Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
พรรคคนขาวในแอฟริกาใต้ โวยเพิ่มโควต้าจ้างงานคนดำ แบบนี้เหยียดคนขาวชัดๆ
โดย : ณัฏฐณิชา ภู่คล้าย

พรรคคนขาวในแอฟริกาใต้ โวยเพิ่มโควต้าจ้างงานคนดำ แบบนี้เหยียดคนขาวชัดๆ

7 พ.ค. 68
17:42 น.
แชร์

เมื่อวันอังคารที่ 6 พฤษภาคม สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักรายงานว่า พรรคพันธมิตรประชาธิปไตย (Democratic Alliance: DA) พรรคการเมืองใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศแอฟริกาได้ยื่นฟ้องต่อศาล คัดค้านการปรับปรุงกฎหมายแรงงาน ที่มีเป้าหมายกระตุ้นการจ้างงานคนผิวดำและกลุ่มเปราะบางกลุ่มอื่นๆ  กล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ เป็นการเลือกปฏิบัติ และอาจส่งผลต่อการลงทุนจากต่างประเทศ

กฎหมายแรงงานฉบับใหม่ของแอฟริกาใต้

การปรับปรุงกฎหมายครั้งใหม่นี้ รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานแอฟริกาใต้ สามารถกำหนดเป้าหมายการจ้างงานของคนผิวดำ ผู้หญิง และผู้พิการ ในภาคการทำงานที่รัฐบาลกำหนด และหากไม่สามารถสร้างงานกลุ่มเปราะบางเหล่านี้ได้ตามที่รัฐบาลกำหนด บริษัทจะต้องจ่ายค่าปรับ

เฮเลน ซิลล์ ประธานสหพันธ์พรรค DA กล่าวว่า กฎหมายใหม่นี้เป็น “เผด็จการ” และเป็นการเลือกปฏิบัติต่อคนกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ใช่กลุ่มเปราะบางที่กฎหมายกำหนดโควต้าให้

“งานคือสิ่งที่บริษัทที่ลงทุนในแอฟริกาใต้กำหนดขึ้นมา ระบอบแรงงานเผด็จการที่พระราชบัญญัติแก้ไขความเสมอภาคสร้างขึ้นมา จะมีแต่ไล่การลงทุนออกไป และเดาได้เลยว่าต้องเพิ่มอัตราการว่างงานแน่” ซิลล์กล่าว อ้างถึงอัตราการว่างงานซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ของประเทศ เนื่องจากแอฟริกาใต้มีอัตราการว่างงานสูงถึง 32 เปอร์เซ็นต์


เหยียดคนขาว? ทรัมป์คือต้นเหตุการคัดค้านกฎหมาย

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กฎหมายเวียนคืนที่ดินของแอฟริกาใต้ ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากรัฐบาลสหรัฐฯ ว่า การให้โควต้าคนผิวดำและกลุ่มเปราะบางในที่ทำงาน คือการ “เหยียดเชื้อชาติคนผิวขาว” อย่าง “โจ่งแจ้ง” ทั้งที่คนผิวขาว ลูกหลานชาวดัตช์และคนยุโรปกลุ่มอื่น เป็นคนกลุ่มน้อยในแอฟริกาใต้ 

กฎหมายเวียนคืนที่ดินที่ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่พอใจนั้น ให้อำนาจแก่รัฐบาลแอฟริกาใต้ในการเวนคืนที่ดินจากภาคเอกชน แต่จะทำได้เฉพาะเมื่อเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะและอยู่ภายใต้เงื่อนไขบางประการเท่านั้น และแม้ว่าจะไม่มีการกล่าวถึงสีผิวในกฎหมายเลย กลุ่มคนผิวขาวในแอฟริกาใต้กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้มุ่งเป้าโจมตีพวกเขาเป็นหลัก

ทรัมป์สัญญาว่า จะลงโทษแอฟริกาใต้ด้วยการตัดงบประมาณช่วยเหลือทั้งหมดจากสหรัฐฯ ซึ่งมีมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ งบประมาณส่วนใหญ่เป็นงบประมาณช่วยเหลือโครงการทำงานด้าน AIDS และ HIV ปีก่อนสหรัฐฯ ให้งบประมาณแอฟริกาใต้ 440 ล้านดอลลาร์ และสนับสนุนงบประมาณ 17 เปอร์เซ็นต์ของโครงการ HIV

แม้การเหยียดเชื้ชาติในแอฟริกาใต้จะเป็นปัญหาคาราคาซังมานาน แต่การตัดงบประมาณของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจเป็นอีกชนวนกระตุ้นให้มีการต่อสู้ทางกฎหมายอย่างแข็งขันมากขึ้น


Afrikaners อาฟรีกาเนอร์ คนขาวจากทวีปแอฟริกา

อาฟรีกาเนอร์ คือกลุ่มคนผิวขาว พวกเขาพูดภาษาอาฟรีกานส์ หนึ่งใน 11 ภาษาราชการของแอฟริกาใต้ และส่วนใหญ๋รวมตัวเป็นชุมชนเกษตรกรรมในประเทศ 

ชาวดัตช์เดินทางมาถึงพื้นที่นี้ในปี 1600 และต่อมาประเทศแอริกาใต้ตกเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักรในศตวรรษที่ 17  และ 18 ทำให้พลวัตด้านเชื้อชาติมีคนผิวขาวอยู่เหนือคนผิวดำมาแทบจะตลอดระยะเวลา 400 ปีหลัง

อย่างไรก็ตาม แอฟริกาใต้กำหนดให้คนผิวขาวเป็น “คนชั้นบน” อย่างถูกต้องตามกฎหมายช่วงยุคแบ่งแยกสีผิวในแอฟริกาใต้ (Apartheid) 



ยุคแบ่งแยกสีผิวแอฟริกาใต้ เลือกปฏิบัติครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์สมัยใหม่

ยุคแบ่งแยกสีผิว กินเวลาตั้งแต่ปี 1948-1994 เกิดขึ้นจากการจัดกลุ่มประชากรโดยรัฐบาลคนผิวขาวหรือชาวอาฟรีกาน โดยใช้สีผิวเป็นเกณฑ์ แบ่งเป็นคนผิวขาว คนผิวดำ คนผิวสี และคนอินเดีย (2 กลุ่มหลังมีการแบ่งแยกย่อยลงไปอีก) 

การแบ่งแยกดังกล่าวมีผลกับการดำเนินชีวิตประจำวันทุกย่างก้าว เช่น การแบ่งแยกที่อยู่อาศัย โอกาสในการทำงาน การแบ่งแยกการใช้งานโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ แม้แต่การห้ามแต่งงานหรือมีปฏิสัมพันธ์ข้ามเชื้อชาติ

ระหว่างปี 1960-1983 คนผิวดำราว 3.5 ล้านคนถูกบีบให้ต้องย้ายออกจากบ้านของตนออกไปอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยคนผิวดำ เนื่องจากกฎหมายแบ่งแยกที่พักระหว่างคนต่างเชื้อชาติ และแน่นอนว่าคนผิวขาวคือผู้ที่อยู่สูงสุดในระบบนี้ 

ยุคแห่งการแบ่งแยกยุติลง หลังการเจรจาเจรจาทวิภาคีและพหุภาคีช่วงปี 1990-1993 ที่นำมาสู่การรับรองรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวในปี 1993 และการเลือกตั้งทั่วไปแบบไม่มีการแบ่งแยกสีผิวในปี 1994 โดยมีผู้ชนะคือ เนลสัน แมนเดลา ประธานาธิบดีคนดำคนแรกในประเทศที่ประชากรมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์เป็นคนผิวดำ และพรรค The African National Congress ชนะการเลือกตั้งต่อเนื่องมาตั้งแต่นั้นจนถึงปัจจุบัน


อดีตของอีลอน มัสก์

อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีผู้นำกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล ในรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นหนึ่งในชาวแอฟริกาใต้ผู้ประสบความสำเร็จมากคนหนึ่ง เขาเกิดและเติบโตในแอฟริกาใต้ ก่อนจะเดินทางออกนอกประเทศหลังจบชั้นมัธยมศึกษาในทศวรรษที่ 1980  ขณะนั้น แอฟริกาใต้ยังยังตกอยู่ในยุคแบ่งแยกสีผิว

เขาวิพากษ์การทำงานของรัฐบาลบ้านเกิดมาเสมอ กล่าวว่า รัฐบาลแอฟริกาใต้นั้นมีนโยบาย “เหยียดคนขาว” และสนับสนุนการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุคนขาว จากกรณีการสังหารชาวไร่คนผิวขาวบางราย ข้อนี้เป็นข้อโต้แย้งหลักที่ทรัมป์และมัสก์ใช้เป็นเหตุผลชี้ว่า รัฐบาลแอฟริกาใต้เลือกปฏิบัติและเหยียดคนผิวขาว

รัฐบาลแอฟริกาใต้ประณามการสังหารดังกล่าว และกล่าวว่า การสังหารครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของอัตราอาชญากรรมในประเทศ และถือเป็นสัดส่วนน้อย เมื่อเทียบกับจำนวนอาชญากรรมทั้งหมด ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าคดีฆาตกรรมชาวไร่คนผิวขาวเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุ โดยคดีการโจมตีชาวไร่ผิวขาวมีเพียง 49 คนในปี 2023 จากจำนวนคดีฆาตกรรมทั่วประเทศกว่า 27,000 ราย

ต่อมามัสก์ยังชี้ว่า รัฐบาลแอฟริกาใต้มีกฎหมาย “เหยียดเชื้อชาติผู้ประกอบการ” หลังเขาไม่สามารถขอใบอนุญาตให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม Starlink ในแอฟริกาใต้ เนื่องจากไม่เป็นไปตามเกณฑ์ของนโยบายการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ


คนขาว-คนดำ ก็คนไม่เหมือนกันในแอฟริกาใต้

ยุคแบ่งแยกสีผิวจจบลงไปกว่า 30 ปีแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายในทางกฎหมายและทางการเมือง ว่ากันตามตัวบทกฎหมาย ไม่ว่าจะมีผิวสีอะไร ทุกคนสามารถสมัครเข้าเรียน ทำงาน และอยู่อาศัยที่ไหนก็ได้ แต่ในระดับสังคม ความเปลี่ยนแปลงอาจไมเกิดขึ้นไวอย่างนั้น การเลือกปฏิบัติเกิดขึ้นหลายมิติ และสิ่งที่เห็นได้ชัดคืออำนาจทางเศรษฐกิจระหว่างคนดำและคนขาว

ในปี 2022 ธนาคารโลก (World Bank) จัดอันดับให้แอฟริกาใต้เป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำมากที่สุดในโลก มีสาเหตุมาจากการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ โดยรายงานยังระบุว่า คนเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของประเทศควบคุมความมั่งคั่งถึง 80 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ รายงานจากมหาวิทยาลัยเดอบิโก ของสเปนในปี 2024 ยังชี้ว่า รายได้เฉลี่ยของคนผิวดำในแอฟริกาใต้หนึ่งครัวเรือนต่อเดือนอยู่ที่ 10,554 แรนด์ (18,838 บาท) ขณะที่รายได้คนผิวขาวต่อหนึ่งครัวเรือนต่อเดือนคือ 117,249 แรนด์ (209,281 บาท)

รากของปัญหาดังกล่าวมาจากความสามารถในการเข้าถึงทรัพยากรไม่เท่ากันระหว่างคนสองเชื้อชาติใหญ่ นั่นคือคนขาวและคนดำ ตัวอย่างเช่น ความสามารถในการเข้าถึงการศึกษาที่ดี เพราะโรงเรียนเอกชนในแอฟริกาใต้มักจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีกว่า และมีคุณภาพบุคลากรที่ดีกว่า และมีค่าใช้จ่ายในการเข้าเรียนมากกว่าด้วยเช่นกัน

ขณะที่โรงเรียนรัฐบาลมีคุณภาพสิ่งอำนวยความสะดวกและการศึกษาตรงกันข้าม แต่เนื่องจากกลุ่มคนขาวที่มีความได้เปรียบทางเศรษฐกิจมาตั้งแต่ก่อนยุคแบ่งแยกสีผิว ทำให้มีสามารถส่งลูกหลานเข้าเรียนในโรงเรียนที่ดีกว่าได้ และเด็กนักเรียนผิวดำยังกล่าวว่า มีการเหยียดเชื้อชาติและเลือกปฏิบัติในโรงเรียนที่เคยเป็นโรงเรียนสำหรับคนขาวเท่านั้นอีกด้วย

คนดำมีอัตราการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยต่ำกว่าคนขาวมาก โดยมีอัตราอยู่ที่ 12.8 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับคนขาวที่ 41.8 เปอร์เซ็นต์ในปี 2022 นำมาสู่อัตราการว่างงาน โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2023 นั้น คนผิวดำกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของประเทศว่างงาน 

รัฐธรรมนูญของแอฟริกาใต้เปิดทางให้มีการเลือกปฏิบัติบางรูปแบบได้ เพื่อชดเชยความอยุติธรรมที่ชาวผิวดำเคยเผชิญในยุคการแบ่งแยกสีผิว (apartheid) ที่มีการแบ่งแยกเชื้อชาติอย่างเป็นระบบ แต่การเลือกปฏิบัตินั้นต้องอยู่ภายใต้เกณฑ์ของความเป็นธรรม 

อย่างไรก็ตามพรรค DA ชี้ว่า การแก้ไขกฎหมายแรงงานครั้งนี้ไม่ผ่านเกณฑ์ดังกล่าวและ “รุนแรงเกินควร” ขณะที่รัฐบาลชี้สถิติที่เปิดเผยว่า การแบ่งแยกเชื้อชาติและเพศเป็นปัญหาใหญ่ของบประเทศ

อ้างอิง: Washingtonpost, AP, AlJazeera

แชร์
พรรคคนขาวในแอฟริกาใต้ โวยเพิ่มโควต้าจ้างงานคนดำ แบบนี้เหยียดคนขาวชัดๆ