AWC ฉายภาพ Sustainable Tourism and Better Future for All บนเวทีสัมมนา “A Call for Adaptation The Sustainability in Trade & Industry” ขับเคลื่อนประเทศไทย ให้เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก
คุณวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) ขึ้นเวทีสัมมนาในหัวข้อ “A Call for Adaptation The Sustainability in Trade & Industry”ภายในงาน Sustainability Expo 2025 (SX2025) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งภาพการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนภายใต้การบริหารของ AWC นั้นถือว่ามีความพร้อมในการเดินหน้าขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนเพื่อให้การท่องเที่ยวยังเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทย ให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก ผ่านบทบาทของ AWC ซึ่งได้มีโอกาสสร้างโครงการต่างๆ ในหลากหลายสถานที่ของประเทศไทย
"สิ่งที่เราคุยกันตลอดในกลุ่ม AWC ว่าเราโชคดีที่ได้ทำธุรกิจส่งความสุขและได้สร้างจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว ที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาประเทศไทย แต่สิ่งที่จะมีคุณค่าและมีความหมายสำหรับพวกเราคือ เราจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะได้ดูแลและสร้างคุณค่าที่ยั่งยืน ก็เลย Building Better Future for All ที่เป็นแพชชั่นและความมุ่งมั่นที่ AWC เชื่อว่าเราจะได้ร่วมสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน และสิ่งที่สำคัญทั้งหมดจะต้องอาศัยพลังพันธมิตร การรวมพลังจะทำให้เราสามารถเดินหน้าไปอย่างมั่นคงและยั่งยืนได้"
คุณวัลลภา ระบุว่า การสร้างโครงการคุณภาพที่รวมพลังพันธมิตรไปสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนนั้นมีสิ่งที่เป็นหัวใจหลัก 3 ข้อ เพื่อให้ Building Better Future คือเราจะต้องดูแล Better Planet , Better People และ Better Prosperity
1.Better Planet หรือการพัฒนาโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทุกด้านซึ่งในมุมอสังหาริมทรัพย์เป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่สำหรับ AWC ได้พัฒนาโครงการที่สร้างความยั่งยืนและได้รับมาตรฐาน LEED และ WELL ซึ่งเป็นมาตรฐานการพัฒนาอาคารที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมและถือว่าดีที่สุดในประเทศ เช่นโครงการโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลที่เชียงใหม่ มีการวางกลยุทธ์ของการพัฒนาที่ยั่งยืนเต็มรูปแบบ ซึ่งการพัฒนาโครงการโดยคำนึงถึงเรื่อง Better Planet แต่ละโครงการต้องอาศัยการใช้พลังงานอย่างมีคุณค่าและลดผลกระทบเชิงลบต่างๆ ต้องมองถึงกลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ลดด้านการใช้พลังงาน และมีเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
2.Better people คือการได้ดูแลชุมชนและสังคมไปด้วย นอกจากดูแลทีมงานในองค์กร สิ่งที่เป็นโอกาสสำหรับ AWC คือโครงการที่พัฒนาจะอยู่ในสถานที่ อยู่กับชุมชนต่างๆ ดังนั้น AWC จึงมีโอกาสได้รวมพลังกับชุมชน ได้ชวนพันธมิตร พาร์ทเนอร์ และซัพพลายเออร์ทั้งหลายร่วมกันเติบโต
3.Better Prosperity เป็นส่วนสำคัญที่มองถึงแผนการสร้างการเติบโตของทั้งสามส่วนนี้เพื่อที่จะ Build Better Future for our Planet คือดูแลผู้คน และสร้างความมั่งคั่งได้
คุณวัลลภา ระบุถึงการผลักดันสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์และโครงการที่จะสร้างจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว วันนี้ AWC เดินหน้าบรรลุเป้าหมายเต็มร้อยเปอร์เซนต์ในด้าน Green and Sustainability Linked Loan ทำให้สามารถเดินหน้าสร้างการเติบโตที่ตรงกลยุทธ์และมีมาตรฐาน LEED, WELL , Fitwel และ Edge ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ AWC ต้องการบอกว่า จะสร้างความยั่งยืนแบบนี้ซึ่งไม่ใช่แค่โครงการใหม่เท่านั้น แต่รวมถึงโครงการที่ AWC บริหารจัดการอย่างเอ็มไพร์ทาวเวอร์ พื้นที่ 3 แสนตารางเมตร ล่าสุดได้รับ LEED Gold มาตรฐานที่ถูกขับเคลื่อนให้มีการลดการใช้พลังงานที่ไม่สะอาด เปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆ ในอาคาร ทำให้สามารถลดการใช้พลังงานต่างๆ เช่นเดียวกับ โรงแรมอินเตอร์คอนฯที่เชียงใหม่ โรงแรมแอทธินี ถนนวิทยุก็เป็นโรงแรมแรกของโลกที่ได้รับรางวัล PLEDGE 100% เรื่องการดูแลจัดการขยะ (Waste Management) แห่งแรกของโลก
นอกจากนี้เรื่อง Circular Economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียนในมุมของอสังหาริมทรัพย์ AWC ได้เปิดโมเดลที่เรียกว่า reConcept คือ การเปลี่ยนแปลงบางโครงการให้สามารถเป็นโรงแรมที่มีมาตรฐานใหม่แล้วดึงกลุ่มลูกค้าใหม่เข้ามา สิ่งนี้เรียกว่าการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจใหม่ให้กับทรัพย์สิน ทำให้สร้างการเติบโตที่มีคุณค่า ดังนั้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าคุณภาพจากทั่วโลก AWC ต้องปรับปรุงตลอดเวลา
คุณวัลลภา กล่าวต่อว่า ในขณะที่เราดูแลผู้คนทั้งในองค์กรและผู้คนในระบบของเรา AWC ได้มีโอกาสเดินหน้าโครงการเช่น เดอะ GALLERY ซึ่งเป็นโมเดลที่ AWC เชื่อว่าจะได้เชื่อมพลังของชุมชนภายใต้คอนเซ็ปต์ Giving Art, Art of Giving นำเอาผลิตภัณฑ์ไทยที่เป็นศิลปะ ความสวยงาม งานหัตถกรรมต่างๆ ของแต่ละชุมชนมาขายในร้านเดอะ GALLERY ภายในโรงแรมแล้วต่อเนื่องไปที่ออนไลน์และเชื่อมต่อกับเครือข่ายพันธมิตรหรือพาร์ทเนอร์โรงแรมต่างๆ เป็นการขายสินค้าชุมชนขยายออกไปให้กับนักเดินทางได้เลือกซื้อ
นอกจากนี้ AWC ยังได้ร่วมมือกับ ททท. และมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ทำโครงการ Stay to Sustain ดูแลผืนป่า รักษาต้นไม้ที่มีอายุเป็นร้อยๆ ปี โดยมีการเอารายได้กลับคืนสู่ชุมชนและชาวบ้าน วิธีการคือแบ่งชาวบ้านเป็นกลุ่มๆ ออกไปดูแลป่าเป็นโซน ไปเก็บของป่าเอามาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ขายที่ เดอะ GALLERY และเมื่อสามารถดูแลรักษาป่าได้ ก็จะสามารถดูแลความหลากหลายทางชีวภาพของเราต่อเนื่องด้วย ทั้งหมดนี้เป็นโครงการที่ AWC ได้ทำมาอย่างต่อเนื่องและสามารถดูแลรักษาการเติบโตให้กับผู้บริหาร-พนักงาน
ส่วนโครงการ AWC Charity Market Around เป็นโมเดลที่ AWC ได้ดูแลรายได้กลับสู่ชุมชน ผ่านการวางแผนกลยุทธ์การเติบโตของบริษัทในการสร้างโครงการต่างๆ เป็นการสร้างงาน สนับสนุนการจัดหาสินค้าในท้องถิ่น และสนับสนุนการบริโภคในท้องถิ่น
"ตอนนี้ในแต่ละที่ที่เราไปเปิดก็จะไปสนับสนุนผลิตภัณฑ์ต่างๆ สิ่งนี้เป็นโมเดลที่เราได้เปิดในช่วงที่ผ่านมา สร้างโครงการต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า เพื่อสร้างเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว และในระยะยาวเราจะมีโครงการที่เวิ้งไชน่าทาวน์ด้วย ซึ่งขณะนี้กำลังเตรียมการอยู่"
คุณวัลลภา ได้พูดถึงโปรเจ็กต์ล่าสุดของ AWC นั่นคือ Jurassic World ที่ได้ชวน Universal Studios มาเปิดที่ไทยเพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้กับประเทศและโปรโมตการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน นอกจากเข้าไปเที่ยวในจูราสสิคเวิลด์ก็จะต่อเนื่องไปถึง HATCH Dome ที่เราจะทำต่อเนื่องเกี่ยวกับการเรียนรู้ด้านความยั่งยืน มีกลุ่มเด็กนักเรียนเด็กเล็กที่มา ทำให้ได้เห็นความน่ารักและความตื่นเต้นของเด็กๆ ที่จะได้เรียนรู้ว่าเราจะดูแลโลกของเราให้ไม่ต้องสูญพันธุ์เหมือนไดโนเสาร์ได้อย่างไร
"เที่ยวสนุกในจูราสสิคเวิลด์แล้ว ออกมาก็จะเจอกับ Better World , Better Future ที่จะมีการรวบรวมเรื่องราวมาเล่าให้ฟังว่าเราจะดูแลโลกแบบไหนจากมุมของเด็กๆ ไม่ว่าจะเรื่องการประหยัดไฟ การบริหารขยะ ใช้ของแต่ละชิ้นให้เกิดประโยชน์ ทั้งหมดเป็นโมเดลที่อยู่ในนี้ แต่ที่รวมความสนุกคือการได้เอาพาร์ทเนอร์ระดับโลก อย่างจอ 4D เทคโนโลยีที่ดีที่สุดในโลกตอนนี้ ความยาว 12 เมตร สูง 8 เมตร มาเล่าให้ฟังว่าโลกนี้สูญพันธุ์ไป 5 ครั้งแล้ว แต่ละยุคมีสัตว์ประหลาดออกมาอย่างไร ฉะนั้นจะเป็นการโปรโมตการท่องเที่ยวของเราในมุมความยั่งยืน ซึ่ง HATCH Dome จะเป็นโมเดลที่เสริมความยั่งยืนและการเรียนรู้ให้คนรุ่นใหม่"
นอกจากนี้ AWC ยังมีโอกาสได้ร่วมกับทางกรมทรัพยากรธรณี เอาฟอสซิลจริงอย่าง สิรินธรเน เป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์ที่เจอในประเทศไทย หรือไดโนเสาร์พันธุ์ล่าสุดที่บินได้ชื่อว่า การูแดปเทอรัส เจอครั้งแรกของโลกอยู่ที่เมืองไทย จึงได้มีการทำเครื่องเล่น Sky Flyer ความสูงขึ้นไปถึงกว่า 30 ชั้น ประมาณ 140 เมตร ไปบินให้เหมือนว่าเรากำลังบินอยู่กับไดโนเสาร์บินได้ของไทย ซึ่งเป็นเครื่องเล่นที่เอเชียทีคด้วยเช่นกันซึ่งเป็นการเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวยั่งยืน
สำหรับ AWC ต้นปีหน้า จะมีโครงการที่เชียงใหม่ โปรโมตเมืองส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรมและการเป็นศูนย์กลางของความยั่งยืนด้วย ต่อเนื่องไปถึงรถแทรมที่จะสนับสนุนการเดินทางทั่วเมืองเชียงใหม่ ซึ่งจะมีคาแรกเตอร์แบบล้านนา สามารถเที่ยวไปตามวัดต่างๆ ได้ในเชียงใหม่ รวมไปถึงเตรียมการสร้าง Sustainable Tourism Destinations ให้กับประเทศไทยอีกมากมาย รวมไปถึงโครงการเวิ้งไชน่าทาวน์ด้วยเช่นกัน โดยที่ AWC เชื่อว่า หากได้มีโอกาสผนึกพลังร่วมกันจะสามารถเดินทางสู่ความยั่งยืน ได้สร้างคุณค่า ได้ร่วม Build Better Future ไปด้วยกัน