บมจ.มากุโระ กรุ๊ป (MAGURO) หนึ่งในผู้นำธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น-เกาหลี พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันนี้ (5 มิ.ย.67) เป็นวันแรก พุ่งเหนือจอง 44.65% เทียบราคา IPO 15.90 บาท/ หุ้น นักลงทุนเชื่อมั่นพื้นฐานแกร่ง รายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด และพร้อมเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง ปักธงปีนี้ไม่น้อยกว่า 11 สาขา
นายเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO เปิดเผยว่า บริษัทเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันนี้ (5 มิถุนายน 2567) เป็นวันแรก ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม
โดยเปิดการซื้อขายที่ 23.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.10 บาท หรือ 44.65% เทียบราคา IPO ที่ 15.90 บาท/หุ้น สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อแบรนด์ของบริษัทฯ ที่เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น-เกาหลี และได้รับการยอมรับจากลูกค้ามายาวนานกว่า 9 ปี
รู้จัก 3 ร้านอาหารในเครือ MAGURO Group
MAGURO มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจร้านอาหารที่มีคุณภาพ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ และสร้างความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า ภายใต้ปรัชญาการให้มากกว่าที่ขอ หรือ Give More ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการให้บริการแก่ลูกค้าในทุกด้าน
ทำให้ปัจจุบัน MAGURO มีร้านอาหารในเครือทั้งหมด 3 แบรนด์ รวม 26 สาขา คือ
1.MAGURO
: ร้านอาหารญี่ปุ่นและซูชิที่มุ่งเน้นการใช้คุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น 14 สาขา
2.SSAMTHING TOGETHER
: ร้านปิ้งย่างเกาหลีระดับพรีเมียม 6 สาขา
3.HITORI SHABU
: ร้านชาบูและสุกี้ยากี้หม้อเดี่ยวสไตล์คันไซต้นตำหรับ 6 สาขา
เปิดแผนงานหลังได้รับเงินระดมทุน
-
นำไปสร้างแบรนด์ใหม่
-
ขยายสาขาเพิ่ม ไม่น้อยกว่า 11 สาขาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในปี 67
-
นำเงินไปปรับปรุงสาขาเดิม ครัวกลาง และระบบ IT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และรองรับการขยายตัวของจำนวนสาขาของบริษัทฯ
-
เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ ขยายกิจการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
MAGURO แข็งแกร่งจาก loyalty customers
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เผยว่า “เชื่อว่า MAGURO จะเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโต จากการที่บริษัทมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง มียอดผู้ติดตามบน Social Media มากกว่า 500,000 ราย และมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นสมาชิก (Membership) กว่า 145,000 ราย ซึ่งในปี 2566 สมาชิกดังกล่าวสามารถสร้างรายได้ให้กับ
บริษัทได้กว่า 54.36% แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ อีกทั้ง ยังเป็นฐานสำคัญสำหรับการสร้างแบรนด์ใหม่ในอนาคต”
ทั้งนี้ ถือเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน Holistic Impact Pte. Ltd ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมที่ยังคงถือหุ้นอยู่ในบริษัท และนักลงทุนสถาบันที่ดำเนินการซื้อ-ขายผ่านกระดาน Big Lot ในวันนี้ สมัครใจ Lockup หุ้นเป็นเวลา 3 เดือน และเมื่อนับรวมกับหุ้นที่ถูกติด Silent Period ตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว จะมีหุ้นที่ถูกห้ามขายรวมเป็นจำนวน 72.97% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท
รายได้ปี 66 ทะลุ 1,045.81 ล้านบาท
นางสาวจิรยง อนุมานราชธน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ได้ชี้ว่า “ด้านผลการดำเนินงานใน ปี 2566 มีรายได้รวม 1,045.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.06% และมีกำไร 72.48 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 131.12% จากปีก่อนหน้า
ขณะที่ผลการดำเนินการในงวดไตรมาส 1 ปี 2567 มีรายได้รวม 297.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.89% และมีกำไรสุทธิ 20.13 ล้านบาท เติบโต 3.52% จากงวดเดียวกันเมื่อปีก่อน โดยมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40.00 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหลังหักสำรองต่าง ๆ
สำหรับราคาเป้าหมาย 6 โบรกเกอร์ ได้แก่ บมจ.บล.ฟินันเซีย ไซรัส, บมจ.บล.บียอนด์, บมจ.บล.ดาโอ, บมจ.บล.เคจีไอ (ประเทศไทย),บล.ลิเบอเรเตอร์ และ บล.ทรีนีตี้ ให้ราคาเหมาะสมหุ้น IPO MAGURO อยู่ที่ระหว่าง 21.40-25.00 บาท/หุ้น
ที่มา : SET