Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
RECO Collective ร่วมผลักดันนักออกแบบไทย-SME สู่โลกของ Circular Design
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

RECO Collective ร่วมผลักดันนักออกแบบไทย-SME สู่โลกของ Circular Design

1 ต.ค. 68
12:31 น.
แชร์

RECO Collective ร่วมผลักดันนักออกแบบไทยและ SME สู่โลกของ Circular Design เสริมทักษะ เครื่องมือ และโอกาสทางการตลาด จากวัสดุรีไซเคิล โดยเฉพาะ rPET สู่แบรนด์สินค้ายั่งยืน

RECO Collective แบ่งปันแพลตฟอร์มที่ช่วยผลักดันนักออกแบบไทยและ SME สู่โลกของ Circular Design เสริมทักษะ เครื่องมือ และโอกาสทางการตลาด ด้วยการเข้าถึงวัสดุรีไซเคิล โดยเฉพาะ rPET บนเวที SX Talk ภายในงาน Sustainability Expo 2025 (SX2025) มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดของอาเซียน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 กันยายน ถึง 5 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC)

จุดเริ่มต้นของ RECO Collective สู่ Circular Economy (เศรษฐกิจหมุนเวียน) และการเชื่อมโยงความยั่งยืน

นวีนสุดา กระบวนรัตน์ รองประธานร่วมฝ่ายความรับผิดชอบต่อสังคม บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อินโดรามามีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจรีไซเคิล เพราะเราอยู่ในธุรกิจนี้มากกว่า 10 ปีเพราะฉะนั้นเรารู้ดีว่าตัว PET ที่หลายคนอาจจะมองความเป็นของเสียเป็นขยะ จริงๆ แล้วมันสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ ไม่ว่าจะเป็นกลับมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์อีกครั้ง ผลิตเป็นเสื้อผ้า แต่เวลาที่เรารีไซเคิลเราตั้งคำถามกับตัวเองว่าจะทำยังไงให้การรีไซเคิลมันเป็นมากกว่าเรื่องของสิ่งแวดล้อม เป็นเรื่องของคนเรื่องของสังคมด้วย นั่นคือที่มาของ RECO Collective เพราะว่าเราอยากจะไปไกลกว่านั้นในเรื่องของการจัดการขยะ การจัดการของเสีย แต่ทำให้รีไซเคิล สร้างคุณค่าแล้วก็สร้างโอกาสให้คนในสังคม

นวีนสุดา กระบวนรัตน์ รองประธานร่วมฝ่ายความรับผิดชอบต่อสังคม บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)

ในเรื่องของ Circular Economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียน ก็จะเชื่อมโยงกับการรีไซเคิล เราเพิ่งเฉลิมฉลองความสำเร็จที่สำคัญเมื่อไม่นานมานี้ คือเรารีไซเคิล 150,000 ล้านขวดทั่วโลก ซึ่งเป็นจำนวนที่เยอะมาก หนึ่งในนั้นจะถูกนำกลับมาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับโครงการนี้ คือแฟชั่นและตัวสินค้าไลฟ์สไตล์ เราทำโครงการนี้ตั้งแต่ปี 2011 ตอนแรกเราทำโครงการรูปแบบของการประกวดที่เราเชิญดีไซเนอร์ให้มาใช้วัสดุรีไซเคิล เพื่อที่จะเปลี่ยนความคิดในเรื่องที่คนมองว่า PET เป็นของเสีย ให้นำมาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เราดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องจนถึงปีที่แล้ว มีการพัฒนาคอนเซ็ปต์ใหม่ เราดึงพันธมิตรในหลายๆ ภาคส่วนเพื่อที่ทำให้เกิดระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystems) ทำให้เกิดความยั่งยืน ช่วยสนับสนุนให้แบรนด์สามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองที่ตอบโจทย์ในเรื่องของความยั่งยืน ซึ่งเป็นเทรนด์ที่สำคัญในอนาคต ตรงนี้เองเราก็ยังคงดำเนินงานต่อเนื่อง ปีนี้เราก็กำลังคุยคอนเซ็ปต์อยู่ ในเรื่องการดึงพันธมิตรเพิ่มเติมเพื่อให้ตัว Ecosystems มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

ทุกส่วนทุกพาร์ทเนอร์มีความสำคัญที่ทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ ที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุนที่ดีจากพาร์ทเนอร์ในทุกฝ่าย อย่างเราเองเราอยู่ทางต้นน้ำ เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเราหลักๆ คือการรีไซเคิลโดยใช้เทคโนโลยีแล้วก็มาตรฐานการผลิตที่มีคุณภาพสูง เพื่อให้มั่นใจว่าตัววัสดุ rPET ที่เราผลิตได้สามารถส่งต่อไปยังดีไซเนอร์ ให้ไปสร้างสรรค์ เอาไอเดียไปสร้างสรรค์เป็นผลงาน พอดีไซเนอร์สร้างสรรค์ผลงานมันก็มีความจำเป็นที่จะต้องมีพื้นที่ที่จะจัดจำหน่าย เราก็มีพาร์ทเนอร์อย่าง Ecotopia ที่เป็นพาร์ทเนอร์ที่น่ารัก สนับสนุนกันมาตลอด มีการเปิดพื้นที่ให้ผลิตภัณฑ์อย่างของคุณหนึ่งเข้าสู่ตลาดเข้าถึงผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ตัวผู้บริโภคเองก็มีความสำคัญ ถือว่าเป็น Ecosystems หนึ่งที่ถ้าผู้บริโภคสนับสนุนสินค้าที่มาจากรีไซเคิลตรงนี้ ก็จะช่วยขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

ความแตกต่าง และจุดเด่นของ RECO Collective

กมลนาถ องค์วรรณดี ผู้อำนวยการหลักสูตร RECO Incubation Lab กล่าวว่า ส่วนของ RECO ประจักษ์ปัญหาที่ได้ทำตอนต้น คือปัจจุบันแฟชั่นมีของเสียเยอะมาก เราก็เลยกลับมาแก้ตั้งแต่ต้นทาง ก็คือตั้งแต่เรื่องของการออกแบบด้วยหลักสูตรที่จะเน้นเรื่องของ Circular design หรือ การออกแบบแบบวงจร มี Circular Economy ทำยังไงให้นักออกแบบหรือแบรนด์สามารถคิดตั้งแต่ต้นทางได้ ไม่ใช่มาแก้ปัญหาทีเดียวตอนปลายทาง ตั้งแต่เรื่องของวัสดุ โมเดลธุรกิจ การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สามารถคิดคำนึงถึงปลายทางได้ ว่าอยู่ไปมันจะใช้ได้กี่ครั้ง ซ่อมได้หรือไม่ สามารถที่จะให้บริการอื่นได้หรือเปล่า หรือว่าถอดประกอบแยกชิ้นส่วน เราจะต้องชวนนักออกแบบกลับมาคิดตั้งแต่ต้นทางต้นน้ำเลยว่าของทุกชิ้นที่ควรจะผลิตออกมาบนโลก มันน่าจะต้องคิดคำนึงถึงเรื่องนี้ อย่างวัสดุ ตัวอย่างเช่นถ้าจากเดิมเราใช้เป็นเส้นใยโพลีเอสเตอร์บริสุทธิ์ทั้งหมด หรือใช้เป็นเส้นใยที่ไม่ได้ผ่านการรีไซเคิล จะทำยังไงจะใช้เส้นใยนี้ให้มากถึง 70-80% ทดแทน อาจจะยังใช้ 100% ไม่ได้ด้วยข้อจำกัดต่างๆ อันนั้นก็เป็นเป้าหมาย แต่เราจะเริ่มยังไงให้นักออกแบบที่ไม่ได้คุ้นเคยกับการใช้วัสดุเหล่านี้เอามาทดลองพิมพ์ ย้อม ปัก เหมือนการออกแบบแฟชั่นปกติเลย แต่ว่าใช้ตัววัสดุรีไซเคิล

ในตัวหลักสูตรจะแบ่งออกเป็น 4 ช่วงใหญ่ๆ อันแรกสุดจะเป็นเรื่อง Circular design ซึ่งเป็นการสอนการออกแบบอย่างไรให้สอดคล้องกับ Circular economy มันจะไม่ใช่แค่ออกแบบผลิตภัณฑ์แล้ว แต่จะต้องออกแบบโมเดลธุรกิจด้วยว่าจะทำยังไงให้ของชิ้นนี้อยู่ในลูปการใช้งานไปได้นานๆ นอกจากนั้นเราก็จะมีแบรนด์ดิ้ง มีเรื่องจำหน่ายสินค้า แล้วก็โปรดักชั่น คือการไปคุยกับโรงงานผู้ผลิตเลย อย่างเรื่องของแบรนด์ดิ้งหรือการจำหน่ายสินค้าก็จำเป็น ถ้าเกิดว่าของที่เราทำมามันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากแต่ไม่ได้เป็นที่ต้องการของตลาด ก็เป็นของเสียเหมือนกัน เลยมองว่าจริงๆ แล้วธุรกิจปกติคือธุรกิจที่ยั่งยืนได้ ถ้าเราคิดคำนึงและคำนวณถึงความมีประสิทธิภาพต่างๆ

กมลนาถ องค์วรรณดี ผู้อำนวยการหลักสูตร RECO Incubation Lab

การเข้าร่วมกับ RECO Collective

นภัต ตันสุวรรณ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ KH EDITIONS และผู้เข้าร่วมโครงการ RECO Collective 2025 ได้เล่าถึงการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับ RECO Collective

ผมเข้าโครงการหนึ่งของ RECO แต่เป็นโครงการประกวดดีไซเนอร์ตอนที่กำลังเรียนอยู่ พอหลังจากนั้นก็เข้าไปประกวด หลังจบมาก็เลยทำธุรกิจที่มันมีความเป็นแฟชั่นมากยิ่งขึ้น เห็นว่า RECO ต่อยอดจากการประกวดกลายเป็นการสนับสนุนให้กับผู้ประกอบการที่เป็น Young Designer เพราะว่าโครงการปัจจุบันนี้มันหายากมากที่จะสนับสนุนดีไซเนอร์รุ่นใหม่ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำตามที่พี่ๆ ได้บอก ผมก็อยากก้าวเข้ามาสู่ในความเป็นพาร์ทของธุรกิจแฟชั่นและความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น โดยตัวผมเองอยากทำอะไรใหม่ๆ อยากท้าทายอยากลองแล้วมันก็จะเกิดสิ่งใหม่ๆ ที่มันเกิดความแตกต่างมากยิ่งขึ้น ผมอยากเรียนรู้ในมุมมองต่างๆ ของด้านความเป็นแฟชั่นมากยิ่งขึ้น พอมาเจอโครงการนี้ผมได้มาเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับวัสดุด้านการออกแบบเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ผมรู้สึกว่ามันน่าจะเป็นประตูบานหนึ่งที่ทำให้ผมและตัวแบรนด์ หรือคนที่อยู่ในแบรนด์ทั้งหมดได้มีความรู้ด้านความยั่งยืนมากยิ่ง ทั้งตัววัสดุ แนวคิดหรือว่ากระบวนการผลิต

อย่างตัวแบรนด์ KH เอง เราพยายามดันความเป็นไทย ทั้งในด้านหัตถกรรม ฝีมือ หรือวัสดุ มาผสมผสานกับอุตสาหกรรมเข้าด้วยกัน แต่พอมาเป็น RECO เราเลยเอาความยั่งยืนเข้ามาบวกอีกให้เกิดอิมแพคมากขึ้น เราอยากทำแฟชั่นนอกจากการสวมใส่ ให้มันมีแรงบันดาลใจในมิติใหม่ๆ ของความเป็นไทย ทางด้านวัสดุ แนวคิด หรือตัวกระบวนการเองครับ

ความแตกต่างที่ผมได้สัมผัสกับบุคลากรที่มาจากแวดวงต่างๆ เช่นทาง อินโดรามาเกี่ยวกับวัสดุ หรือกระบวนการที่ได้มาเรียนกับอาจารย์อุ้มที่เป็นกูรูด้านความยั่งยืน ผมได้เรียนรู้กับกูรูต่างๆ ไม่พอ ผมยังได้จากพี่ๆ ที่มาร่วมในโครงการปีเดียวกันมาแลกเปลี่ยนความรู้กัน สุดท้ายผมได้เจอกับทางพี่ Ecotopia หรือหน่วยงานอื่นที่ทางอินโดรามาชวนมา ทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นโครงการที่เจอทั้งกับผู้บริหาร กูรู หรือคนชั้นนำในวงการอุตสาหกรรมแฟชั่น และมากกว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นที่ได้เจอมาด้วยครับ

นภัต ตันสุวรรณ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ KH EDITIONS และผู้เข้าร่วมโครงการ RECO Collective 2025

ผมเป็นคนที่ชอบลองทำอะไรใหม่ๆ หนึ่งผมได้วัสดุใหม่เข้ามาทำงาน แต่เป็นวัสดุจากการผลิตจากอุตสาหกรรม แต่กลับไปสู่หัตถกรรมอีกรอบหนึ่ง ซึ่งเป็นงานฝีมือของชาวบ้านที่ผมทำงานร่วมกันอยู่ มันรู้สึกว่าเราได้วัสดุใหม่ที่มันดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น สองผมได้แนวคิดในการทำแบรนด์ให้มีความยั่งยืนมากขึ้น โดยตัวผมเองยังไม่ได้เป็นแบรนด์ที่ใหญ่มาก แต่ยังมีใจที่อยากทำให้มันโตขึ้น รู้สึกว่ามันช่วยซัพพอร์ตให้ผมมีแรงบันดาลใจ มีความรู้หรือว่ามีประสบการณ์ต่างๆ ในการที่จะเติบโตทั้งตัวเอง ตัวแบรนด์ ซึ่งมันช่วยตอบโจทย์ในการเป็นดีไซเนอร์รุ่นใหม่ของแบรนด์เล็กๆ ได้อยู่

ตัวผมพอเข้ามาทำแบรนด์แล้ว ทำยังไงก็ได้ให้สิ่งที่ผมทำผลิตภัณฑ์ออกไปมันมีคุณภาพคงที่แล้วก็มีคุณภาพสูงสุด สามารถรักษาความเป็นวัสดุรีไซเคิลและวัสดุใหม่ที่นำเสนอออกไป อีกความท้าทายคือผมอยากจะนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ว่าวัสดุรีไซเคิลสามารถผลักดันไปในความเป็นแฟชั่นไทยหรือแฟชั่นสตรีท ที่สามารถสวมใส่ได้จริง ใส่แล้วรู้สึกว่าเรามีทั้งความเป็นแฟชั่นและความยั่งยืนอยู่ในตัวเอง

กานต์สิริ วิชชุวิวรรธณ์ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจ DCR and Ecotopia และกลุ่มธุรกิจ Discovery Retails และ Ecotopia ในฐานะผู้ผลักดันสินค้ารักษ์โลก ได้แชร์มุมมองในการสกรีนคัดสรรโปรเจ็กต์และสินค้าที่มาโชว์เคสหรือจำหน่ายภายใต้ชื่อ Ecotopia

สำหรับ Ecotopia อย่างที่บอกว่าเราเป็นร้านรีเทลที่นำจำหน่ายสินค้ารักษ์โลกหลากหลายประเภทมาก ตั้งแต่แฟชั่น ของใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ละอย่างครอบครัวเกือบทุกหมวดหมู่ ซึ่งที่ผ่านมาเราก็เห็นดีไซเนอร์ใหม่ๆ ที่มีความสามารถในการออกแบบแล้วก็ยังให้ความสนใจกับเรื่องความยั่งยืนด้วยเป็นจำนวนมาก แต่หลายคนพอทำแล้วไม่รู้จะนำเสนอสินค้าได้ที่ไหน พอได้มาเจอกับทางอินโดรามา ซึ่งมีโปรแกรมโปรเจ็กต์ที่ดูแลในเรื่องของสิ่งนี้มายาวนานแล้วเราได้มาเข้าร่วม ปีนี้น่าจะเป็นปีที่ 3 เราไปดูตั้งแต่มีการประกวดดีไซเนอร์ ซึ่งเราเห็นว่าน่าเสียดายที่มันจะจบแค่การประกวด ก็อยากจะมีส่วนร่วมเข้ามาตรงนี้ด้วย ตัวเราเองก็เป็นแพลตฟอร์มที่นำเสนอสินค้ารักษ์โลก สินค้ายั่งยืนอยู่แล้ว การได้ทำงานร่วมกันกับทางอินโดรามาแล้วก็ดีไซเนอร์ นำสินค้ามาวางจำหน่ายที่ร้าน Ecotopia รู้สึกว่ามันดีกับทั้งตัวของเราเองที่ได้มีสินค้าใหม่ๆ มานำเสนอกับผู้บริโภค และตัวของแบรนด์เองก็จะได้เล่าถึงสตอเบอรี่เล่าความเป็นมา ว่าของเขามีเบื้องหลังอะไรให้ลูกค้าได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

กานต์สิริ วิชชุวิวรรธณ์ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจ DCR and Ecotopia และกลุ่มธุรกิจ Discovery Retails และ Ecotopia

เราเห็นผลตอบรับจากลูกค้าที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขที่ทำให้เห็นว่าผู้บริโภคให้ความสนใจกับสินค้ายั่งยืนสินค้าที่รักษ์โลกมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันจะมีราคาที่สูงกว่าสินค้าปกติอยู่ในระดับหนึ่ง เขาก็ยินดีที่จะจ่ายแพงกว่า เพราะเขาให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องความยั่งยืน เพราะตอนนี้ทุกคนก็น่าจะได้เห็นผลกระทบจากปัญหาสิ่งแวดล้อม ฉะนั้นตอนนี้ลูกค้าให้ความเข้าใจในสิ่งนี้เรียกว่าดีเลย

หลังจากที่ทำกับดีไซเนอร์มายาวนานเกือบ 10 กว่าปี เราไม่เคยกังวลเรื่องแบบเลย เพราะดีไซเนอร์ไทยเก่งมากไม่แพ้ชาติไหนในโลก ดีไซน์ออกมาแล้วสวมใส่ได้จริง แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่อยากให้ดีไซเนอร์ใหม่ๆ ลองผสานเรื่องความยั่งยืนเข้าไปอยู่ในแบรนด์ตั้งแต่เริ่มต้น อย่ามองว่ามันเป็นภาระหรือค่าใช้จ่าย แต่ให้มองว่ามันเป็นการสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ แล้วเราก็จะมีเอกลักษณ์มีคุณค่าในสิ่งที่เราเล่าได้นอกจากดีไซน์แล้วเรายังมีความใส่ใจไปถึงขั้นวัตถุดิบที่เรานำมาประกอบ มันจะสร้างความยั่งยืนแล้วดีกับผู้สวมใส่ ดีกับทางแบรนด์ ดีกับสิ่งแวดล้อมด้วย

สิ่งที่คาดหวังในอนาคตข้างหน้านี้

นวีนสุดา กระบวนรัตน์ แห่ง อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่าในมุมมองของผู้ที่ตั้งโครงการนี้ เราคาดหวังหลักๆ ตอนนี้มองเป็น 3 เรื่องหลักๆ เรื่องแรกคือเราไม่อยากให้ RECO Collective เป็นเหมือนโครงการ แต่อยากให้เป็นแพลตฟอร์มระยะยาวที่เชื่อมโยงตัวผู้ที่อยู่ในห่วงโซ่คุณค่าต่างๆ เข้าด้วยกัน ส่งเสริมดีไซเนอร์ให้สามารถมีแบรนด์มีตลาดที่ยั่งยืน

เรื่องที่สอง เราได้ยินหลายๆ ท่านพูดถึงว่าดีไซเนอร์มีความสามารถมาก เราอยากจะใช้ตัวสเกลที่เรามีในระดับโลก ลองดูว่าเราจะสามารถเชื่อมโยงผลงานไทยไปสู่ระดับสากลได้ยังไง ที่ผ่านมาตลอด 10 ปี เรามีการพัฒนานักออกแบบมากว่าพันคนตลอดทั้งโครงการ เห็นผลงานมากมายที่จับต้องได้ เป็นทั้งเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์หรือไลฟ์สไตล์ อย่างที่บอกว่าดีไซเนอร์ไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก จะทำยังไงให้เขาไปถึงจุดที่สามารถโชว์เคสความเป็นไทยในเวทีระดับสากลได้

เรื่องที่สาม เราอยากให้ตรงนี้พื้นที่ตรงนี้เป็นเหมือนที่สร้างแรงบันดาลใจในเรื่อง Circular Economy ว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้อยู่ที่สิ่งแวดล้อมแต่มีประโยชน์ต่อคน สังคม เศรษฐกิจต่างๆ มีการเชื่อมโยงในหลายๆ มิติ ทุกคนสามารถที่จะเป็นส่วนหนึ่งช่วยขับเคลื่อนใน Circular Economy ได้ ไม่จำเป็นจะต้องผู้ผลิตหรือผู้อยู่ในธุรกิจ PET เราทุกคนมีบทบาทที่จะช่วยขับเคลื่อนเรื่องนี้

ด้าน ครูอุ้ม กมลนาถ แห่ง RECO Incubation Lab กล่าวว่า จุดหนึ่งที่บอกได้เลยว่าเราแตกต่างจากที่อื่น คือในหลายโครงการที่กำลังพูดถึง Upcycling หรือรีไซเคิลต่างๆ มักจะจบที่ผลิตภัณฑ์หรือว่าโฟกัสที่โปรดักซ์ ซึ่งเรื่องของ Circular Economy ไม่ใช่เรื่องของโปรดักซ์ แต่เป็นเรื่องของระบบการคิด เราต้องถอยออกมาจากการมองผลิตภัณฑ์อย่างเดียว เป็นการคิดทั้งระบบว่าเราจะลากเส้นต่อจุดอย่างไรให้พาร์ทเนอร์ต่างๆ ได้มาเจอกันตั้งแต่ต้นน้ำ นักออกแบบ ผู้ผลิตเส้นใย กลางน้ำไปจนถึงรีเทรลที่เป็นปลายน้ำ ไม่ได้โฟกัสที่แฟชั่นอย่างเดียว RECO เรียกว่าเป็นโครงการที่เป็นพื้นที่เร่งเป็นพื้นที่หม้อแรงดันสูง ในช่วงเวลา 4-6 เดือน แล้วออกมาเลย สิ่งที่เห็นเลยว่าที่อื่นๆ ไม่ได้ทำก็คือ การเป็น Chain connector การต่อ เพราะว่าทุกคนจะมีแอเรียที่ทุกคนถนัดแต่ไม่ทำงานร่วมกัน อันนี้เป็นเพนพอยท์ขององค์กรอื่นๆ ที่เห็นว่ามันยังไม่เกิด แต่ส่วนตัวมาจากพื้นเพแฟชั่นก็เลยมาเจอกับทางอินโดรามา ก็รู้สึกว่าใช่เลย เพราะว่าน้อยบริษัทที่จะคำนึงถึงเรื่องนี้ และอนุญาตให้ไอเดียที่เราเสนอในเรื่องของการเชื่อมโยงพาร์ทเนอร์ชิปหรือคอนเนคเตอร์มันเกิดขึ้นได้จริง ที่อื่นอาจจะโฟกัสไปที่เรื่องของโปรดักซ์ วัสดุ แล้วมันไม่ได้เกิดระบบนิเวศ ก็เลยมองว่าในอนาคตมันมีจุดหนึ่งที่เมื่อกี้น้องหนึ่งบอกคือ เราไม่ได้มาเรียนเอาเนื้อหา แต่เราได้มาเจอคนอื่นในแบรนด์อื่นๆ อุ้มจะพยายามออกแบบพื้นที่ในคลาสให้มีการแชร์กันมากที่สุด เรามองว่าการเรียนการสอนเรื่องความยั่งยืนก็ต้องเปลี่ยนไปจากการเอาไดอะแกรมมาตั้งอย่างเดียว เป็นการให้ได้เห็นความท้าทายจริงว่าโอเคแบรนด์มาอยู่ด้วยกัน 10 แบรนด์ แต่ละแบรนด์ทำอะไรไปบ้าง เจอความท้าทายอะไรบ้าง แก้ปัญหายังไง อันนี้เขาแชร์กันเองหมดเลยแล้วมันเป็นพาร์ทที่ทำให้เรารู้สึกว่า ในไทยนักออกแบบต้องมีพื้นที่แบบนี้ ไม่งั้นมันจะเป็นทัศนคติเชิงแข่งขันอย่างเดียว แล้ว Circular Economy ไม่ได้เกิดจากการแข่งขัน ต้องทำงานร่วมกันด้วย อันนี้มองว่าเป็นคุณค่าหลักที่เราพยายามสร้าง แล้วก็อยากให้ทุกคนได้จากโครงการนี้

แนะนำดีไซเนอร์หรือ SME ที่อยากจะต่อยอดผลงานตัวเอง ในฐานะดีไซเนอร์เหมือนกัน

นภัต ตันสุวรรณ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ KH EDITIONS กล่าวว่า อย่างที่พี่ๆ พูดเลยดีไซเนอร์ไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก ดีไซเนอร์ไทยเก่งมากเจ๋งมาก ผมว่าดีไซเนอร์ไทยถ้าเรามองความเป็นดีไซเนอร์มาเป็นตัวต่อแล้วต่อกันไปเรื่อยๆ มันจะกลายเป็นศูนย์กลางที่แข็งแรงมากขึ้นแล้วก็ใหญ่มากขึ้น ถ้าอยากจะทำลองลุกขึ้นมาทำอะไรที่มันท้าทายมากขึ้น แปลกใหม่มากขึ้น ยังมีผู้สนับสนุนคอยผลักดันเราอยู่ก็คือโครงการนี้ครับ มันเป็นโครงการที่เขาผลักดันเราไปข้างหน้าให้โตขึ้น ให้มีความยั่งยืนขึ้น ผมว่าโครงการนี้มันสามารถช่วยสนับสนุนดีไซเนอร์ แบรนด์ หรือดีไซเนอร์ตัวเล็กๆ ให้แข็งแรงมากขึ้น ใหญ่ขึ้น ก็อยากให้ลงมือทำครับ

ด้าน กานต์สิริ วิชชุวิวรรธณ์ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจ DCR and Ecotopia ให้คำแนะนำว่า ในส่วนของดีไซเนอร์ ถ้าเกิดเข้ามาสู่ความยั่งยืนแล้วอยากจะให้สานต่อทำสิ่งนี้ให้ได้เรื่อยๆ ตลอดไป เพราะว่าพอเราเริ่ม อย่างที่บอกมันเป็นคุณค่าของเรา เป็นหนึ่งในแบรนด์ เป็นหนึ่งในความแข็งแรงของแบรนด์ อยากให้ทำ ยอมรับว่าเรื่องของต้นทุนมันมีราคาที่สูง แต่ทางเราก็ยินดีที่จะเป็นผู้นำเรื่องราวของคุณมาเล่า เพราะตอนนี้คนให้ความสำคัญ คนเข้าใจ เพราะฉะนั้นอย่าหยุดทำ ทำแล้วอยากให้ทำไปเรื่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ เพราะว่าตอนนี้ทุกฝ่ายทุกองค์กรช่วยเหลือกันในเรื่องนี้อยู่แล้วค่ะ

ข้อคิดที่อยากส่งต่อถึงทุกคน ในฐานะที่โลกของเราต้องตระหนักถึงความยั่งยืนและพอเพียง เพื่อโลก และเศรษฐกิจหมุนเวียน

นวีนสุดา กระบวนรัตน์ รองประธานร่วมฝ่ายความรับผิดชอบต่อสังคม บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่เราพูดกันมา คิดว่าเป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมสำหรับ Circular Economy ว่ามันไม่ได้จบเพียงแค่การรีไซเคิล PET แต่เรากำลังเชื่อมโยงภาคส่วนต่างๆ เพื่อให้เกิดโมเดลธุรกิจหรือเป็นตลาดที่ยั่งยืน ดังนั้นทุกคนมีบทบาทที่จะช่วยขับเคลื่อนตรงนี้ บทบาทของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป แต่ถ้าทุกคนทำพาร์ทของตัวเองก็จะช่วยผลักดันตรงนี้ให้เกิดเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น อย่างเราเองเราเป็นบริษัทที่ชำนาญในเรื่องของรีไซเคิล แต่เพียงแค่เราลำพังเราอาจไม่สามารถที่จะขับเคลื่อนไปสุดทาง ก็ต้องอาศัยพาร์ทเนอร์ต่างๆ เพราะฉะนั้นอยากจะเชิญชวนทุกคนให้เข้ามามีส่วนร่วม เพราะทุกคนสามารถที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อน Circular Economy

ด้าน กมลนาถ องค์วรรณดี ผู้อำนวยการหลักสูตร RECO Incubation Lab กล่าวว่า เรากำลังอยู่ในยุคที่ทุกคนเอาตัวรอด แต่ถ้าเราคิดถึงแต่ตัวเอง อันนี้เราไม่รอด เพราะทุกวันนี้เราเห็นว่าการสร้างคุณค่าเป็นหนทางหลักที่ทำให้มันเกิดจุดเปลี่ยนในภายหลัง เราต้องให้ก่อน สมมติเราไม่มีต้นทุน เราทำคอนเทนท์ก่อนได้ไหม เล่าอะไรบางอย่างที่เรารู้หรือไปหากลุ่มเล็กๆ หาคอมมูนิตี้เล็กๆ สร้างอะไรบางอย่างที่เป็นการแบ่งปันคุณค่าให้กัน อันนั้นมันจะพาเราไปต่อได้

กานต์สิริ วิชชุวิวรรธณ์ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจ DCR and Ecotopia ระบุว่า อยากฝากถึงผู้บริโภคว่า Ecotopia เราอยากจะเป็นที่รวบรวมให้สินค้ารักษ์โลก สินค้ายั่งยืนเข้าสู่ถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้นสะดวกขึ้นในจุดๆเดียว ก็อยากให้ลองเปิดใจกันดู เพราะในเรื่องคุณภาพ เรื่องดีไซน์ไม่ได้ด้อยกว่าสินค้าปกติ ดีกว่าด้วยซ้ำไป เพราะดีกับทั้งสิ่งแวดล้อมแล้วก็ดีต่อตัวคุณเองด้วย อยากให้ทุกท่านเปิดใจลองมาดูกัน แค่เห็นเสื้อผ้ามันก็ไม่ได้เหมือนของรีไซเคิล มันมีดีไซน์เยอะแยะ มีของใหม่ๆ มีนวัตกรรมใหม่ๆ มีอะไรได้เข้ามาลองดู ไม่ต้องมาซื้อก็ได้ มาดูก่อน เราอยากเป็นที่ที่เผยแพร่ความรู้ของเรื่องนี้ให้คนตระหนักกันมากยิ่งขึ้น

สิ่งที่อยากฝาก ผมอยากให้ดีไซเนอร์ไทยนำเสนอเรื่องราวคุณค่าแล้วก็นำเสนอความแตกต่างที่เป็นของตัวเราเองออกมาให้มันชัดเจน ให้คนทุกคนได้รู้จักเรา ได้เห็นเรา สุดท้ายอยากให้เชื่อมโยง แลกเปลี่ยนประสบการณ์ การที่เราไปเจอกันมาเพื่อจะได้ทำให้มันดูโตขึ้นแล้วก็ดูใหญ่ขึ้นให้ยั่งยืนได้ครับ นภัต ตันสุวรรณ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ KH EDITIONS กล่าว

แชร์
RECO Collective ร่วมผลักดันนักออกแบบไทย-SME สู่โลกของ Circular Design