Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
คุยกับ ‘มือปั้นแผนที่สารคดี’ จาก National Geographic บินร่วมงาน SX2025
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

คุยกับ ‘มือปั้นแผนที่สารคดี’ จาก National Geographic บินร่วมงาน SX2025

5 ต.ค. 68
16:38 น.
แชร์

“ก่อนทำแผนที่ ทีมงานใช้เวลาเยอะมากในการค้นคว้าข้อมูล แต่สำหรับการสร้างแผนที่ในเขตสงคราม ทีมงานก็จะเจอกับข้อมูลที่ทำให้รู้สึกสลดหดหู่ครับ ยอมรับว่ายากจะทำใจรับรู้”

นี่คือคำบอกเล่าของ ‘มาร์ติน กามาช’ เขามีตำแหน่งเป็น Chief Cartographer หรือหัวหน้าทีมทำแผนที่ จาก เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก โซไซตี (National Geographic Society) ประจำอยู่ที่สำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา แต่วันนี้ เขาขึ้นเครื่องบินลัดฟ้ามายังประเทศไทย ร่วมงาน SUSTAINABILITY EXPO 2025 (SX2025) มหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญตัวจริง ที่ได้รับเชิญให้ขึ้นเวที Workshop ในโซน SX Idea Lab บอกเล่าเบื้องหลัง ‘การสร้างแผนที่เพื่อเล่าเรื่อง’ ให้กับคนไทยจากหลากหลายสาขาอาชีพ 

มาร์ติน กามาช ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญคนเดียวบนเวที เขามาพร้อมกับ ‘อเล็กซ์ เทต’ ซึ่งเป็น The Geographer หรือ นักภูมิศาสตร์ประจำนิตยสาร เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ผู้เชี่ยวชาญอีกคนที่มาช่วยบอกเล่าถึงหลักการเล่าเรื่องผ่านภูมิสารสนเทศและศิลปะของการสร้างแผนที่ 

ทีมข่าว Spotlight มีโอกาสได้ร่วม Workshop ครั้งนี้ จึงขอคว้าตัวมาพูดคุยถึงประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นในสายงาน โดยเฉพาะการทำแผนที่แสดงเขตสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนเมื่อไม่นานมานี้ ไปจนถึงมุมมองของพวกเขาที่มีต่อกรุงเทพมหานคร และแผนที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทำความรู้จัก 2 ผู้เชี่ยวชาญด้าน Mapping

ก่อนจะไปคุยถึงประเด็นน่าสนใจ ชวนคุณผู้อ่านมาทำความรู้จักกับสองผู้เชี่ยวชาญสักเล็กน้อย มาร์ติน กามาชเข้าร่วมงานกับแนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ตั้งแต่ปี 2007 และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแผนที่จำนวนมากที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติ เขามีพื้นฐานด้านภูมิศาสตร์จากมหาวิทยาลัยออตตาวา และศึกษาต่อด้าน Remote Sensing จากมหาวิทยาลัยบอสตัน

กามาชมีความชำนาญในการผลิต “รายละเอียดบนแผนที่” ผลงานที่ผ่านมาของเขา พาเราไปสัมผัสเรื่องราวในพื้นที่ต่าง ๆ ตั้งแต่ป่ากลางเมืองในดีทรอยต์ ภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นในฮาวาย ไปจนถึงถ้ำขนาดมหึมาทั่วโลก หนึ่งในผลงานล่าสุดของเขาคือการจัดทำแผนที่สงครามในยูเครน ให้กับ National Geographic Magazine นอกจากนี้ เขายังเชี่ยวชาญในงานจัดวางตัวอักษร (typography)  การแสดงภาพภูมิประเทศ (relief depiction) และเทคนิคการใช้ระบบพิกัดต่าง ๆ เพื่อสร้างแผนที่ที่ไม่เพียงแต่ให้ข้อมูล แต่ยังเล่าเรื่องได้อย่างมีพลัง ผ่านรูปแบบมัลติมีเดียร่วมสมัย

ขณะที่อเล็กซ์ เทต ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาอาวุโสด้านภูมิศาสตร์และการทำแผนที่ให้กับทุกฝ่ายในองค์กร ตั้งแต่ผู้บริหาร ทีมวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม ทีมวิจัย รวมไปถึงทีมนักสำรวจของ National Geographic Society เขามีบทบาทสำคัญในการผลักดันนวัตกรรมด้าน GIS และเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเฉพาะในโครงการวิจัยภาคสนามอย่าง National Geographic – Rolex Expedition ปี 2019 ซึ่งเขาเป็นผู้นำในการจัดทำแผนที่ ด้วยการบูรณาการข้อมูลจากการสำรวจภาคสนาม เอกสารจดหมายเหตุ และข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียมเข้าด้วยกัน

เยือนไทยครั้งนี้ อยากทำแผนที่กรุงเทพฯ !

หลังจากการขึ้นบรรยายและพูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้เข้าร่วม Workshop ชาวไทยอยู่หลายวง ‘มาร์ติน กามาช’ เล่าว่า เขาเองก็สนุกกับการบรรยายพิเศษในครั้งนี้ไม่แพ้กัน 

เขากล่าวว่า “มันน่าตื่นเต้นมากครับที่ได้พบกับผู้ร่วม Workshop ชาวไทยวันนี้ นอกจากจะเป็นผู้บรรยายเองแล้ว ผมยังได้ฟังเรื่องเล่าของพวกเขา มีการแชร์เหตุผลว่าทำไมพวกเขาอยากมาเรียนรู้เรื่องการทำแผนที่ ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับโปรเจกต์ของพวกเขาและงานที่ทำ พร้อมกับสำรวจความคิดเห็นของพวกเขาต่อเรื่องแผนที่และการทำแผนที่ ผมเองก็ได้เรียนรู้จากพวกเขาเยอะมาก ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองด้วยครับ”

Spotlight ยังสังเกตเห็นถึงความมีชีวิตชีวาของมือทำแผนที่คนนี้ เมื่อได้เล่าถึงการเดินทางมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากที่เคยสร้างแผนที่ในโซนบ้านเรา เพื่อเล่าเรื่องเกี่ยวกับอาเซียนมาก่อน ครั้งหนึ่งทีมงานของเขาเคยเยือนประเทศฟิลิปปินส์ สำรวจมะนิลาอย่างเจาะลึก และทำแผนที่อย่างละเอียด เขากล่าวปนรอยยิ้มว่า “มันสนุกดีครับ ที่เราได้เดินทางมายังแถบประเทศที่เราเคยทำแผนที่” 

สำหรับประเทศไทย นับว่าเป็นประเทศที่กามาชเคยเดินทางมาเยือนบ้างแล้วก่อนหน้านี้ แถมยังเอ่ยปากอีกว่า ตอนนี้มีไฟในการทำแผนที่กรุงเทพมหานครอย่างมาก! เพราะครั้งแรกที่เขามาเมืองหลวงของประเทศไทยคือเมื่อหลายปีก่อน พอกลับมาครั้งนี้ เห็นความเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่ง จึงสร้างไอเดียและแรงบันดาลใจอันน่าสนุก

“ความทรงจำของผมที่ได้มาประเทศไทย ครั้งแรกก็คือ 25 ปีที่แล้วครับ มันน่าสนใจมาก ที่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของที่นี่ ผมจำได้ว่ามันมีความเป็นเมืองน้อยกว่านี้มาก พอมาอีกครั้งเจอตึกสูง ๆ เยอะขึ้นกว่าเดิมมาก เห็นแล้วก็อยากทำแผนที่เลย อยากโชว์ให้เห็นว่า ตึกสูงขึ้นเยอะขนาดไหน รถไฟใต้ดินขยายตัวขนาดไหน รวมไปถึงระบบขนส่งสาธารณะด้วย ผมว่าถ้าได้ทำแผนที่พวกนั้นคงจะสนุกดี หลังจากที่ผมได้เห็นความเปลี่ยนแปลง”

แชร์งานหิน เล่าเรื่อง ‘สงคราม’ ด้วยแผนที่

แม้จะได้เห็นมุมที่สนุกและเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจในการทำแผนที่ใหม่ ๆ แต่ไม่ใช่ทุกงานที่จะมีแค่ด้านสวยงามของเรื่องราวเท่านั้น ประเด็นสงครามนับเป็นหัวข้อสำคัญที่ เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก นำเสนอได้อย่างครบรสลงตัว และการอธิบายด้วยแผนที่เพื่อบอกเล่าเรื่องสงครามเป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้คนเข้าใจความจริงและสถานการณ์อันตึงเครียดได้ดีมากขึ้น ขณะที่การทำแผนที่แสดงความขัดแย้งสร้างผลกระทบในระดับระหว่างประเทศ จึงเป็นงานหินที่ต้องยอมรับว่า ‘ยาก’ และ ‘กดดัน’ อยู่ไม่น้อย

กามาชเปิดเบื้องหลังการทำแผนที่เล่าเรื่องสงครามว่า “บางครั้งเราก็ใช้เวลาเยอะมากในการค้นคว้าข้อมูล เพื่อทำแผนที่ในเขตสงครามสักชิ้นหนึ่ง ขั้นตอนแรกคือการค้นคว้าข้อมูล เราก็จะเจอกับข้อมูลที่ทำให้รู้สึกสลดหดหู่ เป็นข้อมูลเกี่ยวกับสงครามที่ยากจะทำใจรับรู้ครับ สำหรับการทำแผนที่ระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่นิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ได้เผยแพร่ไปเมื่อไม่นานนี้ ก็ถือเป็นงานหนึ่งที่ผมและทีมก็รู้สึกภูมิใจครับ เพราะว่ามันสร้างผลกระทบ ซึ่งในทีมเราคุยกันอยู่ตลอดเวลาว่า งานของเรามันสร้างผลกระทบเชิงบวกกับผู้คนได้อย่างไรบ้าง”

นอกจากจะเป็นชิ้นงานที่สร้างพลังใจให้ทีมแล้ว กามาชเน้นย้ำว่า คุณค่าในงานแผนที่เล่าเรื่องสงครามนั้น คือทำให้ผู้คนเข้าใจสถานการณ์โลกในตอนนี้มากขึ้นอีกนิด เมื่อผู้อ่านมีข้อมูลที่ถูกต้องและมากพอ พวกเขาก็จะสามารถนำข้อมูลมาตัดสินใจว่าจะตอบสนองต่อสงครามและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นไปในทิศทางใด ซึ่งในฐานะคนเล่าเรื่อง หน้าที่สำคัญของทีมคือการนำเสนอข้อมูลด้วยความจริงและปราศจากอคติ

สิ่งที่ยากที่สุดในการสร้างแผนที่เล่าเรื่องสงคราม

Spotlight โยนคำถามที่ว่า “อะไรคือสิ่งที่ยากที่สุด ในการเล่าเรื่องสงครามด้วยแผนที่” คำตอบชัดเจนของผู้เชี่ยวชาญจากอเมริกาท่านนี้ คือ “การอิงกับข้อมูลที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ โดยไร้ซึ่งอคติ” แม้จะเป็นหลักการพื้นฐานในการทำสื่อใด ๆ ก็ตาม แต่สำหรับเนื้อหาเกี่ยวกับสงครามนั้น นับเป็นความยากขึ้นมาอีกหลายระดับ

กามาชเล่าว่า “มันยากกว่ามาก เพราะว่าสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปได้ทุกนาที และเราเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น บางพื้นที่สงคราม ทั้งประชาชนในเขตนั้นและทีมงานเข้าไม่ถึงอินเตอร์เน็ตด้วยซ้ำ มันเลยเป็นความท้าทายเต็มไปหมดครับ” 

“จำได้ว่าตอนนั้นเราสนใจเรื่องของเด็ก  ๆ ที่ถูกลักพาตัวออกจากยูเครนไปยังรัสเซีย แล้วในขณะที่เราจะรายงานเรื่องนั้น ก็ไม่มีใครจากสหประชาชาติพร้อมที่จะพูดถึงประเด็นดังกล่าว แต่ในเวลาต่อมา เป็นจังหวะที่เรากำลังจะเผยแพร่งานแผนที่ยูเครนของเรา สหประชาชาติก็ออกมายืนยันว่ามีเหตุการณ์ลักพาตัวนี้อยู่จริง สื่อหลายสำนักก็หันมาเล่นประเด็นนี้กันหมด ตอนนั้นเราเลยเพิ่งจะมีเนื้อหาเพิ่มเข้ามาในงานของเราในท้ายที่สุด” กามาชกล่าว

กามาชทิ้งท้ายว่า นี่คือบทเรียนของคนทำสื่อในยุคนี้ ที่อาจมีประเด็นและไอเดียในการนำเสนอเรื่องราวต่าง ๆ เต็มไปหมด และการผลิตสื่อสักชิ้นขึ้นมาเป็นเรื่องง่ายกว่าแต่ก่อนมาก แต่ในฐานะคนทำสื่อมืออาชีพ “ถ้าเราไม่สามารถเก็บข้อมูลได้เลย เราปั้นเรื่องหลอก ๆ ขึ้นมาไม่ได้ เราอาจจะสามารถเริ่มโปรเจกต์ที่เราอยากนำเสนอขึ้นมาด้วยความปราถนาอย่างแรงกล้า แต่ท้ายที่สุด มันอาจจะทำไม่ได้จริง เพราะมันไม่มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือ” การเลือกไม่นำเสนองานชิ้นนั้นออกมา อาจเป็นสิ่งที่ถูกต้องมากกว่า

แชร์
คุยกับ ‘มือปั้นแผนที่สารคดี’ จาก National Geographic บินร่วมงาน SX2025