รู้หรือไม่?ว่าร้านกาแฟในแบรนด์ Flash Coffee ไม่ได้เกี่ยวอะไรกันกับ Flash Express บริษัทขนส่งยูนิคอร์นของไทยเลย แต่แบรนด์ Flash Coffee มีความน่าสนใจเพราะแตกต่างจากร้านกาแฟทั่วไป นิยามตัวเองว่าเป็น “คาเฟ่สายเทค” เพราะเป็นธุรกิจร้านกาแฟสตาร์ทอัพสัญชาติอินโดนีเซียที่มาบุกตลาดไทยตั้งแต่ปี 2020 ปัจจุบันมีสาขา 88 แห่งในไทยแล้ว ถอดโมเดลคาเฟ่สายเทครายนี้กันหน่อยว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร
Flash Coffee ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 โดย เดวิด บรูเนียร์ และ เซบาสเตียน ฮานเนคเคอร์ เปิดตัวครั้งแรกในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย จุดเด่นคือเป็น Specialty Coffee คือกาแฟพิเศษที่มีความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการผลิต กาแฟได้แชมป์การันตี คุณภาพดี ราคาเข้าถึงได้เริ่มต้นแก้วละ 40 บาท จนทำให้มีหลายบริษัทมาร่วมลงทุนให้กับคาเฟ่สายเทครายนี้ ไม่ว่าจะเป็น Rocket Internet (ผู้ที่เคยลงทุนให้ Lazada และ Foodpanda), Delivery Hero, White Star Capital, CX Ventures, Global Founders Capital และ Conny & Co.
โมเดลธุรกิจของสตาร์ทอัพ Flash Coffee รายนี้คือเน้นบริการ ซื้อกลับ และเดลิเวอรี่มากกว่าจะมานั่งทานที่ร้าน เหมาะกับลูกค้าคนทำงานที่เร่งรีบ และได้เสียงตอบรับดีในสถานการณ์โควิด19 โดยมีการใช้แอปพลิเคชั่น Flash Coffee เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อเครื่องดื่มได้อย่างรวดเร็ว สะดวก แทบไม่ต้องออกจากบ้าน
ล่าสุดขยายความร่วมมือไปจับมือกับบริษัทขนส่งอย่าง แพนดาโก จากฟู้ดแพนด้า พันธมิตรแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่แบบ ออนดีมานด์ ซึ่งคุณพันธุ์ไพบูลย์ ลีนุตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ Flash Coffee ประเทศไทย บอกว่า ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการจัดส่งถึงที่ได้ทันทีจากหน้าเมนูหลักบนแอป จากนั้นจึงกดเลือกเครื่องดื่มเมนูโปรด วิธีการชำระเงิน แล้วรอรับสินค้าแบบส่งตรงถึงมือได้เลยง่ายๆ ถือเป็นความคืบหน้าในการพัฒนาแอป และได้ต่อยอดความตั้งใจของแบรนด์ที่มุ่งมั่นผลักดันกาแฟ Specialty ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และยังตอบรับกับเทรนด์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่อัตราการใช้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่เติบโตอย่างรวดเร็ว”
สำหรับ Specialty Coffee คือ กาแฟพิเศษ ที่วัดกันตั้งแต่เมล็ดกาแฟจนถึง Process ทุกอย่างเมล็ดกาแฟที่เป็น Specialty Coffee ต้องเป็นเมล็ดที่ชงออกมาแล้วผ่านกระบวนการคัด คั่ว บด กลั่น ชง จนได้กาแฟที่มีรสชาติดี ได้รับการรับรองว่ามีคุณภาพจากนักชิมที่มีความเชี่ยวชาญ ที่เรียกว่า Cupper หรือ Q – Grader โดยมีการทดสอบว่าในเรื่องกระบวนการผลิตเมล็ดกาแฟ การทดสอบคุณภาพ การทดสอบกลิ่นและรสชาติ และต้องได้คะแนน 80 คะแนนขึ้นไป ถึงจะเรียกว่า Specialty Coffee ได้
หลายร้านกาแฟในประเทศไทยตอนนี้ฮิตกันมากและพยายามชูจุดเด่นความเป็น Specialty Coffee เพราะเป็นการทำให้แบรนด์มีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง และให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพของกาแฟ สำหรับมูลค่าตลาดกาแฟในประเทศไทยปี 2563 อยู่ที่ 42,537 ล้านบาทแม้จะเจอสถานการณ์โควิด19 แต่ก็ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องทั้งกาแฟสด และกาแฟสำเร็จรูป ด้วยพฤติกรรมของคนไทยนิยมดื่มกาแฟเพิ่มมากขึ้นหากเทียบกับในอดีต
ที่มา
เรื่อง Specialty Coffee