Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
SETCarbonคว้าตราอบก. เปิดฐานข้อมูลคาร์บอนกลางเชื่อมธุรกิจสู่ทุนสีเขียว
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

SETCarbonคว้าตราอบก. เปิดฐานข้อมูลคาร์บอนกลางเชื่อมธุรกิจสู่ทุนสีเขียว

18 พ.ย. 68
16:35 น.
แชร์

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำลังเร่งยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลคาร์บอนของประเทศ โดยวาง SETCarbon ให้เป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันภาคธุรกิจสู่มาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลที่เที่ยงตรง โปร่งใส และใช้ได้จริงในกระบวนการจัดการความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ แพลตฟอร์มดิจิทัลนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้คอขวดสำคัญที่ธุรกิจเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ทั้งต้นทุนการจัดทำรายงานที่สูง ความซับซ้อนของมาตรฐานสากล และข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี ซึ่งล้วนเป็นเหตุผลที่ทำให้บริษัทจำนวนมากยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลคาร์บอนได้ในระดับที่ประเทศต้องการ

การได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ตอกย้ำบทบาทของ SETCarbon ในฐานะระบบที่มีความน่าเชื่อถือและสอดคล้องกับมาตรฐานระดับสากล เช่น CFO, GHG Protocol และ ISSB การรับรองนี้ไม่เพียงยืนยันคุณภาพของกระบวนการคำนวณ แต่ยังยกระดับแพลตฟอร์มให้เป็นกลไกสำคัญในการสร้างฐานข้อมูลคาร์บอนกลางของประเทศ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำหรับการเชื่อมโยงสู่ตลาดทุน การเงินสีเขียว และการขับเคลื่อนภาคธุรกิจไทยไปสู่เป้าหมาย Net Zero อย่างเป็นรูปธรรม

SETCarbon โครงสร้างพื้นฐานข้อมูลคาร์บอนของตลาดทุนไทย

ก่อนหน้าการพัฒนา SETCarbon ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผชิญความท้าทายจากอัตราการเปิดเผยข้อมูลคาร์บอนของบริษัทจดทะเบียนที่ยังอยู่ในระดับต่ำ แม้ตัวเลขจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 342 บริษัทในปี 2565 เป็น 445 บริษัทในปี 2566 และ 516 บริษัทในปี 2567 แต่เมื่อพิจารณาบริษัททั้งหมด 915 แห่ง พบว่ามีเพียง 56% ที่รายงานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน Scope 1 และ Scope 2 ขณะเดียวกันข้อมูลที่ผ่านการรับรองจาก Third Party ก็ยังมีสัดส่วนต่ำกว่าที่ควรจะเป็น สะท้อนถึงช่องว่างด้านคุณภาพข้อมูลที่จำเป็นต่อการตรวจสอบและการใช้ประโยชน์เชิงนโยบายและการเงิน

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานพัฒนาความยั่งยืนตลาดทุน ระบุว่า ปัญหาสำคัญที่ทำให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลได้น้อยอยู่ที่ “ต้นทุนและความยาก” โดยเฉลี่ยบริษัทหนึ่งต้องใช้เงินราว 460,000 บาทต่อปีในการจัดทำรายงาน GHG ค่าต่ำสุดอยู่ที่ 100,000 บาท และสูงสุดอาจถึง 5 ล้านบาท นอกจากนี้ยังต้องใช้เวลาราว 94 วันต่อปีในการจัดทำรายงาน อีกทั้งมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น GHG Protocol, ISO และ IPCC factors ยังมีความซับซ้อนในขั้นตอนคำนวณ ทำให้หลายบริษัทที่ไม่มีระบบไอทีหรือแพลตฟอร์มรองรับไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

SETCarbon ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ โดยเป็นแพลตฟอร์มครบวงจรสำหรับการคำนวณ จัดเก็บ วิเคราะห์ และรายงานข้อมูลก๊าซเรือนกระจกบนระบบเดียวหรือ end-to-end ช่วยลดความซับซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูล และเชื่อมต่อกับระบบ e-One Report ของตลาดหลักทรัพย์ฯ จุดเด่นสำคัญคือเทมเพลทกิจกรรมก๊าซเรือนกระจกรายอุตสาหกรรม ซึ่งทำให้ธุรกิจที่ไม่มีระบบไอทีรองรับสามารถจัดเก็บข้อมูลได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับมาตรฐานสากลที่ใช้เป็นเกณฑ์การรายงานทั่วโลก

การได้รับการรับรองจาก อบก. ในหมวด “แพลตฟอร์มการรายงานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร” ช่วยยืนยันว่า SETCarbon สอดคล้องกับมาตรฐานระดับนานาชาติอย่าง CFO, GHG Protocol และ ISSB (IFRS S2) ทำให้ข้อมูลที่ผ่านระบบสามารถนำไปใช้อ้างอิงได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเข้าถึงสินเชื่อสีเขียว การออกตราสารทางการเงินด้านความยั่งยืน และการประเมินความเสี่ยงทางสิ่งแวดล้อมของนักลงทุนต่างชาติ

ปัจจุบัน SETCarbon มีบริษัทจดทะเบียนใช้งานแล้ว 299 แห่ง คิดเป็นราว 32% ของทั้งหมด และตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าภายใน 5 ปี จะมีไม่น้อยกว่า 500 บริษัทเข้าร่วม โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดให้ใช้งานพื้นฐานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือกับสถาบันการเงินหลายแห่ง เริ่มจาก EXIM Bank ต่อด้วย TTB และมีแผนขยายความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์อื่นอีกอย่างน้อยสามแห่งในปี 2569 เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลคาร์บอนเข้ากับกระบวนการปล่อยกู้และผลิตภัณฑ์ทางการเงินสีเขียวโดยอัตโนมัติ

ก้าวต่อไปในการขยายข้อมูลคาร์บอนของประเทศ

การได้รับการรับรองจาก อบก. ซึ่งมีอายุ 3 ปี ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นหนึ่งในเจ็ดองค์กรแรกในไทยที่ผ่านการรับรองประเภทนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของการยกระดับระบบข้อมูลคาร์บอนให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานระดับประเทศที่มีมาตรฐานเดียวกัน แพลตฟอร์มถูกวางบทบาทให้เป็น “ฐานข้อมูลคาร์บอนกลาง” หรือ Anchor Dataset ที่จะช่วยให้หน่วยงานรัฐ สถาบันการเงิน และภาคธุรกิจสามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้อย่างมีระบบและเที่ยงตรง ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญต่อการวางนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

สำหรับแผนพัฒนาในระยะถัดไป ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเพิ่มฟังก์ชันสำหรับการคำนวณ Emission Scope 3 ซึ่งจะทำให้สามารถติดตามการปล่อยคาร์บอนของทั้งห่วงโซ่อุปทานได้ครบถ้วนมากขึ้น พัฒนาแดชบอร์ดเพื่อให้ธุรกิจติดตามผลลดคาร์บอนเทียบกับเป้าหมายทางการเงิน และเตรียมเปิดตัว Carbon Data API เพื่อเชื่อมต่อข้อมูลกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังมีแผนขยายเทมเพลทภายใต้ GHG Protocol ให้ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม เพื่อสร้างมาตรฐานข้อมูลคาร์บอนเดียวกันทั่วประเทศ

เป้าหมายสุดท้ายคือการผลักดันให้ข้อมูลคาร์บอนกลายเป็นกลไกที่เชื่อมภาคธุรกิจเข้าสู่ระบบการเงินสีเขียวได้ง่ายขึ้น ลดต้นทุนการรายงานและเพิ่มคุณภาพข้อมูล โดยหวังให้บริษัทจดทะเบียนเปิดเผยข้อมูลในอัตราที่สูงขึ้นและเพียงพอต่อการบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 ซึ่งจะช่วยยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศในยุคที่ข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยสำคัญต่อการลงทุนจากทั่วโลก


แชร์
SETCarbonคว้าตราอบก. เปิดฐานข้อมูลคาร์บอนกลางเชื่อมธุรกิจสู่ทุนสีเขียว