Logo site Amarintv 34HD
Logo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
อุกภัย เทรนด์ใหม่อาเซียน หนึ่งศตวรรษน้ำท่วมอาเซียน 2,964 ครั้ง
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

อุกภัย เทรนด์ใหม่อาเซียน หนึ่งศตวรรษน้ำท่วมอาเซียน 2,964 ครั้ง

26 พ.ย. 68
15:18 น.
แชร์

“อุทกภัย” คือเทรนด์ใหม่ของอาเซียน นี่คือข้อความจากรายงาน ASEAN Socio-Cultural Community TREND REPORT: Changing Disaster Risk Landscape due to Climate Change in ASEAN ที่เปิดเผยออกมาปีนี้ รายงานพาเราศึกษาภัยพิบัติอุตุนิยมวิทยา-อุทก (hydro-meteorological) หรือภัยที่เกิดจากชั้นบรรยากาศและน้ำ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีตั้งแต่ พายุ ฝนตกหนัก ภัยแล้ง ดินถล่ม น้ำท่วม อุณหภูมิพื้นผิว

ภัยธรรมชาติเกิดขึ้นได้บ่อยขึ้นขนาดไหน แผนภาพด้านล่างคือคำตอบ

นี่คือแผนภาพแสดงภัยอุตุนิยมวิทยา-อุทกระหว่างปี 1900-2021 แบบแยกประเภทภัยพิบัติ และแยกประเทศ ซึ่งปรากฏให้เห็นว่า ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย มีจำนวนภัยธรรมชาติรวมกันกว่า 80% ของภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม บทความฉบับนี้เขียนขึ้นขณะเกิดมหาอุทกภัยภาคใต้ของไทย จึงขอศึกษาและสรุปในส่วนที่เกี่ยวกับ “อุทก” หรือน้ำเอาไว้ก่อน คือ น้ำท่วม พายุ และฝนตกหนัก ว่าในช่วงที่หลายปีหลังมีแนวโน้มเกิดมากขึ้นอย่างไร และการคาดการณ์สถานการณ์ในอนาคต 

ครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา น้ำท่วมมากขึ้นชัดเจน

จากการศึกษาด้วยศาสตร์อุตุนิยมวิทยา-อุทกจากหลายแหล่ง  (ASEAN Disaster Information Network, the Internal Displacement Monitoring Centre, and The Emergency Events Database) รายงานระบุว่า ตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เผชิญพายุ และฝนตกหนัก อันเป็นสาเหตุของน้ำท่วมได้บ่อยครั้งมากขึ้น และหนักมากขึ้น” อย่างมีนัยสำคัญ

ตั้งแต่ปี 1900 เป็นต้นมา มีภัยพิบัตอุตุนิยมวิทยา-อุทกเกิดขึ้นอย่างน้อย 1,575 ครั้ง นำโดย 2 ภัยยอดนิยม พายุและน้ำท่วม ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนปี 1900 เกิดขึ้นบ่อยครั้งอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ส่วนภัยแล้งก็ไม่น้อยหน้า 5 ปีที่ผ่านมาเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนสังเกตได้เช่นกัน และพร้อมกันนั้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังเผชิญความเสี่ยงจากระดับน้ำทะเลเพิ่มสูง 

รายงานยังได้ใช้ข้อมูลจาก ACINet ที่เผยว่า ระหว่างปี 2012-2022 มีบันทึกภัยพิบัติทางอุตุนิยมวิทยา-อุทก (hydro-meteorological disasters) เกิดขึ้นถึง 4,073 ครั้ง เป็นเหตุการณ์น้ำท่วมถึง 2,964 เหตุการณ์ และมีพายุไซโคลนอีกกว่า 88 ครั้ง ซึ่งเป็นภัยที่สร้างความสูญเสียสูงสุดของภูมิภาคนี้

ประเทศที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติน้อยที่สุดคือ สิงคโปร์ ลาว และบรูไนดารุสซาลาม แต่ถึงแม้ได้รับผลกระทบน้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2018 บรูไนก็ยังเจอน้ำท่วมครั้งใหญ่ ผลักคนให้พลัดถิ่นกว่า 94 คน ขณะที่สิงคโปร์เองมีน้ำท่วมฉับพลันในเวลาไล่เลี่ยกัน และประเทศที่เจอภัยพิบัติทางอุตุนิยมวิทยา-อุทกน้อยที่สุดอย่างลาวก็ยังมาเจอ “น้ำท่วมครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์” ไม่นานมานี้ คือน้ำท่วมใหญ่ปี 2018

มนุษย์กระทบแค่ไหน

จากภัยอุตุนิยมวิทยา-อุทกทั้งหมดในอาเซียนตลอดปี 1990-2022 มีผู้คนกว่า 202,393 คนเสียชีวิต และภัยที่เป็นเครื่องมือสังหารมากที่สุดคือ คลื่นพายุซัดฝั่งและไต้ฝุ่น 

รายงานเล่าถึงไซโคลนนาร์กิส ปี 2008 ที่คร่าชีวิตคนในเมียนมาไปกว่า 138,000 คน และไต้ฝุ่นโยลาดา ปี 2013 ที่ขึ้นฝั่งที่ฟิลิปปินส์และทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 6,300 คน และที่มีความรุนแรงอันดับ 3 คือ ไต้ฝุ่นเธลมา ปี 1991 ที่พรากไปกว่า 5,000 ชีวิต

สำหรับน้ำท่วมครั้งที่ทำร้ายเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างร้ายแรงที่สุดคือ ไต้ฝุ่นหน้ามรสุมปี 2011 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตในไทย 567 คน ในกัมพูชา 248 คน ในเวียดนาม 85 คน ในลาว 30 คน และในฟิลิปปินส์ 102 คน

หากเราขยายภาพออกจากแค่อุทกภัย แต่มาดูอุตุนิยมวิทยา-อุทก ภัยจำพวกนี้ไม่ได้เพียงคร่าชีวิต แต่ยังมีคนอีกมากเผชิญความเสียหายด้านอื่น อาทิ ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น ดังกราฟด้านล่างแสดงจำนวนผู้ผลัดถิ่นภายในประเทศด้วยเหตุภัยพิบัติอุตุนิยมวิทยา-อุทกระหว่างปี 2010-2021

แน่นอนว่าต้องมีความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ซึ่งมี “น้ำท่วม” เป็นภัยที่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินเป็นอันดับ 1 ที่สร้างความเสียหายทางการเงินให้ไทยคิดเป็นมูลค่า 49,705,047 ดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างปี 1990-2022 เหตุการณ์ที่หนักหนาที่สุดคือน้ำท่วมปี 2011 และตามมาด้วยไต้ฝุ่นโยลันดา ที่สร้างความเสียหายอีกกว่า 17,390,037 ดอลลาร์สหรัฐ

น้ำท่วมใหญ่ลาวปี 2018 นอกจากจะทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 56 คนและผู้สูญหาย 35 คน น้ำที่ไหลท่วมกว่า 2,400 หมู่บ้านและ 126,736 หลังคาเรือน ยังมีค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจอีก 371.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 20.1% GDP ลาว ซึ่งส่วนมากมาจากสาธารณูปโภคพื้นฐานที่เสียหายหนัก

ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน ที่ถล่มฟิลลิปปินส์ปี 2013 ก็เป็นตัวแทนความเสียหายที่เกิดกับภาคเกษตรกรรมได้ดี พื้นที่เกษตรกรรมมากกว่า 6,000 ตารางกิโลเมตร สูญเสียพืชผลกว่า 1.1 ล้านตัน พืชที่เสียหายมากที่สุดคือ มะพร้าว ข้าว และข้าวโพด ส่วนการปศุสัตว์และการประมงก็เสียหายจากไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนไปกว่า 626 ล้านดอลลารสหรัฐ

อีกผลกระทบต่อมนุษย์ที่ตามมาคือ การอพยพและพลัดถิ่นที่มากขึ้น  อินโดนีเซียคือประเทศที่เป็นตัวอย่างข้อนี้ได้ดี หลังน้ำท่วมใหญ่อินโดนีเซียปี 2013 ได้สั่งการให้ย้ายประชากรบริเวณอ่างเก็บน้ำ Pluit ทางตอนเหนือของจาการ์ตา เพื่อขยายพื้นที่อ่างเก็บน้ำ และยังมีการคาดการณ์ว่า จะมีคนอีกมากที่ต้องพลัดถิ่นในอนาคต 

รับมือน้ำท่วมทำอย่างไร

การเตรียมการขั้นแรกคือ การคาดการณ์ความเสี่ยงภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้น การคาดการณ์ได้ล่วงหน้าแม้จะเพียงเล็กน้อย ก็ช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงได้มหาศาล ซึ่งรายงานสรุปเป็น 4 ส่วนที่ต้องเตรียมการได้แก่ 

  1. การสร้างฐานข้อมูลจากนวัตกรรม และแนวทางปฏิบัติ เพื่อช่วยในกระบวนการตัดสินใจ ส่วนนี้รายงานแยกย่อยลงไปอีกคือ ระบบข้อมูลภัยพิบัติ, ระบบข้อมูลอุตุนิยมวิทยา, การคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศความละเอียดสูง, และแผนที่ความเสี่ยงที่บอกผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
  2. เร่งรัดการระดมเงินทุนเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  3. ขยายการสื่อสารและการรณรงค์สาธารณะ เพื่อสร้างแรงผลักดันทางการเมืองสูงสุดและความมุ่งมั่นต่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
  4. บูรณาการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติเข้ากับวาระด้านสภาพภูมิอากาศ 


แชร์
อุกภัย เทรนด์ใหม่อาเซียน หนึ่งศตวรรษน้ำท่วมอาเซียน 2,964 ครั้ง