Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ศาลสวิสรับฟ้องคดีสิ่งแวดล้อม ชาวเกาะอินโดฯ ฟ้องบ.ซีเมนต์สวิสโฮลซิม
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ศาลสวิสรับฟ้องคดีสิ่งแวดล้อม ชาวเกาะอินโดฯ ฟ้องบ.ซีเมนต์สวิสโฮลซิม

23 ธ.ค. 68
15:55 น.
แชร์

วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม 2568 ศาลในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ระบุว่า จะรับฟังการพิจารณาคำร้องของชาวเกาะในอินโดนีเซียที่ยื่นฟ้องบริษัทโฮลซิม (Holcim) บริษัทปูนซีเมนต์สัญชาติสวิส ในข้อกล่าวหาว่า ดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่เพียงพอ และมีส่วนทำให้โลกเผชิญวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

ชาวเกาะอินโดนีเซียยื่นฟ้องบริษัทยักษ์ใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์

เมื่อเดือนมกราคม 2566 ชาวเกาะปารี (Pari Island) จำนวน 4 คน ได้แก่ อิบู อัซมาเนีย (Ibu Asmania), ปัก อารีฟ (Pak Arif), ปัก เอดี (Pak Edi) และปัก บ็อบบี (Pak Bobby) ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลคันตอน เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยระบุว่า บ้านเกิดของพวกเขากำลังเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมอย่างรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และบริษัทโฮลซิมล้มเหลวในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างเหมาะสม

โจทก์ทั้ง 4 คนได้รับการสนับสนุนจากองค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศ ได้แก่ Swiss Church Aid (HEKS/EPER), European Center for Constitutional and Human Rights และ Indonesian Forum for Living Environment (WALHI) โดยระบุว่า บริษัทโฮลซิมเป็นหนึ่งในผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ที่สุดของโลก และเรียกร้องให้บริษัทลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงร้อยละ 43 ภายในปี 2573 และลดลงร้อยละ 69 ภายในปี 2583 ตามลำดับ รวมทั้งเรียกร้องให้บริษัทจ่ายค่าชดเชยความเสียหาย และจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการเตรียมความพร้อมในการป้องกันน้ำท่วม

อิบู อัซมาเนียกล่าวว่า เขาและโจทก์รายอื่น ๆ รู้สึกพอใจเป็นอย่างมากต่อการตัดสินใจของศาลที่จะรับฟังการพิจารณาคำร้อง

“การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้เรามีพลังในการเดินหน้าต่อไป […] เป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับพวกเราและครอบครัวของเรา”

กลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชนที่สนับสนุนโจทก์ระบุว่า เหตุผลที่เลือกยื่นฟ้องบริษัทโฮลซิม เนื่องจากบริษัทดังกล่าวเป็นหนึ่งในผู้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รายใหญ่ที่สุดของโลก (ติด 1 ใน 50 อันดับแรก ตามข้อมูลปี 2566) และได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า “คาร์บอนเมเจอร์” (Carbon Major) ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์

บริษัทโฮลซิมดำเนินกิจการในอินโดนีเซียจนถึงปี 2562 ก่อนจะขายกิจการในประเทศดังกล่าวให้แก่บริษัทท้องถิ่น เซเมน อินโดนีเซีย (Semen Indonesia) อย่างไรก็ตาม บริษัทโฮลซิมยังคงมีประวัติการปล่อยก๊าซคาร์บอนในปริมาณมากนับตั้งแต่ปี 2493 โดยมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนสะสมรวมประมาณ 7 พันล้านตัน และใช้พลังงานฟอสซิลคิดเป็นมากกว่าร้อยละ 0.42 ของการใช้พลังงานฟอสซิลทั่วโลก ซึ่งมากกว่าปริมาณก๊าซคาร์บอนที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ปล่อยออกมาตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมถึงสองเท่า

บริษัทซีเมนต์เตรียมอุทธรณ์ ชี้ประเด็นสิ่งแวดล้อมไม่ใช่อำนาจศาล

บริษัทโฮลซิมระบุว่า มีแผนยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของศาลที่อนุญาตให้คดีดำเนินต่อไป โดยบริษัทย้ำมาโดยตลอดว่า มีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 แต่โต้แย้งว่า การกำหนดวิธีการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวควรเป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ

“โฮลซิมยังคงยืนยันว่า ห้องพิจารณาคดีของศาลไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมในการถกเถียงเกี่ยวกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ” บริษัทระบุในแถลงการณ์

การรับฟังการพิจารณาคดีครั้งนี้ของศาลคันตอน เมืองซูริก นับเป็นครั้งแรกที่ศาลในประเทศสวิตเซอร์แลนด์รับฟังคดีด้านสภาพภูมิอากาศที่มีการฟ้องร้องบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ และถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่เกิดขึ้นทั่วโลกในการผลักดันให้ประเทศที่มั่งคั่งและบรรษัทขนาดใหญ่ต้องรับผิดชอบต่อผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่ตนมีส่วนก่อขึ้น

อุตสาหกรรมซีเมนต์ หนึ่งในแหล่งปล่อยคาร์บอนหลัก

ข้อมูลจากสมาคมซีเมนต์และคอนกรีตโลก (Global Cement and Concrete Association: GCCA) ระบุว่า อุตสาหกรรมซีเมนต์มีสัดส่วนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คิดเป็นร้อยละ 7–8 ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลกในแต่ละปี

การปล่อยก๊าซจากกระบวนการผลิตประกอบด้วยการปล่อยก๊าซจากกระบวนการเผาแยกแคลซิเนชัน การเผาไหม้เชื้อเพลิงเพื่อให้ความร้อน (รวมถึงการสูญเสียความร้อน) และการเผาคลิงเกอร์ในเตาเผาแบบหมุนในกระบวนการผลิต ทั้งนี้ ขอบเขตของการคำนวณยังไม่รวมการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการใช้พลังงานไฟฟ้าของผลิตภัณฑ์

โฮลซิมระบุว่า บริษัทมุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนด้วยแนวทางที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างเข้มแข็ง และยังกล่าวด้วยว่า บริษัทสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยตรงจากการดำเนินงานของตนลงได้มากกว่าร้อยละ 50 นับตั้งแต่ปี 2015

หนึ่งในโครงการด้านสิ่งแวดล้อมของโฮลซิมคือโครงการ Carbon2Business ซึ่งมีเป้าหมายในการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) จากโรงงานของโฮลซิมที่เมืองเลเกอร์ดอร์ฟ (Lägerdorf) และนำไปใช้ประโยชน์ใหม่ในฐานะวัตถุดิบทางอุตสาหกรรม โดยตั้งแต่ปี 2029 เป็นต้นไป โครงการจะสามารถดักจับการปล่อย CO₂ ได้มากกว่า 1 ล้านตันต่อปี เพื่อให้การผลิตปูนซีเมนต์ของโรงงานเลเกอร์ดอร์ฟมีการปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ (net zero)

เกาะปารีเสี่ยงจมน้ำจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น

เกาะปารีเป็นเกาะขนาดเล็กของประเทศอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของประเทศ มีชื่อเสียงในฐานะแหล่งท่องเที่ยวที่มีหาดทรายสีขาวและน้ำทะเลสีเทอร์ควอยซ์ นอกจากการท่องเที่ยวแล้ว เกาะแห่งนี้ยังเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรราว 1,500 คน ซึ่งส่วนหนึ่งประกอบอาชีพประมง

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นเกาะที่มีพื้นที่ต่ำ โดยจุดที่สูงที่สุดของเกาะอยู่เหนือระดับน้ำทะเลเพียงประมาณ 1.5 เมตร การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจึงส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความเป็นอยู่ของประชาชนบนเกาะ

ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา พื้นที่มากกว่าร้อยละ 11 ของเกาะถูกน้ำท่วม และระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยเกาะมีความเสี่ยงที่จะถูกน้ำท่วมทั้งหมดภายในปี 2593

นอกจากนี้ ยังมีประเทศกำลังพัฒนาเกาะขนาดเล็ก (Small Island Developing States: SIDS) อีก 58 ประเทศทั่วโลก ที่กำลังเผชิญกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรงที่สุดจากภัยคุกคามของระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ทั้งที่เป็นกลุ่มประเทศที่มีส่วนรับผิดชอบต่อปัญหานี้น้อยที่สุด โดยรวมแล้วประเทศเหล่านี้มีสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียงร้อยละ 1 ของการปล่อยทั่วโลก


แชร์
ศาลสวิสรับฟ้องคดีสิ่งแวดล้อม ชาวเกาะอินโดฯ ฟ้องบ.ซีเมนต์สวิสโฮลซิม