การเงิน

ซีอีโอ SCB ชี้แบงก์เป็นเรือธงสร้างกำไร สินเชื่อปีนี้ทรงตัวหรือโต1-2%

6 มี.ค. 67
ซีอีโอ SCB ชี้แบงก์เป็นเรือธงสร้างกำไร สินเชื่อปีนี้ทรงตัวหรือโต1-2%

 

ธนาคารไทยพาณิชย์ ตั้งเป้าสินเชื่อรวมปีนี้มีโอกาสทรงตัว หรือถ้าเติบโตได้เล็กน้อย 1-2% เหตุเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังฟื้นตัวไม่ดีนัก คาด GDP ปีนี้ที่ระดับ 2.6% ปีนี้เน้นสินเชื่อรายใหญ่เป็นตัวขับเคลื่อน ส่วนสินเชื่อรายย่อย แบงก์ยังจะขยายรายย่อย ในส่วนของสินเชื่อที่อยู่อาศัย ส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอียังต้องระวัง โดยแบงก์ยังคงเป็นเรือธงหลักในการสร้างกำไร สร้างรายได้ และ ทางกลุ่ม SCBX จะนำกำไร และ รายได้ ไปลงทุนเพื่อต่อยอดการเติบโตในอนาคต 

SCB เปิดแผนธุรกิจ ปี 2567 ตั้งเป้าสินเชื่อรวมจะทรงตัว หรือ เติบโตได้เล็กน้อยที่ 1-2% เนื่องจากภาพรวมของเศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้ไม่ดีนัก โดยปีนี้จะเน้นสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ที่ยังมีแรงขับเคลื่อนที่ดี ซึ่งธนาคารจะใช้กลยุทธ์ด้วยการเสนออัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม ส่งผลให้ผลตอบแทนลดลง แต่ความเสี่ยงก็ลดลงตามไปด้วย 

นอกจากนี้ ธนาคารยังเน้นขยายสินเชื่อรายย่อย โดยเป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัย แต่จะเน้นในกลุ่มบ้านราคามากกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไป เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำ และ ไม่ได้รับผลกระทบจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ในขณะที่สินเชื่อเอสเอ็มอีคาดว่า จะทรงตัว และ ยังต้องระมัดระวัง โดยจะเน้นกลุ่มลูกค้าเดิมที่ยังมีศักยภาพในการเติบโต 

นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เผย " ธนาคารไทยพาณิชย์ ยังคงเป็นเรือธงหลักในการสร้างกำไร สร้างรายได้ โดยใน และกลุ่ม SCBX จะนำกำไร และ รายได้ ไปลงทุนเพื่อต่อยอดการเติบโตในอนาคต" 

ส่วนธนาคารจะกลับมาเพิ่มรายได้ในกลุ่มของรายได้ค่าธรรมเนียมให้กลับมาสู่ระดับการเติบโตที่มากกว่า 10% โดยเน้นรายได้จากธุรกิจกลุ่มเวลธ์ รวมถึงด้านธุรกิจประกัน กองทุนรวม และ ธุรกรรมการโอน จ่าย ผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย และรักษาอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น(ROE) ให้อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง จากปีที่ผ่านมาที่ธนาคารยังคงรักษาระดับการทำกำไรได้ในระดับสูงที่ 49,000 ล้านบาท 

ขณะที่นโยบายการจ่ายปันผลนั้น ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ ซึ่งหากมอง 5 ปีข้างหน้า คาดว่า เงินปันผลจะไม่น้อยกว่า 5 ปีที่ผ่านมา โดยการจ่ายปันผลต้องเป็นระดับที่เหมาะสม และ ต้องไม่กระทบต่อฐานะทางการเงินของธนาคาร

ซื้อ Home Credit Vietnam ราคาเหมาะสม 

สำหรับการที่กลุ่ม SCBX ซื้อธุรกิจ Home Credit Vietnam นั้น นับเป็นหนึ่งกลยุทธของ SCBX สู่การเป็น Tech company ระดับภูมิภาค เนื่องจากประเทศเวียดนาม มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพีที่สูงประมาณ 7-8% และ มีประชากรมากกว่า 100 ล้านคน ตลอดจนมีฐานลูกค้าประมาณ 15 ล้านคน โดยคาดว่า กระบวนการจะแล้วเสร็จกลางปี 2568 

"ถามว่า ซื้อแพงไปไหม 3 หมื่นล้านบาท เรามองว่า เป็นราคาที่เหมาะสม และ มีโอกาสที่จะต่อยอดให้กับธุรกิจได้อีกหลายมิติ ซึ่งถ้าเราไม่ทำ ก็จะเสียโอกาส เพราะทั้ง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ต่างก็รุกหนักที่จะลงทุนเช่นกัน ประกอบกับ เราเองก็มีสาขาอยู่ในประเทศเวียดนามทำให้สามารถเชื่อมต่อธุรกิจกันได้ โดยจะเน้นในการแมชชิ่งธุรกิจในไทยที่สนใจจะไปลงทุนในเวียดนามด้วย" นายกฤษณ์ กล่าว 

SCB ไม่มีแผนร่วมทุน JV AMC

สำหรับการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน(JV AMC) นั้น นายกฤษณ์ กล่าวว่า ธนาคารยังไม่มีแผนที่จะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนดังกล่าวในขณะนี้ โดยธนาคารยังบริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ได้ดีอยู่ แต่การจัดตั้ง JV AMC ก็มีจุดที่ดีเช่นกัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับโครงสร้างในการบริหารงาน รวมถึงพันธมิตรที่ร่วมในการจัดตั้งด้วย

"เราไม่มีแผนที่จะจัดตั้ง JV AMC เพราะเรายังบริหารจัดการได้เอง ซึ่งธนาคารมีบริษัทลูกอย่าง SCBPLUS ที่ทำหน้าที่บริหารจัดการหนี้เสียอยู่แล้ว จึงมองว่า ไม่มีความจำเป็นที่ต้องจัดตั้งบริษัทขึ้นมาทับซ้อน" นายกฤษณ์กล่าว 

บริษัทลูกอย่าง SCBPLUS ที่ทำหน้าที่บริหารจัดการหนี้เสียอยู่แล้ว จึงมองว่า ไม่มีความจำเป็นที่ต้องจัดตั้งบริษัทขึ้นมาทับซ้อน  

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT