กระทรวงกลาโหมของอินเดียเปิดฉากโจมตีทางทหาร รัวยิงขีปนาวุธพุ่งเป้าถล่มโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่มก่อการร้ายในจังหวัดปัญจาบของปากีสถานซึ่งมีประชากรหนาแน่น และเขตแคชเมียร์ที่อยู่ภายใต้การปกครองของปากีสถาน และพื้นที่อื่น ๆ รวมทั้งหมด 9 แห่ง ภายใต้ “ปฏิบัติการซินดูร์” เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเช้ามืดของวันนี้ (7 พ.ค. 68) กระทรวงกลาโหมอินเดียยังระบุในแถลงการณ์เกี่ยวกับการโจมตีว่าเป็นการตอบสนองต่อเหตุสังหารหมู่พลเรือน 26 รายในแคชเมียร์ ซึ่งผ่านมาเป็นเวลาราว 2 สัปดาห์แล้ว
คาวาจา มูฮัมหมัด อาซีฟ รัฐมนตรีกลาโหมปากีสถาน ยอมรับว่าเกิดเหตุโจมตีจริง โดยได้รับรายงานว่าปากีสถานถูกโจมตีทั้งหมด 5 แห่ง ได้แก่ 3 แห่งในแคชเมียร์ และอีก 2 แห่งในในเมืองบาฮาวัลปูร์และเมืองมูริดเก ในจังหวัดปัญจาบ ซึ่งทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย ในจำนวนนี้มีเด็ก 1 คน รวมถึงผู้บาดเจ็บอีก 35 คน นอกจากนี้ มัสยิด 2 แห่งยังถูกทำลาย และไฟฟ้าดับบางแห่ง ผู้สื่อข่าวต่างประเทศและประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว บอกเล่าว่าพวกเขาได้ยินเสียงระเบิดเป็นระยะ ๆ ตั้งแต่กลางดึก
กองทัพปากีสถานตอบโต้รุนแรง โดยอ้างว่าได้ยิงเครื่องบินรบของอินเดียตกอย่างน้อย 5 ลำแล้ว และยังจับทหารอินเดียเป็นเชลยศึกด้วย หลังโฆษกกองทัพปากีสถานกล่าวว่า "เราจะแก้แค้น ส่วนจะเป็นวันใดเวลาไหน เราจะเป็นคนเลือกเอง" พร้อมโจมตีอินเดียกำลังทำการยั่วยุอย่างชั่วร้าย และข้ออ้างที่ทำเพื่อถล่มกลุ่มก่อการร้ายในปากีสถานนั้นเป็นเรื่องโกหก
ความเคลื่อนไหวของทั้งสองประเทศนับว่าตึงเครียดที่สุดในรอบหลายปี และอินเดียเปิดฉากโจมตีด้วยขีปนาวุธเพียงไม่กี่วันหลังจากที่สั่งการให้ทหารซ้อมรบและสั่งให้พลเรือนซ้อมอพยพ หากมีเหตุฉุกเฉินขึ้น สำนักข่าวอัลจาซีรารายงานว่า ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ได้จัดการประชุมระดับสูงด้านความปลอดภัยหลายครั้ง รวมถึงการประชุมกับรัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการกองทัพอากาศ และกองทัพเรือ
มาตรการเหล่านี้มีไว้เพื่อให้แน่ใจว่าพลเรือนจะพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ 'โจมตี' ฉุกเฉินในอินเดีย อีกทั้งยังมีการตรวจสอบโรงงานและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ การซ้อมดับไฟ และการฝึกอบรมนักเรียนและนักศึกษา ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวอินเดียไม่ได้สัมผัสความตึงเครียดเช่นนี้มานานกว่า 5 ทศวรรษแล้ว
นายอจิต โดวัล ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของอินเดีย ได้บรรยายให้มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ทราบไม่นานหลังจากเกิดเหตุโจมตีปากีสถาน โดยสถานทูตอินเดียประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เปิดเผยว่า การดำเนินการของอินเดียมีความมุ่งเป้าหมายและชัดเจน ด้านแทมมี่ บรูซ โฆษกกระทรวงต่างประเทศเรียกร้อง ให้ทั้งสองประเทศทำงานร่วมกันเพื่อหาข้อยุติที่มีความรับผิดชอบ ซึ่งรักษาสันติภาพในระยะยาวและเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียใต้ พร้อมเปิดเผยว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงติดต่อกับรัฐบาลทั้งสองประเทศ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ รับทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว พร้อมแถลงว่า “น่าเสียดาย เราเพิ่งได้ยินเรื่องนี้ตอนเดินเข้าประตูห้องทำงานรูปไข่ ฉันเพิ่งได้ยินเรื่องนี้ ฉันเดาว่าผู้คนคงรู้ว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ในอดีต พวกเขาต่อสู้กันมาเป็นเวลานาน คุณรู้ไหม พวกเขาต่อสู้กันมาหลายทศวรรษ ฉันแค่หวังว่ามันจะจบลงเร็วๆ นี้”
สหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอินเดีย และแสดงความห่วงใยหลังจากเหตุก่อการร้ายในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศได้โทรศัพท์ไปหาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และแนะนำให้ลดระดับความรุนแรงลง