นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู แถลงเมื่อวันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคมว่า อิสราเอลเตรียมขยายปฏิบัติการ “Gideon Chariots” เพื่อปราบปรามกลุ่มติดอาวุธฮามาสอย่างเข้มข้น ภายหลังที่คณะรัฐมนตรีความมั่นคงมีมติเห็นชอบ ซึ่งอาจรวมถึงการยึดครองฉนวนกาซาทั้งหมดและควบคุมการส่งความช่วยเหลือจากภายนอก
การตัดสินใจขยายปฏิบัติการ “รถม้าศึกกีเดียน” (Gideon Chariots) ของอิสราเอลเป็นผลมาจากความล้มเหลวในการเจรจาหาข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาสหลังดำเนินการนานหลายสัปดาห์ ความกดดันจากนานาชาติ และแรงสนับสนุนจากประชาชนในประเทศที่ลดน้อยลง
สถานีโทรทัศน์ Kan ของอิสราเอลรายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงว่า ปฏิบัติการนี้จะดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งอาจใช้เวลาหลายเดือน โดยจะเริ่มจากพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากการสู้รบมากที่สุด
เนทันยาฮูระบุในแถลงการณ์ผ่านวิดีโอว่า ปฏิบัติการครั้งนี้จะ “เข้มข้น” และเตือนให้ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาอพยพออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยของตนเองเขาเสริมว่า ครั้งนี้กองทัพอิสราเอลจะปรับเปลี่ยนแนวทางจากเดิมที่ใช้การจู่โจมระยะสั้นจากแนวรอบนอก มาเป็นการยึดครองโดยตรงภายในพื้นที่ ซึ่งเป็นแนวทางที่เสนอโดยเจ้าหน้าที่บางรายในรัฐบาล และยืนยันว่าอิสราเอลจะไม่ล่าถอยจากพื้นที่ที่ยึดไว้แล้ว
ปัจจุบันกองทัพอิสราเอลเข้ายึดครองพื้นที่ในฉนวนกาซาประมาณหนึ่งในสาม ขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกไป พร้อมสร้างหอสังเกตการณ์และจุดตรวจการณ์ในพื้นที่โล่งที่อิสราเอลเรียกว่า “พื้นที่ปลอดภัย”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเผยว่า แผนการใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อยึดครองฉนวนกาซาทั้งหมด ผลักดันประชาชนลงใต้ และป้องกันไม่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตกไปอยู่ในมือของกลุ่มฮามาส
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมอิสราเอลชี้ว่า ปฏิบัติการจะยังไม่เริ่มขึ้นจนกว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์จะเดินทางเยือนตะวันออกกลางเป็นที่เรียบร้อยสัปดาห์หน้า เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกับกลุ่มประเทศอาหรับในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ที่ซาอุดีอาราเบีย
นอกจากนี้ แม้อิสราเอลจะยึดครองเขตปลอดภัยที่ยึดได้ตามแนวรั้วฉนวนกาซาต่อไป เนื่องจากพื้นที่เหล่านี้มีความสำคัญต่อการปป้องชุมชนชาวอิสราเอลรอบพื้นที่ดังกล่าว แต่ก็ยังกล่าวว่ามี “โอกาส” สำหรับข้อตกลงหยุดยิงและการปล่อยตัวประกัน ระหว่างการเดินทางเยือนของทรัมป์
“ถ้าไม่มีข้อตกลงปล่อยตัวประกัน ก็ต้องเริ่มปฏิบัติการรถศึกกีเดียน (Gideon Chariots) อย่างเข้มข้น และจะไม่หยุดจนกว่าจะบรรลุทุกเป้าหมาย” เจ้าหน้าที่กล่าว
อิสราเอลยังไม่เปิดเผยแผนการหลังสงคราม หลังดำเนินปฏิบัติการที่จะผลักประชากรส่วนใหญ่ออกจากฉนวนกาซาและบีบให้ผู้พลัดถิ่นเหล่านี้ต้องพึ่งพิงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพื่อเอาชีวิตรอด ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้มาตั้งแต่การปิดล้อมเริ่มขึ้น
ผู้แทนพิเศษสหรัฐฯ ประจำตะวันออกกลาง สตีฟ วิตคอฟฟ์ กล่าวว่า อิสราเอลเป็นรัฐอธิปไตยที่มีอำนาจตัดสินใจได้ด้วยตนเอง และกล่าวว่า เขาหวังจะเห็นความคืบหน้าเรื่องตัวประกันและการหยุดยิง ก่อนหรือระหว่างการเยือนตะวันออกกลางของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ด้านทำเนียบขาวยังไม่ให้ความเห็นต่อการขยายปฏิบัติการของอิสราเอล
การตัดสินใจดำเนินขยายปฏิบัติการในฉนวนกาซาได่รับการยกย่องจากกลุ่มหัวรุนแรงในรัฐบาลทันที เนื่องจากสมาชิกกลุ่มนี้มีความตั้งใจอยากยึดครองฉนวนกาซาและขับไล่ประชาชนชาวปาเลสไตน์มานานแล้ว ตามแนวทางแผน "ริเวียร่า" ที่ทรัมป์ร่างไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์
“เราจะยึดครองกาซาแล้วในที่สุด เราไม่กลัวคำว่า 'การยึดครอง' อีกต่อไป" รัฐมนตรีคลังอิสราเอล เบซาเลล สโมทริช กล่าวในการสนทนาออนไลน์ในการประชุมสนับสนุนผู้ตั้งถิ่นฐาน
อย่างไรก็ตาม ประชาชนดูเหมือนจะเห็นต่าง มีความวุ่นวายเกิดขึ้นนอกรัฐสภา มีการรวมตัวประท้วงของผู้ไม่เหนด้วยกับปฏิบัติการดังกล่าว ทำให้มีประชาชนราว 10 คนปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ประท้วงกล่าวว่า ต้องการข้อตกลงที่จะนำตัวประกันทั้ง 59 คนกลับมา และไม่แน่ใจว่าการตัดสินใจของรัฐบาลจะนำไปสู่เป้าหมายของพวกเขาหรือไม่
"ทุกครอบครัวเหนื่อยล้าแล้ว" รูบ เฉินกล่าว เขาสูญเสียลูกชาย Itay ไประหว่างการโจมตีของฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 "ทุกครอบครัวต่างหวาดกลัวการเคลื่อนไหวใหม่นี้ เพราะไม่มีอะไรรับประกันได้ว่ามันจะนำเราไปสู่สิ่งที่ครอบครัวต้องการ"
เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมอิสราเอลกล่าวว่า เมื่อการขยายปฏิบัติการเริ่มขึ้น ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากองค์กระหว่างประเทศต่างๆ และสหประชาชาติจะถูกส่งไปให้บริษัทเอกชนดำเนินการส่งต่อในพื้นที่ทางใต้ของฉนวนบริเวณราฟาห์ สหประชาชาติเรียกบริษัทเอกชนผู้เป็นตัวแทนแจกจ่ายความช่วยเหลือนี้ว่า ศูนย์กลางอิสราเอล
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ยาน อีเกลันด์ เลขาธิการสภาผู้ลี้ภัยนอร์เวย์กล่าวบนสื่อสังคมออนไลน์ X ว่าอิสราเอลเรียกร้องให้สหประชาชาติและองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรยุติระบบแจกจ่ายความช่วยเหลือในฉนวนกาซา
ก่อนหน้านี้ กองทัพอิสราอลแทบจะไม่แสดงความสนใจในการยึดครองพื้นที่ฉนวนกาซาเลย และปฏิเสธให้ความเห็นต่อปฏิบัติการที่ตัดสินใจโดยเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมือง
อิสราเอลเริ่มการโจมตีกาซา ปิดช่องทางความช่วยเหลือจากภายนอกอีกครั้งช่วงกลางเดือนมีนาคม หลังข้อตกลงหยุดยิงยาวนาน 2 เดือนยุติลง ทำให้สหประชาชาติออกมาเตือนว่า การปิดช่องทางเข้าถึงอาหารและสิ่งจำเป็นอื่น ๆ ทำให้ประชาชนกว่า 2.3 ล้านคนเผชิญภาวะหิวโหย และเป็นการใช้ความหิวโหยในการทำสงคราม ซึ่งผิดหลักสิทธิมนุษยชน