
20 พฤศจิกายน 2568 เหลือเพียง 2 วันสุดท้าย ก่อนการประชุมสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ หรือ COP30 จะสิ้นสุดลง แต่ประธานาธิบดีบราซิล ลูอิส อีนาซียู ลูลา ดา ซิลวา ก็ยังไม่สามารถปิดดีลข้อตกลงสภาพภูมิอากาศ COP30 ได้
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีบราซิลยังคงมองโลกในแง่ดี คาดว่า 2 วันสุดท้ายอาจทำสำเร็จ เขาใช้เวลาทั้งวันในการพบปะกับคณะผู้แทนจากกลุ่มเจรจาที่สำคัญเพื่อหาทางบรรลุข้อตกลง
"ผมมีความสุขมากที่ได้ออกจากที่นี่อย่างมั่นใจว่า ทีมเจรจาของผมจะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเท่าที่การประชุม COP เคยสามารถมอบให้แก่โลกได้" เขากล่าวกับนักข่าวหลังการประชุม
แม้บราซิลพยายามอย่างมากไม่ให้การบรรลุข้อตกลงล่าช้ากว่ากำหนด แต่ข้อตกลงก็ยังไม่สำเร็จในวันพุธ และตอนนี้คาดว่าจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะถึงวันพฤหัสบดี
COP30 นำตัวแทนจากประเทศต่างๆ เกือบ 200 ประเทศมาเจอกันเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แม้ว่าในปีนี้จะไม่มีสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ตาม
ประเด็นหลักในการเจรจา COP30 คือการที่ประเทศต่าง ๆ จะตกลงที่จะพัฒนา "แผนงาน" ที่กำหนดวิธีการที่โลกจะเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ทั้งการเผาถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ที่ล้วนเป็นแหล่งหลักของการปล่อยก๊าซที่ทำให้โลกร้อน
ในการประชุมสุดยอดสภาพภูมิอากาศ COP28 ในปี 2023 เป็นการประชุมครั้งที่นานาชาติได้ตกลงที่จะดำเนินการเปลี่ยนผ่านนี้ อย่างไรก็ตามประเทศต่างๆ ยังไม่ได้กำหนดแผนที่ว่าจะเกิดขึ้นอย่างไร หรือเมื่อใด ทั้งขณะนี้ยังมีความแตกแยกเข้ามาแทรกกลาง
หลายสิบประเทศ รวมถึงเยอรมนี เคนยา และอังกฤษ ได้รวมตัวกันหนุนข้อตกลงสำหรับแผนงานเพื่อเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิล แต่เมื่อวันพุธ กลับมีประเทศไม่ถึงครึ่งในการประชุม COP30 ที่แสดงตัวสนับสนุนแนวคิดนี้
เพื่อดึงดูดประเทศอื่น ๆ สนับสนุนแนวคิดนี้ด้วย สหภาพยุโรปได้ยื่นข้อเสนอเมื่อเย็นวันพุธให้ประเทศต่าง ๆ เสนอแผนงานเพื่อจัดการการเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยได้รับคำแนะนำจากวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศที่เก่งที่สุด แต่ในลักษณะที่ "ไม่เป็นการบังคับ" (non-prescriptive) หมายความว่าจะไม่กำหนดภาระผูกพันเฉพาะเจาะจงกับแต่ละประเทศ
แม้จะมีข้อเสนอนี้ ก็ไม่ใช่ทุกประเทศจะเห็นด้วยกับแนวคิดแผนงานการเปลี่ยนผ่าน
ราล์ฟ เรเกนวานู (Ralph Regenvanu) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสภาพภูมิอากาศของประเทศเกาะในแปซิฟิก วานูอาตู เกาะที่ผู้คนแบกรับผลพวงจากวิกฤตสภาพอากาศมาก คือจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ซาอุดีอาระเบียเป็นหนึ่งในประเทศที่ต่อต้านแผนการที่จะเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิล
ซาอุดีอาระเบีย ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ไม่ให้ความเห็นเพิ่มเติม
"ผมคิดว่ามันจะยากมาก ... เพราะเรามีผู้ขัดขวาง" เรเกนวานู กล่าว
ประเทศเกาะอื่น ๆ เองก็กล่าวว่า ประเด็นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง
ประเด็นอื่นๆ ในข้อตกลงที่มีการโต้แย้ง อาทิ ข้อเสนอที่ว่าประเทศร่ำรวยจะให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ประเทศยากจนในการเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาดได้อย่างไร และยังมีช่องว่างอยู่ในคำมั่นสัญญาลดการปล่อยก๊าซ
ความขัดแย้งทางการทูตที่แขวนอยู่เหนือการประชุมสิ่งแวดล้อม ทำให้การตกลงกันของนานาชาติเป็นได้แค่ “เกือบ” บรรลุเท่านั้น