“ล่าสุด สภาทองคำโลก (World Gold Council) เปิดเผยว่า ธนาคารกลางทั่วโลกถือครองทองคำเพิ่มขึ้นเกือบ 400 ตันในไตรมาสที่ 3 (+115% q-o-q) นี่เป็นการเข้าซื้อภายในไตรมาสเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่ WGC มีการเริ่มบันทึกของมูลในปี 2000 และเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากสถิติก่อนหน้าที่ 241 ตันในไตรมาสที่ 3 ปี 2018”
นอกจากนี้ ยังถือเป็นการซื้อสุทธิเป็นไตรมาสที่ 8 ติดต่อกัน และทำให้ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ธนาคารกลางถือครองทองคำเพิ่ม 673 ตัน ซึ่งสูงกว่ายอดรวมทั้งปีของปีอื่นๆ นับตั้งแต่ปี 1967
ระดับความต้องการทองคำของธนาคารกลางในไตรมาสที่ 3 คือ การรวมกันของรายงานการเข้าซื้อของธนาคารกลาง และการประมาณการสำหรับการเข้าซื้อที่ยังไม่ได้รายงาน อย่างไรก็ดี WGC ระบุว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะธนาคารกลางบางแห่งไม่ได้รายงานการถือครองทองคำของตนต่อสาธารณะ หรือ อาจรายงานแต่มีความล่าช้า โดย Metals Focus ระบุว่า ธนาคารกลางบางแห่งอาจเริ่มเข้าซื้อในช่วงต้นปี
เมื่อพิจารณาสำหรับกิจกรรมที่ถูกรายงานในระดับประเทศ พบว่าแรงซื้อและขายมีเพียงธนาคารในตลาดเกิดใหม่ไม่กี่ประเทศ นำโดย
ทางด้านผู้ขาย พบว่าธนาคารกลางคาซัคสถานเป็นผู้ขายสุทธิรายใหญ่ที่สุดในไตรมาสนี้ โดยขายทองคำสำรองลง 2 ตัน และนับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ธนาคารกลางคาซัคสถานขายทองสุทธิ 21 ตันทำให้การถือครองทองคำลดลงเป็น 381 ตัน (63% ของทุนสำรองทั้งหมด)
“Goldman Sachs ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า แรงซื้อทองคำจากธนาคารกลาง โดยเฉพาะธนาคารกลางในตลาดเกิดใหญ่จะช่วยสร้าง Floor ให้กับทองคำ และช่วยชดเชยแรงขายที่เกิดจากกองทุน ETF ทองได้
ดังนั้น แรงซื้อจากธนาคารกลางที่ยังคงแข็งแกร่ง จะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับทองคำในระยะยาวได้ และทำให้ทองคำยังคงมีความน่าสนใจในปี 2023 เนื่องจากสะท้อนความเชื่อมั่นของเหล่าธนาคารกลางที่มีต่อทองคำได้เป็นอย่างดี”
ที่มา : World Gold Council
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท YLG Bullion And Future จำกัด