การเงิน

ถ้าน้ำมันแพงขนาดนี้ มาเกาะเทรนด์รถ EV กันดีกว่า

10 ก.ค. 65
ถ้าน้ำมันแพงขนาดนี้ มาเกาะเทรนด์รถ EV กันดีกว่า
ไฮไลท์ Highlight

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกในไตรมาสแรกของปี 2565 เพิ่มขึ้นเกือบ 120% ตามการประมาณการของ EV-volumes.com โดย Nio XPeng และ Li Auto ซึ่งเป็นค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของจีน ได้ส่งมอบรถ EV สูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เช่นเดียวกับ Tesla ที่ยอดส่งมอบรถยนต์สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ถึง 310,000 คันในไตรมาสแรก แม้ว่าราคา EV จะปรับเพิ่มขึ้นตามต้นทุนการผลิต แต่ความต้องการ EV ก็ยังเพิ่มสูงขึ้น เพราะนอกจาก EV จะเป็นยานยนต์แห่งโลกอนาคตแล้ว คนซื้อรถยังต้องการ หนีจากราคาน้ำมันที่แพงลิบในเวลานี้ด้วย

ยามนี้ผู้ใช้รถคงกุมขมับกับค่าน้ำมันที่ต้องจ่ายทุกครั้งที่เข้าปั้ม รู้ทั้งรู้ว่าราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น แม้จะปรับลดลงมาบ้างแต่ก็อดตกใจกับ ตัวเลขที่สูงปรี๊ดไม่ได้อยู่ดี  และไม่ใช่แค่ราคาน้ำมันเมื่อคุณไปเดินตลาดก็จะได้ยิน ทั้งคนขายและคนซื้อบ่นกันอื้ออึง อะไรๆ ก็แพงไปหมด แม่ค้าร้านข้าวแกงหรือก๋วยเตี๋ยวต่างก็ขอปรับราคาขึ้น เห็นสีหน้าแล้วก็ต้องทำใจจ่าย เพราะต้นทุนทุกอย่างปรับขึ้นมากจากราคาน้ำมันนั่นเอง

 

‘สงคราม’ ชนวนเหตุดันราคาน้ำมันพุ่ง

 

ราคาน้ำมันในตลาดโลกส่งสัญญาณปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ก่อนรัสเซีย จะลุกขึ้นมาบุกยูเครน เสียอีก ตอนนั้นที่ราคาน้ำมันเริ่มมาสะกิดทักว่า “ฉันจะขึ้นละนะ” เพราะมีแรงผลักดัน จากเศรษฐกิจโลก ที่เริ่มฟื้นตัว นำโดยมหาอำนาจยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาและยุโรป ทั้งยังเกิดปรากฏการณ์อีกหลายๆ อย่างที่บ่งบอกถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาขาดแคลนทั้งแรงงานและวัตถุดิบ ในภาคอุตสาหกรรม จนทำให้กระบวนการผลิตสินค้าต่างๆ ทั่วโลกชะงักงันกันหมด หรือที่เรียกกันว่า Supply Disruption นั่นเอง

 

เมื่อวัตถุดิบขาดแคลน ราคาก็เพิ่มขึ้นตามหลักอุปสงค์และอุปทานนั่นแหละครับ ถ้าจำกันได้ในตอนนั้น ราคาเหล็กขึ้นนำมาก่อน ต่อมาก็เกิดขาดแคลนชิปในสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และรถยนต์ ใครที่จองซื้อสินค้าในตอนนั้นต้องรอเวลาส่งมอบจนแทบลืมกันไปเลยทีเดียว ลามไปถึงสินค้าโภคภัณฑ์ และสินค้าเกษตรหลายๆ รายการที่ยพาเหรดกันขึ้นราคา ทางด้านตลาดแรงงาน อัตราค่าจ้างค่าแรงชาว อเมริกัน​ ก็เริ่มขยับขึ้น ล้อกันไปกับปัญหาขาดคนทำงานหลัง Covid-19 คลี่คลาย และเริ่มกดดันเงินเฟ้อ ให้ทะยานตามมา

istock-1387476444 

กระทั่งเมื่อสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนปะทุขึ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลง ยิ่งดันเงินเฟ้อให้เร่งสปีดขึ้นไปอีก ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ถีบตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันและทองคำ คุณได้เห็นภาพผู้คนที่ฝ่า Covid-19 ออกมาต่อคิวขายทองกันยาวเหยียด นำความคึกคักกลับมาสู่ ย่านเยาวราชอีกครั้ง ถึงตอนนี้ราคาทองคำจะถอยกลับลงไปแล้ว แต่ราคาน้ำมันยังคงเดินหน้า ขึ้นต่อเนื่องแบบไม่แยแสคนใช้รถเลยสักนิด จนทำให้หลายๆ คนไม่กล้าจะออกเดินทางไกล เพราะจะไปไหนทีก็กังวลว่าน้ำมันแพงมาก

 

เลี้ยวรถเข้าปั๊ม เหลือบมองป้ายราคา ปวดใจจี๊ดขึ้นมาทันที ราคาน้ำมันวันนี้ลิตรละ 30-50 บาทเข้าไปแล้ว ส่วนราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกแม้จะแกว่งๆ อยู่บ้าง ขึ้นอยู่กับทั้งสถานการณ์สงครามและเศรษฐกิจ แต่ราคาก็ยังยืนหนึ่งที่เลขสามหลักอยู่แถวๆ 100-110 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

'เงินเฟ้อ' ขึ้นโหดเหมือนโกรธสงคราม

ตัวเลขเงินเฟ้อของประเทศพัฒนาแล้วในฝั่งตะวันตกยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเงินเฟ้อสหรัฐอเมริกา เดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 8.6% จนกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ต้องใช้ยาแรงด้วยการ ขึ้นดอกเบี้ยรวดเดียว 0.75% เพื่อหวังกดเงินเฟ้อลงมาให้ได้ และคาดว่า Fed จำเป็นต้องอัดยาแรงด้วยการขึ้น ดอกเบี้ยต่อเนื่องไปอีกหลายๆ โดส เพื่อเอาชนะโรคเงินเฟ้อที่กำเริบให้จงได้

 

ขณะที่เงินเฟ้อของประเทศในกลุ่มยูโรโซนก็ไม่น้อยหน้า อยู่ที่ 8.1% ในเดือนพฤษภาคม และ Eurostat คาดว่า จะอยู่ที่ 8.6% ในเดือนมิถุนายน ขณะที่เงินเฟ้อของอังกฤษและเยอรมนีในเดือนพฤษภาคม อยู่ที่ 9.1% และ 7.9% ตามลำดับ ซึ่งอัตราเงินเฟ้อของเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ฝั่งตะวันตกเหล่านี้ได้ขึ้นมาทำสถิติสูงสุด ในรอบกว่า 40 ปีกันถ้วนหน้า

 เงินเฟ้อ

เงินเฟ้อ ค่าครองชีพ ราคาสินค้าและบริการที่เดินหน้าขึ้นกันรัวๆ สร้างปรากฎการณ์ ‘ย้ายประเทศ’ ให้เห็นกันทั้งในประเทศพัฒนาและในประเทศกำลังพัฒนาด้วย คุณจะเห็นกระแสข่าวการย้าย ข้ามแดนของเศรษฐีแคลิฟอร์เนียไปยังเม็กซิโก เพื่อลดความตึงเครียดจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น อยากใช้ชีวิตสบายๆ ในเม็กซิโก ในทางกลับกันคนเม็กซิกันก็ข้ามพรมแดนมาแสวงโชคในสหรัฐอเมริกา เพื่อหวังรายได้เพิ่มขึ้นในยุคข้าวยากหมากแพง

 

หลายๆ ประเทศกำลังพัฒนา ประสบปัญหาค่าแรงถูก ค่าครองชีพแพง เงินเฟ้อพุ่ง มาก่อนหน้ายาวนานและยังคงเผชิญปัญหาอันหนักหน่วงนี้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นเลบานอนที่เงินเฟ้อทะยาน ขึ้นไปถึง 221% เวเนซุเอลา 167% ตุรกี 73.5% อาร์เจนตินา 60.7% อิหร่าน 39.3% ศรีลังกา 39.1% รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างลาว ที่เงินเฟ้อขึ้นมาสูงสุดในรอบ 15 ปี อยู่ที่ 12.8% เรียกได้ว่าทำให้รายได้คนหายไปถึงครี่งหนึ่งเลยทีเดียว คนที่เคยเงินเดือน 6,000 บาท ตอนนี้น่าจะเหลือมูลค่าเพียง 3,000 บาท

 

นอกจากข้าวของแพง มูลค่าเงินในกระเป๋าหดหาย ลาวยังต้องเจอกับปัญหาสินค้าขาดแคลนอีก คุณคงเห็นข่าวคนลาวต่อคิวเติมน้ำมันจนแถวยาวเป็นกิโล และมีเพื่อนบ้านของเราจำนวนมาก ที่เดินทางเข้ามาหางานทำและใช้ชีวิตในไทยมากขึ้น หลังประสบปัญหาน้ำมันและข้าวของที่แพงลิบ

 

คาด 'เงินเฟ้อไทย' พีคไตรมาส 3

หันมาดูที่ไทยเรากันบ้าง ว่าช็อกแล้วกับตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนพฤษภาคม ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ประกาศออกมาที่ 7.1% แต่ยังสูงได้อีก เมื่อเลขที่ออกในเดือนมิถุนายนขึ้นไปถึง 7.66% ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) ยังคงคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อไทยจะขึ้นไปพีคในไตรมาส 3 ปีนี้ หลังจากนั้นจะค่อยๆ ลดลงมาได้ โดยสาเหตุหลักก็มาจากราคาน้ำมันและอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างที่คุณประสบอยู่นี่แหละครับ อาหารจานหลักเมนูแห่งชาติอย่างข้าวราดผัดกะเพราไก่ เพิ่มไข่ดาว แบบพิเศษ ราคากลางตอนนี้ก็ขึ้นมา 60 บาทแล้ว

 

ถ้าแบงก์ชาติมองว่า เงินเฟ้อไทยจะขึ้นมาพีกในไตรมาส 3 ซึ่งบางเดือนอาจวิ่งไปถึง 8% ก็ต้องมาลุ้นกันอีกที ว่าดัชนีราคาข้าวผัดกะเพราจะปรับตัวขึ้นต่อหรือไม่ แต่ที่รู้แน่ๆ คือ เงินในกระเป๋าคุณมีแต่จะลดลง ตราบใดที่เงินเฟ้อยังทวีความรุนแรงอยู่ครับ

 

สถานการณ์น้ำมันแพงแบบนี้ ทำให้หลายๆ คนทิ้งรถไว้บ้านและหันไปใช้รถสาธารณะมากขึ้น หรือบางคนที่มีกำลังซื้อขึ้นมาหน่อยคงกำลังเล็งๆ รถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV อยู่ เพราะไม่ว่าจะช้าจะเร็ว เทรนด์ EV ก็มาแน่นอน ดูได้จากงานมอเตอร์โชว์ล่าสุดที่จัดขึ้นช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา คุณได้เห็นยอดจอง EV กับคึกคัก โดยคิดเป็น 10% ของยอดจองทั้งหมดตลอด 12 วันที่จัดงาน รวมยอดจองที่ 31,896 คัน

 

ถนนสายยานยนต์มุ่งหน้าสู่ 'EV'

เช่นเดียวกับทิศทางตลาดโลก อุตสาหกรรมรถยนต์กำลังมุ่งสู่ถนนสาย EV และเป็นไปในทิศทางเดียวกับ ผู้ผลิตรถยนต์จากมหาอำนาจทางเศรษฐกิจทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นค่ายยุโรป ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา หรือจีน ต่างออกมาประกาศจุดยืนที่จะหยุดการจำหน่ายรถยนต์สันดาปภายในช่วงปี 2573-2578

 รถEV

 

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกในไตรมาสแรกของปี 2565 เพิ่มขึ้นเกือบ 120% ตามการประมาณการของ EV-volumes.com โดย Nio XPeng และ Li Auto ซึ่งเป็นค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของจีน ได้ส่งมอบรถ EV สูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เช่นเดียวกับ Tesla ที่ยอดส่งมอบรถยนต์สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ถึง 310,000 คันในไตรมาสแรก แม้ว่าราคา EV จะปรับเพิ่มขึ้นตามต้นทุนการผลิต แต่ความต้องการ EV ก็ยังเพิ่มสูงขึ้น เพราะนอกจาก EV จะเป็นยานยนต์แห่งโลกอนาคตแล้ว คนซื้อรถยังต้องการ หนีจากราคาน้ำมันที่แพงลิบในเวลานี้ด้วย

 

เนื่องจากสถานการณ์สงครามที่ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้น กระทบต่อต้นทุนการผลิตในอุตสาหกรรมรถยนต์เช่นกัน โดยต้นทุนเฉลี่ยของเซลล์แบตเตอรีลิเธียมไอออน ที่ทำให้รถยนไฟฟ้าแตกต่างจากรถยนต์สันดาปภายใน ได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ราว 160 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อกิโลวัตต์ ในไตรมาส 1 ปีนี้ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 105 ดอลลาร์ต่อกิโลวัตต์ ขณะเดียวกันการใช้งานแบตเตอรีลิเธียมยังเพิ่มขึ้นทุกปี ค่ายรถ EV หลายๆ บริษัท มีแผนขยายธุรกิจไป ผลิตแบตเตอรีลิเธียมเอง ทำให้ ‘หุ้นลิเธียมและแบตเตอรี’ กลายเป็นที่สนใจจากนักลงทุนทั่วโลก และกลายเป็นธีมเมกะเทรนด์ที่มีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต

 

เกาะกระแส EV ลงทุน 'หุ้นลิเธียมและแบตเตอรี่'

เมื่อพูดถึงธุรกิจแบตเตอรี ไม่ได้มีเพียงอุตสาหกรรมรถยนต์ EV เท่านั้น สิ่งที่ใกล้มือ หรือเรียกได้ว่าอยู่ติดตัวผู้บริโภคมากที่สุดในตอนนี้คือ สมาร์ตโฟนและพาวเวอร์แบงก์ ที่หลายๆ คนพกพาติดตัวทุกวัน บางคนอาจมากกว่า 1 ก้อนด้วยซ้ำ เพราะสมาร์ตโฟนกลายเป็นปัจจัยที่ 5 หรืออวัยวะที่ 33 ของร่างกายไปแล้ว และไม่ใช่แค่ขาดไม่ได้ แต่ต้องพร้อมใช้งานตลอดเวลาด้วย

 

ส่วนประกอบหลักของแบตเตอรีที่นิยมใช้กัน คือ แร่ลิเธียม ก่อนจะแปรรูปมาเป็นลิเธียมไอออน (Lithium-ion) เป็นสารคุณภาพสูงของแบตเตอรี ที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้หลายๆ ครั้ง ซึ่งถูกเรียกกันในชื่อ ถ่านชาร์จ (Rechargeable Battery) เป็นนวัตกรรมที่ถูกใช้มาตั้งแต่ปี 2513 และถูกพัฒนาประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง มานานกว่า 50 ปี เพื่อใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายๆ ประเภท

 

 istock-1306920005

 

ที่สำคัญ คือ แนวโน้มการใช้สมาร์ตโฟนทั่วโลกยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยปัจจุบันจำนวนผู้ใช้สมาร์ตโฟน ทั่วโลกอยู่ที่ 6,648 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 83.72% ของประชากรที่ใช้งานโทรศัพท์มือถือทุกประเภท และคาดว่าจะเพิ่มถึง 7,330 ล้านคนในปี 2025 ซึ่งจะเป็นปัจจัยเร่งให้อุตสาหกรรมแบตเตอรีลิเธียม เติบโตตามไปด้วย นอกจากนี้ สาเหตุที่หลายๆ ธุรกิจหันมาใช้แบตเตอรีลิเธียม คือ คุณสมบัติในการจ่ายไฟที่ แรงและคงที่อยู่ตลอดเวลา มีระยะเวลาการชาร์จไฟจนเต็มความจุเร็วกว่า และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า แบตเตอรีประเภทอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

 

แบตเตอรีลิเธียมได้กลายมาเป็นหัวใจหลักในการผลิตรถ EV ซึ่งเป็นรถยนต์พลังงานสะอาด และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหลายๆ ประเทศ เพราะการใช้รถยนต์น้ำมันหรือเครื่องยนต์ สันดาปภายในที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน มีส่วนทำให้เกิดภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศทั่วโลก ขณะที่พลังงานสะอาดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเมกะเทรนด์โลก ตอบโจทย์ ESG (Environmental, Social, Governance) ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ทั่วโลก โดยสหภาพยุโรป (EU) อยู่ระหว่างร่างกฎหมายเพื่อ ยุติการจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์​สันดาปภายในตั้งแต่ปี 2578 เป็นต้นไป

 

แต่ต้องยอมรับว่า ราคา EV ไม่เบาเลยนะครับ แม้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันได้ก็จริง แต่ในภาวะที่เงินเฟ้อสูง ข้าวของที่ต้องใช้ราคาเพิ่มขึ้น คนที่ยังกังวลกับเงินในกระเป๋า ย่อมอยากสร้างความอุ่นใจขอเก็บเงินไว้กับตัวมากกว่าจะจับจ่ายหรือลงทุนก้อนใหญ่ ขอศึกษาดูใจรถยนต์ไฟฟ้าไปอีกสักระยะก่อน

 

แต่ถ้าคุณเป็นทั้งผู้บริโภคและนักลงทุน ที่จะไม่ยอมให้เงินเฟ้อมากัดกร่อนเงินในกระเป๋าของคุณอยู่ฝ่ายเดียว คุณยังมีโอกาสสร้างความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น ด้วยผลตอบแทนจากการลงทุนที่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ แม้ผลตอบแทนจากการลงทุนอาจไม่ได้วิ่งเข้ากระเป๋าของคุณทันทีในวันนี้ เพราะการลงทุน เพื่อรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ‘ต้องใช้เวลา’ แล้วการลงทุนแบบไหนที่จะตอบโจทย์ในยุคเงินเฟ้อสูง น้ำมันแพง

 

ดังนั้นโอกาสในการลงทุนในหุ้นลิเธียมและแบตเตอรี ที่อยู่ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และ EV ซึ่งล้วนอยู่ในเมกะเทรนด์ของโลกและมีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต Thematic ETF ที่ลงทุนในหุ้นลิเธียมและแบตเตอรี อย่าง Global X Lithium & Battery Tech ETF (LIT) ซึ่งรวบรวมบริษัทที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานแบตเตอรีลิเธียม ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำทั่วโลก ซึ่ง 5 ประเทศที่ LIT มีสัดส่วนการลงทุนมากที่สุดคือ จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย

 

โดย LIT กระจายการลงทุนไปในอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างครบวงจร เช่น ขุดและเจาะเหมืองแร่ลิเธียม ไปจนถึงผลิตแบตเตอรีลิเธียม ซึ่งเมื่อย้อนดูผลตอบแทนยังสู้ได้ในภาวะตลาดหุ้นขาลงเช่นนี้ โดยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนอยู่ที่ 0.26% แต่หากย้อนหลัง 3 ปี จะอยู่ที่ 181.89% (ข้อมูล จาก https://jitta.co/3AukHx0 ณ วันที่ ​6 กรกฎาคม 2565 ) ถือเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน ที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต เยียวยาจากเงินเฟ้อที่ทำร้ายคุณอยู่ในวันนี้

 

หากวันนี้คุณจะยังไม่มีทุนทรัพย์พอที่จะซื้อรถ EV สุดล้ำ มาช่วยลดภาระค่าน้ำมัน ลองมองหาการลงทุนแห่ง โลกอนาคตที่เกาะไปกับเทรนด์ของ EV อย่างหุ้นลิเธียมและแบตเตอรี เชื่อสิว่าอีกไม่นานพอร์ต ของคุณจะโตพอที่จะคว้ารถ EV คันงามมาเป็นของคุณได้ไม่ยากเลย

ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์

ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. จิตตะ เวลธ์ จำกัด

advertisement

SPOTLIGHT