์ และสายการบินเอมิเรตส์ จะเปลี่ยนเส้นทางบินผ่านทะเลอาหรับ มุ่งหน้าสู่เดลีเพื่อหลีกเลี่ยงน่านฟ้าของปากีสถาน การหยุดชะงักดังกล่าวอาจทำให้ค่าใช้จ่ายของสายการบินเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สายการบินต้องระมัดระวังเกี่ยวกับพื้นที่วิกฤตสำคัญอื่น ๆ เช่น ตะวันออกกลาง และพื้นที่ใกล้แนวรบยูเครน-รัสเซีย เป็นต้น
สำหรับสายการบินในอินเดียและปากีสถานได้รับผลกระทบจากสงครามในครั้งนี้มาเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว เนื่องจากมาตรการลดความสัมพันธ์ ที่รัฐบาลของทั้งสองประเทศต่างประกาศปิดน่านฟ้าต่อกัน เที่ยวบินทั้งหมดที่เดินทางระหว่างสองประเทศถูกระงับเกือบทั้งหมด ตั้งแต่เกิดเหตุก่อการร้ายในเมืองพาฮัลแกมเมื่อ 22 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวเสียชีวิต 26 ราย
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลเปิดเผยกับ CNN ว่า นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ของอินเดีย เลื่อนการเดินทางไปเยือนโครเอเชีย เนเธอร์แลนด์ และนอร์เวย์ แต่การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่รัฐบาลนิวเดลีเริ่มโจมตีปากีสถานและแคชเมียร์ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อหลายชั่วโมงที่ผ่านมา ผู้นำสูงสุดของอินเดียยังไม่ได้แถลงการณ์ใด ๆ ต่อสาธารณะ
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศปากีสถานได้เรียกพบอุปทูตอินเดียประจำอิสลามาบัด ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูตอินเดีย เพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการต่อการโจมตีด้วยอาวุธของนิวเคลียร์ของอินเดีย เนื่องจากนับว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยของปากีสถานอย่างร้ายแรง พร้อมประณามว่าการกระทำดังกล่าวถือเป็นการฝ่าฝืนกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศ และบรรทัดฐานที่กำหนดขึ้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ล่าสุด ความรุนแรงในการโจมตีโต้ตอบของทั้งสองประเทศยังคงถูกจับตาและเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด โฆษกกองทัพปากีสถานรายงานว่า ขณะนี้พบพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 26 รายและได้รับบาดเจ็บ 46 คน จากการโจมตีด้วยขีปนาวุธของอินเดีย ส่วนในพื้นที่แคชเมียร์ รัฐบาลท้องถิ่นได้สั่งอพยพประชาชนออกนอกพื้นที่เสี่ยง โดยประกาศจัดเตรียมที่พัก อาหาร และยาให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ